บนศีรษะของเรานั้นมี หนังศีรษะกับเส้นผม มีโรคเกิดขึ้นได้เหมือนกับอวัยวะอื่นๆที่เป็นโรคหากเราไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพของอวัยวะนั้นบ้าง บนศีรษะของเราตั้งแต่เกิด บางคนโชคดีไม่พบโรคเลย เพียงแค่สระล้างให้สะอาดเท่านั้น คงเป็นเพราะภายในร่างกายสุขภาพดี แต่บางคนเกิดมาก็มีชันตุ น้ำเหลือง รังแคเป็นแผ่น คัน เป็นแล้วเป็นอีก ซึ่งผู้ใหญ่ก็เป็นได้หากมีการติดเชื้อมา หรือไม่ขยันสระผม ตอนอายุน้อยๆบนศีรษะเราไม่ค่อยเป็นอะไรแต่พอเลยวัย เข้าวัยกลางคนหรือสูงอายุ ก็เกิดปัญหาสภาพผมไม่เหมือนเดิม ซึ่งการแก้ไขให้เหมือนเดิมต้องใช้เวลานานมาก บันทึกนี้นำสมุนไพร ที่ช่วยทำให้หนังศรีษและเส้นผมดีขึ้นได้ หากเราทำสม่ำเสมอ เพียงแต่ขยันทำเท่านั้น
สมุนไพรเพื่อสุขภาพดีบนศีรษะ
1. ทองพันชั่ง หญ้ามันไก่
ใช้ส่วน ราก ต้มสระผม แก้ผมร่วง ผมหงอก แก้รังแค
2. ชบา ชบาดอกแดง ,ชบาดอกขาว, Shoe Flower
ใช้ส่วน ดอก ตำพอกหรือทาบำรุงเส้นผม
3. ซองแมว ซ้องแมว , ควาย, ยองขนุน (สุราษฏร์) , จิ้งจาย(ใต้) , ซ้องแมวใหญ่, ซองแมวน้ำ, จิงจ้อ , ซ้อแมว(เหนือ), ปะงางอ (ปัตตานี)
ใช้ส่วน ใบ ตำพอก แก้ผมร่วง แก้ปวดศรีษะ
4. มะกรูด ส้มกรูด , ส้มมั่วผี(ใต้), มะหูด(หนองคาย), Leech Lime, Porcupine orange
ใช้ส่วน ลูก ปิ้งไฟให้สุก ผ่าครึ่งลูกเอาถูฟอกสระผม ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม นุ่มสลวย แก้คันศีรษะ แก้รังแค
5. เทียนกิ่ง เทียนย้อมมือ ,เทียนย้อม , Hana Tree , Mignonette Tree Sinnamomo , Egyptian Privet
ใช้ส่วน ใบ ให้สี ผมแดง
6. ฟักข้าว ผักข้าว(เหนือ), ขี้กาเครือ (ปัตตานี) ,พุเด๊ะ(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ใช้ส่วน ราก แช่น้ำสระผม แก้ผมร่วง ฆ่าเหา
7. ตีนเป็ดน้ำ ตีนเป็ดทะเล ,ตุม(กาญจนบุรี ) ,สั่งลา (กระบี่) พะเนียงน้ำ
ใช้ส่วน เมล็ด แก้ผมหงอก
8. น้อยหน่า มะนอแน่ (เหนือ) ,หมากเขียบ(อีสาน) ,ลาหนัง ( ปัตตานี) เตียบ (เขมร),
Sugur Apple ,Sreet ,Sop custard
ใช้ส่วน เมล็ด ฆ่าเหา
9. ส้มป่อย ส้มขอน
ใช้ส่วน ฝัก ต้มเอาน้ำสระผม แก้รังแค
10. อัญชัน ใช้ส่วน ดอก ผมดกดำ
11. มะพร้าว ใช้หัวกะทิ - น้ำมันมะพร้าว
แก้ชันตุ แก้รังแค แก้หนังศีรษะคัน รักษาชื้อราบนหนังศีรษะ
ผมดำดำ นิ่ม ลื่น เงางาม รักษาเหา ผมไม่แตกปลาย แก้ผมร่วง บำรุงรากผม
12. เหงือกปลาหมอ ใช้ทั้งต้น ตำคั้นเอาน้ำทาศีรษะ บำรุงรากผม
13. ดีปลาหมอ แก้ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
ขอบคุณ สรรพคุณ สมุนไพรบำรุงผม หนังศีรษะ จากหนังสือ เภสัชกรรมไทยฯโดย วุฒิ วุฒิธรรมเวช และประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ผลจริง
ที่มา http://www.gotoknow.org/posts/494031