ผมวิเคราะหฺ์ดูแล้ว
คิดว่าไม่ควรเอาข้าวกับยาง มาเปรียบกันเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามเลย
อย่ามุ่งแต่ทำลายล้างกัน โดยไม่คิดถึงผลกระทบอื่นๆที่ตามมา
มันเป็นข้อคิดที่กระทุ้งลิ้นปี่รัฐบาลต่างหากครับ หากใช้แนวบริหารแบบที่ท่านยุคลตอบ
ท่านก็หนีไม่พ้นที่จะต้องตอบคำถามในวงเล็บด้วย เพราะหลักการจัดการข้าว ท่านมั่นใจและดึงดัน
ที่จะกระทำ โดยไม่ฟังคำทัดทานรอบข้างเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อประเด็นเปลี่ยนจากข้าว เป็นยางพารา
ท่านกลับตอบคำถามเกษตรกรสวนยาง อย่างไม่แคร์ถึงสิ่งที่ท่านได้กระทำกับโครงการข้าว จะไปโทษการเปรียบเทียบ
นี้ ว่าคนละเรื่อง และมองว่าเป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามเสียทั้งหมด ก็ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนที่กรีดยาง เพราะ
ยางก็เป็นพืชเศรษฐกิจที่อุ้มชูประชาชนในหลายๆภาคเช่นกัน ผลกระทบอื่นๆที่คุณกล่าวถึง มันก็ล้วนแล้วแต่ย้อนกลับ
ไปถามถึงศักยภาพของรัฐบาล ในการแก้ปัญหา และ วิธีคิดในการบริหาร หากจะคิดถึงผลกระทบจริงๆ ทำไมไม่หยุดฟัง
เสียงเตือนจากรอบๆข้างตั้งแต่แรก นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นปากท้องประชาชน เมื่อท่านคิดถึงปากท้องประชาชน ก็ควรคิดถึง
คนในทุกๆอาชีพ.
จบเรื่องยาง คุณคิดว่าข้าวโพด มัน จะอยู่อย่างไร และถ้าเกิดปัญหา ก็คงไม่แคล้วที่จะออกมาบอกว่า อย่านำมาเปรียบเทียบ
เพื่อโจมตีอีกฝ่าย อีกอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ผลกระทบเกิดกับประชาชนของเราเอง
รัฐบาลไม่เก่ง ดื้อด้าน ไม่ฟังใคร อีกทั้งยังลุแก่อำนาจ พอจวนตัวไกล้ตาย ก็กลับลำยอมพลิกลิ้น นี่คือสิ่งที่เราเห็น
จากความด้อยของรัฐบาล
จนถึงตอนนี้แทนที่เราจะคิดว่าอีกฝ่าย อีกข้าง อีกพวก ผมว่ากลับมาถามตัวเองใหม่ วิเคราะห์ใหม่ดีกว่า
รัฐบาลจะแสดงศักยภาพอะไร ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นมืออาชีพ. ดีกว่า