http://www.manager.c...D=9560000106159
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ 25 สิงหาคม 2556 14:49 น.กรณีนายชูชาติ ศรีแสง ใส่ร้ายแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ
ตามที่นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับสุดท้ายเป็นเท็จ โดยประเด็นที่นายชูชาติระบุว่าเป็นเท็จคือ
1.กรณีที่พันธมิตรฯ แถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชน ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน อย่างอยุติธรรมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
2.กรณีที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ลาออก แล้วพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมการชุมนุมภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์
ความเห็นของนายชูชาติกรณีนี้ได้รับการแชร์ไปอย่างกว้างขวาง หลายคนหลงเชื่อโดยไม้่ได้คิดตามให้ถี่ถ้วน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะฐานะของนายชูชาติที่เป็นถึงอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกาก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำโน้มนำความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการพูดถึงขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
ผมได้เข้าไปโต้แย้งข้อเท็จจริงในเฟซบุ๊กของนายชูชาติ ปรากฎว่า นายชูชาติกลับปิดกั้นโดยลบและบล็อกการเข้าถึงข้อความนั้นของผมโดยทันที ดังนั้นผมคิดว่าจะต้องนำเรื่องนี้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ เพื่อให้สาธารณชนตัดสินใจว่า เหตุผลของนายชูชาติคืออะไร ตรงกับข้อเท็จจริงในแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ หรือไม่
นายชูชาติเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า คดีหมายเลขดำที่..../....และคดีหมายเลขแดง..../....คืออะไร ง่ายๆ ก็คือ คำว่าคดีหมายเลขดำหมายความว่า เป็นจำนวนคดีที่มีผู้นำคดีมาฟ้องต่อศาลในแต่ละปีเริ่มตั้งแต่คดีแรกในวันที่ 2 มกราคม เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1 เรื่อยไปจนถึงวันสุดท้ายของปีนั้นว่า มีจำนวนกี่คดี ขึ้นอยู่ว่าศาลนั้นมีผู้นำคดีมาฟ้องมากน้อยแค่ไหน อาจมีจำนวน 2,000 หรือ 30,000 คดี เป็นต้น ส่วนตัวเลขหลังเครื่องหมาย / นั้นเป็นตัวเลขที่หมายถึงปี พ.ศ. เช่น …../2554 , …../2555 , …../2556 ก็หมายความปี 2554 ปี 2555 และ ปี 2556 ตามลำดับ
ข้างล่างนี้เป็นความเห็นของนายชูชาติ
............
เมื่อคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2556 พันธมิตรเพืิ่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศคำแถลงการณ์ต่อสาธารณชน มีข้อความตอนหนึ่งว่า
…..ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2556 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยังไม่นำมวลชนเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ สืบเนื่องจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชน ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน อย่างอยุติธรรมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องการสร้างพันธนาการให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ อ.973/2556 ให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ว่า
….."ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล”
…..ขอบอกกันอีกสักครั้งว่า เคยชื่นชมกลุ่นพัธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้ต่อสู้กับทักษิณ ชินวัตร และบริวารของทักษิณ เคยร่วมด้วยช่วยกันมาตลอด แต่ที่ต้องถอยออกมาก็เพราะไม่อาจยอมรับกับพฤติกรรมของแกนนำบางคนได้
…..ที่นำเรื่องนี้มาพูดในวันนี้อีกครั้งก็เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่กล่าวในคำแถลงการณ์บางตอนนั้นเป็นความจริงหรือความเท็จ เพื่อผู้ที่ยังหลงเชืิ่อในเรื่องข้อเท็จจริงจะได้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
…..คดีที่กลุ่มพันธมิตรถูกฟ้องคือ คดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ก็หมายความว่า เป็นคดีอาญาที่โจทก์คือพนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลในปี 2556 เป็นลำดับคดีที่ 973 ซึ่งถ้าดูตามที่กล่าวว่า ศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ก็น่าเชื่อว่าคงฟ้องเมืิ่อวันที่ 2 เมษายน 2556
…..ถ้าความจำยังไม่เลอะเลือนสิ่งเกิดขึ้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและมีให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 หลังการเลือกตั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554
…..หลังจากวัน เดือน ปี ดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปสั่งข้าราชการประจำคนไหนแม้แต่ลูกจ้างอย่างนักการภารโรงในทำเนียบรัฐบาล และตามความเป็นจริงอำนาจในการสั่งราชการหมดไปตั้งวันประกาศยุบสภาฯในเดือนพฤษภาคม 2554 แล้ว
…..ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 จนถึงเดือนเมษายน 2556 ที่มีการฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.973/2556 เป็นเวลาเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเดือนเมษายน 2556 พรรคการเมืองใดเป็นรัฐบาล ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ใครเป็นผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และใครดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ลองทนทวนความจำกันดู
…..ในระยะเวลาเกือบ 2 ปีดังกล่าว วิญญูชนที่พอมีปัญญาคิดได้บ้าง ไม่ตกเป็นผู้ป่วยสมองหรือความจำเสื่อม ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือป่วยเจ็บจนกลายเป็นคนทุพพลภาพ ก็น่าจะรู้ได้ว่า
……… มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่แกนนำพันธมิตรกับพวกถูกฟ้องให้กลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน และสั่งให้พนักงานอัยการฟ้องบุคคลดังกล่าวต่อศาล"
...........
สรุปความเห็นของนายชูชาติก็คือ ให้ดูปีที่ฟ้องศาล คือ /2556 เพื่อยืนยันว่า การฟ้องคดีไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยของนายอภิสิทธิ์แต่เป็นยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะนายอภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เพราะประกาศยุบสภาในเดือนพฤษภาคม 2554
สาธุชนที่ไม่ได้คิดตามก็ตอบว่า ใช่แล้ว อย่างนี้จะไปกล่าวหารัฐบาลอภิสิทธิ์ได้อย่างไร
ตอนแรกผมก็เข้าใจว่า นายชูชาติหลงประเด็นอะไรหรือเปล่า คนเป็นถึงระดับอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกาจะไม่เข้าใจขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร
ต่อมา น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง หนึ่งในทีมทนายความของพันธมิตรฯ ได้โพสต์ตารางซึ่งเป็นลำดับขั้นตอนของคดีพันธมิตรฯ ว่า เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ตั้งแต่วันเริ่มต้นชุมนุมใหญ่จนถึงวันถูกแจ้งข้อกล่าวหา และเรื่อยมาจนคดีขึ้นสู่ศาล โดยมีวัน ว. เวลา น.อย่างชัดเจน(ดูตารางทั้งสองประกอบ)