เขาว่ากันว่า จินตนาการล้วนๆ
พรรคเมริงนั่นแหละตัวต้นตำรับเลย
13 ส.ค.56 ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
กรณีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.52 เวลา 14.00 และ 22.00 น.จำเลยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า โจทก์เตรียมดำเนินการใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง โดยให้คนต่างด้าว 5,000 คน แฝงตัวชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ไปทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณ ถ.ราชดำเนิน
คดีนี้ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.54 ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่า ทางนำสืบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1(ขณะนั้น) ซึ่งรับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยควบคุมการชุมนุม เบิกความว่า ทางการข่าวทราบว่า มีบุคคลต่างด้าวมาร่วมชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งได้พยายามควบคุม ขณะที่ทางการสืบสวนสอบสวนพบว่า เหตุการณ์การชุมนุมบางครั้ง สามารถถูกสร้างสถานการณ์ได้ทุกฝ่าย การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการทำหน้าที่ของโจทก์ที่ติดตามดูแลความเรียบร้อยการชุมนุม ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นเพื่อความชอบธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษตามความผิดด้วย
ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ขณะนั้น นายสุเทพ โจทก์ ได้แถลงข่าวระบุว่า รับรายงานจากสำนักข่าวกรองว่า จะมีคนต่างด้าว เข้ามาชุมนุมร่วมกับม็อบ นปช. ซึ่งต่อมาจำเลยก็ได้แถลงข่าวตอบโต้ว่า ฝ่ายรัฐบาลจะเกณฑ์คนต่างด้าวมาชุมนุมก่อความวุ่นวายและทำลายพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง ประกอบกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น1.พยานในฐานะผู้เจรจาต่อรองกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เบิกความว่า ทางการข่าวมีรายงานว่ากลุ่มต่างด้าวได้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งการสร้างสถานการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งสองฝ่าย ซึ่งภายหลังมีการจับกุมคนต่างด้าว 2-3 คนช่วงที่มีการชุมนุม เมื่อขณะนั้นโจทก์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุม จำเลยจึงได้แสดงความคิดเห็นแถลงข่าวตามความจริงที่ตนรับทราบมา ซึ่งได้วิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบการทำหน้าที่ของโจทก์ จึงเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ภายหลังฟังคำพิพากษานาย จตุพร กล่าวสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า คดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นประเด็นที่เกิดจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ขณะที่ตนต้องขอขอบคุณศาลที่พิพากษาทั้ง 2 คดี หลังจากนี้ก็จะแก้ต่างต่อสู้คดีที่ยังเหลืออยู่