ที่จริงบทความมิได้ชื่อนี้ครับ แต่ผมมาตั้งเอง
อ่านแล้วทิ่มหัวใจดีมาก สำหรับคนไทยที่มีสติ เตรียมรับหายนะ "ฟางเส้นสุดท้าย" กันเสียตั้งแต่ตอนนี้ครับ
http://www.manager.c...D=9560000106212
ไม่โทษใครนอกจากไอเอ็มเอฟ![blank.gif](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
ย้อนไปเมื่อปี 2543 ผมเขียนและใช้ทุนตัวเองพิมพ์หนังสือชื่อ ไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟ ออกมา แรงจูงใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้มีหลายอย่างรวมทั้งความต้องการที่จะให้ความกระจ่างในบางด้านเกี่ยวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาเนื่องจากผมมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับองค์การนั้นในระหว่างที่ทำงานอยู่กับธนาคารโลก หนังสือขายไม่ดี ผู้จัดจำหน่ายจึงส่งคืนส่วนที่เหลือไปให้ผมจำนวนหนึ่งซึ่งกัลยาณมิตรนำไปขายลดราคาบ้างและผมนำไปแจกบ้างจนกระทั่งหมด หลายปีต่อมา คลังเอกสารสาธารณะนำไปสแกนขึ้นเว็บไซต์เพื่อให้ผู้สนใจดาวน์โหลดได้ฟรีที่ www.openbase.in.th (อาจเข้าไปดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนาก็ได้ที่ www.bannareader.org)
![blank.gif](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
โดยทั่วไปคนไทยมักไม่ค่อยได้ยินชื่อเต็มของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หากคุ้นเคยกับคำว่า “ไอเอ็มเอฟ” (IMF) ซึ่งย่อมาจาก International Momentary Fund หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2540 ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องไปกู้เงินจากองค์การนั้นมาทดแทนทุนสำรองของชาติที่สูญไปในการต่อสู้กับนักโจมตีค่าเงิน ชื่อของหนังสือจึงใช้คำว่า “ไอเอ็มเอฟ” แต่ผมใช้คำนั้นซ้ำสามครั้งตั้งชื่อหนังสือเพราะหวังจะสื่อถึงสิ่งอื่นอีกหลายอย่างที่อาจย่อจากภาษาฝรั่งมาเป็น IMF ได้ ชื่อคงไม่สื่อและไม่กระตุ้นความสนใจ หนังสือจึงขายไม่ค่อยออก
คงจำกันได้ว่า ในการให้รัฐบาลไทยกู้เงินนั้น ไอเอ็มเอฟตั้งเงื่อนไขให้รัฐบาลไทยทำหลายอย่าง บางอย่างมีประโยชน์ แต่บางอย่างมีผลข้างเคียงร้ายแรง ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีปัญหาอะไรตามมาในช่วงเวลาหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนั้น คนไทยจึงมักถูกชักจูงให้โทษไอเอ็มเอฟไม่ว่าปัญหาจะมาจากเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟหรือไม่ก็ตาม
แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 13 ปี แต่ผมมองว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือยังไม่ล้าสมัยเนื่องจากการทำงานขององค์การนั้นและปัจจัยพื้นฐานของปัญหาในสังคมไทยยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมจึงนำชื่อและรูปปกของหนังสือมาเสนอต่อสังคมออนไลน์ในหน้าเฟซบุ๊กของผมพร้อมกับบอกผู้ที่สนใจว่าสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ดังกล่าวได้ พร้อมกันนั้นผมตั้งคำถามว่า “ไอเอ็มเอฟ” ตัวไหนและผมพูดไว้ในหนังสือตรงไหนที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของปัญหาในสังคมไทยในปัจจุบัน ผู้ตอบถูกคนแรกจะได้รับรางวัลเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม ปรากฏว่ากัลยาณมิตรคนหนึ่งตอบไปสองครั้ง แต่ผิดทั้งคู่ ผู้ตอบถูกคนแรกเป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คำตอบที่ถูกคือ “ไอเอ็มเอฟ” ที่ย่อมาจาก Insufficient Moral Foundation ซึ่งแปลว่า ฐานทางศีลธรรมจรรยาไม่แข็งแกร่งพอ
ขอยอมรับว่านั่นเป็นการอ่านสภาพสังคมไทยของผมซึ่งคงมีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก แต่เนื่องจากผมเป็นผู้ตั้งเงื่อนไขเรื่องการให้รางวัล ผมจึงยึดการอ่านเหตุการณ์ของผมเป็นหลัก คำตอบอยู่ที่หน้า 76 ซึ่งพูดถึงเรื่อง “ต้นแค/เสาเข็ม” การอ่านเช่นนั้นสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ในการทำงานด้านการพัฒนาของผมทั้งในธนาคารพัฒนาเอเซียและธนาคารโลกเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ
(ต่อ)