32 replies to this topic

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

http://www.manager.c...D=9560000109109

"สนธิ" ลั่นอุทิศชีวิตที่เหลือในการให้ปัญญาคนไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เผยเตรียมเปิดชั้นเรียนมหาวิทยาลัยเอเอสทีวี ให้พันธมิตรฯสมัครเข้ารับการอบรมทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เพื่อกระจายความรู้ต่อไปยังผู้อื่น มั่นใจอดีตแกนนำพันธมิตรฯแม้มีแนวทางเดินต่างกันออกไป แต่ทุกคนล้วนเอาชาติเป็นตัวตั้ง พร้อมย้ำจะไม่ประท้วงรายประเด็น แต่จะสู้เพื่อคนไทย 65 ล้านคน

 

 ชีวิตที่เหลือของตนต้องทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ถามว่ายากไหม ยากฉิบหาย แต่ต้องทำ เพราะถ้ามัวมานั่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วทุกคนหยุด เราจะไปไหนไม่รอดเลยแม้แต่นิดเดียว
       
       "ผมตั้งปณิธาน สัจจะวาจากับตัวผมเองว่าจะอุทิศตัวที่เหลือของชีวิตรุกในการให้ปัญญา ระดมคนเพื่อจะเปลี่ยนประเทศ ผมต้องการเปลี่ยนประเทศให้กับคนไทย 65 ล้านคน" นายสนธิ กล่าว
       
      **************************************************************

 

 

 

ไปอ่านที่เหลือต่อกันเองนะครับพี่น้อง เพราะผมแค่จะบอกว่า

 

1. ชีวิตที่เหลือของสนธิต้องไปอยู่ในคุกมิใช่เรอะ  จากจำคุก 80 ปีลดเหลือกี่ปีนะ...ที่แป๊ะอุทธรณ์ไปน่ะ

2. คิดจะเปลี่ยนประเทศไทย ถามคานธีหรือยัง?

 

 

 

 

 

[pooyong]

เอาเงินที่หนายยย  มาตั้งโรงเรียน

[Solid Snake]

เอาเงินที่หนายยย  มาตั้งโรงเรียน

เงินบริจาคกระมัง

[XqOrez]

เอาน่าๆ ... ยังไงก็ดูมี ความแปลกใหม่ กว่า Idea เก่าๆ ในหลายๆ ครั้ง นะฮะ

 

 

ฟังเฮียแก ต้องก้าวข้ามคำด่าคำเหน็บ ... เอากันแต่เนื้อๆ (อยู่ช่วงที่ 3 ตรงกลางๆ ถึงปลายๆ)

(เดี๋ยวนี้ใช้ youtube กดข้ามได้ ... ดีโพดๆ ไม่ต้องเสียเวลาฟัง อะไรซ้ำซาก       )

 

 

อย่าพึ่งปิดใจกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถึงขนาดน้าน ท่านๆ ...

ไม่มีใครดีดี๊ดี จนไม่มีเลว ...และ... ไม่มีใครเลวเล๊วเลว จนไม่มีดี ครับ 

[IFai]

     ไม่เห็นเบอร์ บช.ธนาคารเลย

[phoebus]

ไป Takeover จากมหา'ลัยสันติภาพโลกได้นะ

 

   

[comma]

สายเหยี่ยวแบบนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าเด็กที่จบมาจะเป็นอย่างไร

[eAT]

เมื่อเช้าเปิดผ่านๆ เจอเข้าถึงอึ้ง โกหกจนลืมไปหมดแล้วว่าโกหกอะไรบ้าง

มันเลยค้านกับที่เคยพูดเก่าๆ มา

 

 

ผมสู้ทั้ง ฟ้า ทั้ง แดง

เอ็งบอกว่าจะจับมือกันฟ้า ถ้าเขาลาออกไม่ใช่หรือ ดันมาบอกว่า "สู้" กับเขา

แถมพึ่งผ่านกันมาไม่นาน บอกว่าแดงรักชาติ รักประชาธิปไตยเหมือนกัน

ยกเว้นแค่เรื่อง "ทักษิณ" เท่านั้น ดันบอกว่า "สู้" กับเขาด้วย

 

 

ไหนบอกว่า "โหวตโน" ดี แถมสาวกยังมาดิ้นตอแหลในนี้มากมาย ตอนนี้

ไม่พูดถึงแล้ว ไม่สนแล้ว ไม่เสียชาติเกิดแล้วหรือ? แค่ทำไปครั้งเดียวนี่นะ

ไหนว่าดี นี่ก็เปลี่ยนอีกล่ะ

[2012]

"ผม ตั้งปณิธาน สัจจะวาจากับตัวผมเองว่าจะอุทิศตัวที่เหลือของชีวิตรุกในการให้ปัญญา ระดมคนเพื่อจะเปลี่ยนประเทศ ผมต้องการเปลี่ยนประเทศให้กับคนไทย 65 ล้านคน" นายสนธิ กล่าว  <---  สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่าแป๊ะ    จริงๆไม่ต้องเปิดมหาลัยหรอก  มาถึงขนาดนี้แล้ว ไปสมัครเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ โรงเรียนนปช ก็ได้

[หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม]

มหาลัยชินวัตร แถวปทุมธานี น่าจะเหมาะ

[robbo]

"แต่ตนเรียนให้รู้ก่อนว่าตนจะไม่ประท้วงเป็นรายประเด็น ไม่ประท้วงระบอบทักษิณ ไม่ประท้วง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม"

 

 

อื้อฮือ   แป๊ะเลิกทำเหนียมอายแล้วจริงๆล่วย

 

จะอยู่ข้างทักษิณ ก็ต้องด้านเข้าไว้  ด้านให้หนัก ด้านแล้วได้ดี ตัวอย่างมีให้เห็น...แยะ

[arun sound]

เอ่อๆ ลุงแป๊ะครับ

แล้วลุงได้ถามสมาชิกแล้วหรือยังครับ หรือว่า เผด็จการเหมือนเดิม?

[kukkuk]

รายการเมื่อคืน สนธิยังออกมาด่า ปชป เรื่องการชุมนุมประท้วงของชาวสวนยางอยู่เลย

แป๊ะ เปลี่ยนมาด่า ปชป เต็มรูปแบบแล้ว

[redfrog53]

ยังเพ้อฝันอยู่ได้นะแป๊ะฯ ใช่มั่ย แพรต!!

[55555]

เอ้า !!  เหรอ

 

นึกว่าใช้เวลาที่เหลือไล่บี้ ปชป. ซะอีก

 

 

[เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง]

อย่าเหมารวมเดี๊ยนเป็น 1 ใน 65 ล้านของเอ็งนะยะ

[ที่บ้านเคร่งเรื่องมารยาท]

แพร่ดหาทางเข้าเวปได้ป่าวเนี่ย
หายไปเบยยยยย

[so what?]

กราบคารวะท่านอธิการบดีล่วงหน้าครับ

ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย

[หน้าตาไม่ดี แต่เร้าใจ]

โถ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 

ไอ้แป๊ะขี้โม้ ไอ้แป๊ะขี้คุย

ทุกอย่างที่ทำมา เพื่อตัวเองเท่านั้น

ถ้าเ็อ็งแน่จริง เอ็งต้องไม่เป็น หนี้แบงค์มากมายจนล่มจม จนถึงวันนี้

 

อย่าโกหก+ตอแหล ต่อไปอีกเลย

ถ้าเอ็งรักชาติไทยจริง...หุบปากซะมั่ง  หรือพูดให้น้อยๆหน่อย จะดีมั่กๆ

[sudthorn]

เด็กเลี้ยงแกะ พออกมาลั่นอุทิศทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อให้ปัญญาคนไทยเปลี่ยนประเทศ
ใครเชื่อยกมือขึ้น
ขนาดพูดจะไม่รับตำแหน่งใด ๆ ถ้ารับจะให้เอารองเท้าตบปาก
ถ่มนำ้ลายลดหน้า แล้วก็กลืนนำ้ลายตัวเอง เพราะรู้ว่าทำอะไรไปคนที่ไร้สมองเป็น
สาวกก็เชื่อ
มาพูดทำไมเมื่อหมดคนเชื่อถือ ผิดเวลาแล้วครับผม เวลาที่ควรจะทำนั่นตั้งแต่ปลายปี
2549 โน้นแล้วควรออกมาให้ความรู้ให้ปัญญา ไม่ควรออกมานำเป็นม๊อบข้างถนนอีก
แล้วพวกเหี้หี้ยหายไปไหม ก็ยังมาหลอกหลอนอีก แถมหนักขึ้นด้วยตัวช่วย vote "No"
ด่าคนที่ไม่ให้ผลประโยชน์ตัวเองตลอด โดยเฉพาะ ปชป เราว่าหยุดเห่าหยุดหอน ก็น่า
จะพอ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องมาเป็นเทพเทวดาอีก เบื่อ เบื่อแบบโครต โครตเลย

[ypk]

เหอะ เหอะ  เขาจำเป็นครับ เขาต้องเคลื่อนไหวเพื่อรักษาสถานะความเป็นแกนนำ และ

หล่อเลี้ยงความรู้สึกของสาวกทองเนื้อแท้ของเขาไว้ เพราะถ้าไม่เคลื่อนไหวอะไรนี่ จะหายไป

จากความทรงจำทางการเมืองเลยนะครับ

 

มหาวิทยาลัย เคยตั้งมาแล้วครับถ้าจำกันได้ มหาวิทยาลัยราชดำเนินไงครับ มีผลงานมาแล้ว

ผลิตคนให้เป็นเครื่องถ่ายเอกสาร แบบเจ้า Phat ครับ คู่แข่งกับโรงเรียน นปช เลย ต่างกันตรง

โรงเรียน นปช ผลิตคนให้เป็น..... เท่านั้น

 

อย่าไปวิตกกังวล เพราะความชอบ ไม่ชอบ กับคนคนนี้มากเลยครับ เพราะเขา ด่า ก็มีส่วนดี คือ

ไม่เหงา แต่การด่าของเขามันทำลายตัวเขาเองตรงนี้ทั้งน่าสงสาร และน่าสมเพช ที่เขาไม่ยอมรับ

แต่กลับทำให้มันหนักเข้าไปอีกโดยการโทษคนอื่นว่าเป็นคนทำเขา ถ้าเขายอมรับว่า ความหลงอำนาจ

ของเขามันคือการทำลายตัวเขาเอง เขาอาจกลับมา ผงาดได้อีก แต่ถ้ายังหลงตัวหลงตนอยู่อย่างนี้ คง

ฟื้นยากครับ อย่างมากก็แค่รักษาสถานะตัวเองไว้เท่านั้น

[พระฤๅษี]

>>> ต้องขออภัย  ที่เข้ามาใช้หน้ากระทู้  ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้ โดยตรง

 

เกี่ยวกับ พธม ใน ASTV   ที่คำว่า ( ให้ปัญญา ) ขอให้ใช้คำว่า..ให้ความรู้..

 

จะถูกต้องกว่า  ..เหตุผล. ปัญญา...หรือ ( ศีล.สมาธิ,ปัญญา ) มันเป็นเอกภาพ

 

ของแต่บุคคล. ดั่ง ( บัวสี่เหล่า ) ซึ่งจะมีปัญญา   IQ .. ต่างกัน ให้กันไม่ได้

 

ของใคร มาก-น้อยแค่ไหน..ก็เกิดจาก  สติปัญญา ของเขาเอง.การที่ พธม..

 

บอกว่า ให้ปัญญา   จึงดูจะไม่ตรงข้อเท็จจริง..( ให้ความรู้ ) น่าจะตรงกว่า....

 

ขอขอบคุณ  ทุกท่าน ใน ASTV .......

[อู๋ ฮานามิ]

ทำไมนึกถึง มหาวิทยาลัยราชดำเนิน ตอนชุมนุมที่แยกมัฆวาน

[vitocorleone]

"ผม ตั้งปณิธาน สัจจะวาจากับตัวผมเองว่าจะอุทิศตัวที่เหลือของชีวิตรุกในการให้ปัญญา ระดมคนเพื่อจะเปลี่ยนประเทศ ผมต้องการเปลี่ยนประเทศให้กับคนไทย 65 ล้านคน" นายสนธิ กล่าว  <---  สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่าแป๊ะ    จริงๆไม่ต้องเปิดมหาลัยหรอก  มาถึงขนาดนี้แล้ว ไปสมัครเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ โรงเรียนนปช ก็ได้

 

 

ท่านอาจจะตั้งตนเป็นศาสดาได้นะครับ

[Lilith Tear]

บ้าไปแล้ว คนคนนี้

[HiddenMan]

     เรียนจบโรงเรียน นปช ก็ไปต่อมหาวิยาลัย ASTV... ครบวงจร

[10APR10]

3ค่าย3โรงเรียน แดง ฟ้า เหลือง

 

แตกแยกกันต่อไป 

[ryukendo]

เอ้า !!  เหรอ

 

นึกว่าใช้เวลาที่เหลือไล่บี้ ปชป. ซะอีก

 

 

 

“แมลงสาบ” หน้ามืด ถล่มพันธมิตรฯ กวาดต้อนมวลชน

 

 

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-แม้ จะเป็นที่ชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ แล้ว สำหรับการประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ที่ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นายศรัณยู วงศ์กระจ่างและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผ่านแถลงการณ์ฉบับสุดท้าย และคำเปิดใจของแกนนำ ทุกคนทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี แต่ถึงกระนั้นก็ดีการเล่นเกมการเมืองเพื่อใส่ร้ายป้ายสีและดิสเครดิตแกนนำ พันธมิตรฯ ก็ยังคงดำเนินต่อไป
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก “พรรคแมลงสาบ”
       
       ทั้งนี้ แม้เปลือกนอกแมลงสาบตัวเล็กตัวน้อยไล่เรื่อยไปจนถึงหัวหน้าแมลงสาบจะแสดง ความชื่นชมโสมนัส แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเล่นเกมเพื่อกวาดต้อนมวลชนของพันธมิตรฯ ให้ย้ายไปสังกัดแมลงสาบก็เป็นไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสื่อมวลชน ทั้งเว็บไซต์ สถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ที่ชัดแจ้งแล้วว่า เป็นเครือข่ายของแมลงสาบ
       
       ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะดำรงความเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร(ส.ส.) โดยไม่ยอมประกาศลาออก เลือกที่จะสู้ในรัฐสภาทั้งๆ ที่รู้ว่าแพ้ และเลือกที่จะ “ฮั้ว” กับระบอบทักษิณเพื่อรับรองความชอบธรรมของระบอบเผด็จการทางรัฐสภาให้ดำรงอยู่ ต่อไป เนื่องเพราะไม่คุ้นชินกับสถานภาพประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีเอกสิทธิของ ส.ส.คุ้มกะลาหัว
       
       “นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 24 ส.ค.บนเวทีผ่าความจริง “หยุดกฎหมายล้างผิด” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้นบริเวณลานเยื้องโลตัสวังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่า “กรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ แนะนำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อลงมาต่อสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศ ผมเคารพความคิดและข้อเสนอแนะดังกล่าว แต่พวกผมเห็นต่างว่า เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา นอกจากนี้ ผมยังต้องการให้มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบของประชาธิปไตยที่ดีกว่า ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ได้มาอย่างไร เมื่อนั้นพวกผมก็พร้อมที่จะเสียสละ”
       
       อย่างไรก็ดี แม้การประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรฯ หลายคนจะมองว่า เป็นการปลดล็อกมวลชนให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือ มวลชนพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ดังนั้น โอกาสที่จะเป็นไปตามความฝันของ “นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ ประกาศตั้งแต่ไก่โห่ว่า “มวลชนกลุ่มพันธมิตรประมาณ 80% จะเข้าร่วมชุมนุมกับ ปชป. หรือกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ” จึงเกิดขึ้นได้ยาก
       
       และเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย การเล่นเกมทั้งบนดินและใต้ดินก็อุบัติขึ้น
       
       ยกตัวอย่างเช่น กรณีของนายสนธิที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศโดย ระบุว่า ถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตรและก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ไปได้ก็พร้อมจะร่วมมือ
       
       สิ้นเสียงให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ขบวนการแมลงสาบโดยเฉพาะตามเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยแมลงสาบไปสุมหัวกันอยู่ก็ สำแดงอาการทุรนทุรายออกมาว่า นายสนธิพร้อมจะจับมือกับคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่า นี่คือใบเสร็จที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่า นายสนธิรับเงินนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ขณะที่หนังสือพิมพ์สัญชาติแมลงสาบก็พาดหัวว่า “สนธิแย้มจับมือแดง” เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
       
       นอกจากนี้ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ยังได้ปรากฏข้อเขียนของ “นายชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับสุดท้ายเป็นเท็จ ซึ่งสังคมรู้ดีกว่านายชูชาติสวมเสื้อสีอะไร
       
       ประเด็นที่นายชูชาติพยายามโจมตีมี 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ แกนนำพันธมิตรฯ ใส่ร้ายป้ายสีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยหยิบยกข้อมูลมาอธิบายเป็นฉากๆ ว่า การฟ้องคดีเกิดขึ้นในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เพราะประกาศยุบสภาในเดือนพฤษภาคม 2554 ประเด็นที่สองคือ กรณีที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ลาออก แล้วพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมการชุมนุมภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเข้าทางระบอบทักษิณ
       
       แต่ข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
       
       คดีที่กลุ่มพันธมิตรถูกฟ้องคือ คดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 โดย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเอง และแจ้งข้อกล่าวหาครั้งที่สองเมื่อวันที่ 26 สิ่งหาคม 2553 โดย พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนแทน พล.ต.ท.วุฒิ ซึ่งทั้งสองครั้งนี้อยู่ในสมัยของนายอภิสิทธิ์ทั้งสิ้น
       
       ต่อมาพันธมิตรฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายครั้งว่า ขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งนอกจากนายอภิสิทธิ์จะไม่เปลี่ยนโดยอ้างว่าไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของ ตำรวจแล้ว การยื่นร้องเรียนไปแต่ละครั้งก็จะมีการเพิ่มผู้ต้องหาและข้อกล่าวหากลับมา ทุกครั้งจากครั้งแรกที่มีผู้ถูกกล่าวหา 36 คน จนรวมกันเป็น 114 คนในที่สุด แต่สุดท้ายก็สามารถตามตัวมาดำเนินคดีได้เพียง 96 คน
       
       ส่วนข้อเรียกร้องให้ ส.ส.ปชป.ลาออกนั้น นายชูชาติกล่าวว่า “เป็นการหลอกให้ ส.ส.ปชป. ลาออก เพื่อต้องการให้ประชาชนทั่วประเทศด่า เกลียดชัง หมดความเชื่อถือ และกลายเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนสาปแช่ง ปชป .ที่มีอายุเกือบ 70 คงถึงกาลอวสานแน่นอน ใช่หรือไม่ ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือทักษิณ ชินวัตร กับญาติพี่น้อง พรรคพวกและบริวาร เพราะจะไม่มีพรรคการเมืองใดมี ส.ส.มาขัดขวางการโกงกินชาติบ้านเมืองทั้งในและนอกสภาอีกต่อไป ประเทศไทยก็จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลชินวัตร ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่”
       
       แต่ข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะแถลงการณ์ตลอดรวมถึงความเห็นของแกนนำระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องการให้ออกมาต่อสู้นอกสภาเพื่อยืนยันว่าไม่ยึดติดกับตำแหน่งหรือการ เปลี่ยนขั้วทางการเมือง ถ้า ปชป.กระทำเช่นนั้น แม้จะติดเงื่อนไขศาล พันธมิตรฯ ก็พร้อมจะร่วมต่อสู้ถ้าการต่อสู้นั้นเป็นการสู้เพื่อปฏิรูปประเทศ
       
       อย่างไรก็ตาม ถามว่า สำหรับการประกาศยุติบทบาทแกนนำพันธมิตรฯ ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองอะไรหรือไม่ และสถานการณ์นับจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
       
       คำตอบก็คือเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
       
       ประการแรกที่เปลี่ยนแปลงก็คือ ประชาชนและสังคมไทยจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพรรคแมลงสาบได้ชัดเจนขึ้นว่า พวกเขาจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ หรือยังคงมุ่งหวังที่จะต้องการอำนาจรัฐเหมือนเช่นเดิม ซึ่งคำตอบก็ชัดแจ้งในระดับหนึ่งจากท่าทีของนายอภิสิทธิ์ดังที่กล่าวไปก่อน หน้านี้และ 2 แกนนำพรรคคือนายนิพิฏฐ์ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
       
       ทั้งนี้ นายนิพิฏฐ์ระบุชัดเจนว่ากำลังพูดคุยกับกลุ่มการเมืองทั้ง 12 กลุ่ม อาทิ กลุ่มเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ สันติอโศก หน้ากากขาว ฯลฯ ซึ่งแปลความได้ว่า ปชป.กำลังรวบรวมสรรพกำลังในการเคลื่อนไหว ใช่หรือไม่
       
       ส่วนนายชวนนท์ก็ประกาศชัดว่า “พรรคจะเคลื่อนไหวทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเข้มข้นจนกว่ากฎหมายนิรโทษกรรมจะ ตกไป โดยเมื่อถึงจุดที่ต้องเคลื่อนไหวนอกสภา ส.ส.แต่ละคนจะพิจารณาเองว่า บทบาทของตนเองจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ เนื่องจากหากประเทศชาติไม่เหลืออะไรแล้ว การเป็น ส.ส.ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ซึ่งแปลความได้ว่า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะยังคงเล่นเกมในสภาโดยไม่ยอมลาออกจากความเป็น ส.ส.และปล่อยให้ภาคประชาชนเคลื่อนไหวนอกสภามีความเป็นไปได้สูง ใช่หรือไม่
       
       ขณะที่การเปลี่ยนแปลงประการที่สองจะทำให้การเคลื่อนไหวของแกนนำ พันธมิตรฯ แต่ละคนจะมีพลวัตรและมีพลังทะลุทะลวงไปในอีกมิติหนึ่ง เพราะต้องไม่ลืมว่า แกนนำแต่ละคนเต็มไปด้วยประสบการณ์ทางการเมืองและมีศักยภาพในการนำประชาชนที่ ไม่อาจประมาทได้
       
       ที่สำคัญคือ การประกาศยุติบทบาท ก็ไม่ได้หมายความว่าแกนนำทุกคนจะยุติบทบาททางการเมือง แต่แกนนำจะยิ่งมีความคล่องตัวและเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และการรวมตัวหรือการจับมือกันเป็นกลุ่มใหม่ได้ตลอดเวลา
       
       ดังนั้น นี่อาจจะเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจ ที่จะต้องแสวงหาข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่นว่า แกนนำแต่ละคนจะเดินเกมรุกในรูปแบบไหนบ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

 

http://www.manager.c...D=9560000109093

 

 

 

น่าจะใช่ครับ ล่าสุด จัดหนัก จัดเต็มกันเลย ....

 

ท่านเทพอุทิศชีวิตให้กับการไข้วกับ ปชป.แล้วครับ

[55555]

 

เอ้า !!  เหรอ

 

นึกว่าใช้เวลาที่เหลือไล่บี้ ปชป. ซะอีก

 

 

 

“แมลงสาบ” หน้ามืด ถล่มพันธมิตรฯ กวาดต้อนมวลชน

 

 

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-แม้ จะเป็นที่ชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ แล้ว สำหรับการประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ที่ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นายศรัณยู วงศ์กระจ่างและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผ่านแถลงการณ์ฉบับสุดท้าย และคำเปิดใจของแกนนำ ทุกคนทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี แต่ถึงกระนั้นก็ดีการเล่นเกมการเมืองเพื่อใส่ร้ายป้ายสีและดิสเครดิตแกนนำ พันธมิตรฯ ก็ยังคงดำเนินต่อไป
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก “พรรคแมลงสาบ”
       
       ทั้งนี้ แม้เปลือกนอกแมลงสาบตัวเล็กตัวน้อยไล่เรื่อยไปจนถึงหัวหน้าแมลงสาบจะแสดง ความชื่นชมโสมนัส แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเล่นเกมเพื่อกวาดต้อนมวลชนของพันธมิตรฯ ให้ย้ายไปสังกัดแมลงสาบก็เป็นไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสื่อมวลชน ทั้งเว็บไซต์ สถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ที่ชัดแจ้งแล้วว่า เป็นเครือข่ายของแมลงสาบ
       
       ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะดำรงความเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร(ส.ส.) โดยไม่ยอมประกาศลาออก เลือกที่จะสู้ในรัฐสภาทั้งๆ ที่รู้ว่าแพ้ และเลือกที่จะ “ฮั้ว” กับระบอบทักษิณเพื่อรับรองความชอบธรรมของระบอบเผด็จการทางรัฐสภาให้ดำรงอยู่ ต่อไป เนื่องเพราะไม่คุ้นชินกับสถานภาพประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีเอกสิทธิของ ส.ส.คุ้มกะลาหัว
       
       “นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 24 ส.ค.บนเวทีผ่าความจริง “หยุดกฎหมายล้างผิด” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้นบริเวณลานเยื้องโลตัสวังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่า “กรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ แนะนำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อลงมาต่อสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศ ผมเคารพความคิดและข้อเสนอแนะดังกล่าว แต่พวกผมเห็นต่างว่า เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา นอกจากนี้ ผมยังต้องการให้มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบของประชาธิปไตยที่ดีกว่า ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ได้มาอย่างไร เมื่อนั้นพวกผมก็พร้อมที่จะเสียสละ”
       
       อย่างไรก็ดี แม้การประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรฯ หลายคนจะมองว่า เป็นการปลดล็อกมวลชนให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือ มวลชนพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ดังนั้น โอกาสที่จะเป็นไปตามความฝันของ “นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ ประกาศตั้งแต่ไก่โห่ว่า “มวลชนกลุ่มพันธมิตรประมาณ 80% จะเข้าร่วมชุมนุมกับ ปชป. หรือกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ” จึงเกิดขึ้นได้ยาก
       
       และเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย การเล่นเกมทั้งบนดินและใต้ดินก็อุบัติขึ้น
       
       ยกตัวอย่างเช่น กรณีของนายสนธิที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศโดย ระบุว่า ถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตรและก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ไปได้ก็พร้อมจะร่วมมือ
       
       สิ้นเสียงให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ขบวนการแมลงสาบโดยเฉพาะตามเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยแมลงสาบไปสุมหัวกันอยู่ก็ สำแดงอาการทุรนทุรายออกมาว่า นายสนธิพร้อมจะจับมือกับคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่า นี่คือใบเสร็จที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่า นายสนธิรับเงินนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ขณะที่หนังสือพิมพ์สัญชาติแมลงสาบก็พาดหัวว่า “สนธิแย้มจับมือแดง” เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
       
       นอกจากนี้ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ยังได้ปรากฏข้อเขียนของ “นายชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับสุดท้ายเป็นเท็จ ซึ่งสังคมรู้ดีกว่านายชูชาติสวมเสื้อสีอะไร
       
       ประเด็นที่นายชูชาติพยายามโจมตีมี 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ แกนนำพันธมิตรฯ ใส่ร้ายป้ายสีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยหยิบยกข้อมูลมาอธิบายเป็นฉากๆ ว่า การฟ้องคดีเกิดขึ้นในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เพราะประกาศยุบสภาในเดือนพฤษภาคม 2554 ประเด็นที่สองคือ กรณีที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ลาออก แล้วพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมการชุมนุมภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเข้าทางระบอบทักษิณ
       
       แต่ข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
       
       คดีที่กลุ่มพันธมิตรถูกฟ้องคือ คดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 โดย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเอง และแจ้งข้อกล่าวหาครั้งที่สองเมื่อวันที่ 26 สิ่งหาคม 2553 โดย พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนแทน พล.ต.ท.วุฒิ ซึ่งทั้งสองครั้งนี้อยู่ในสมัยของนายอภิสิทธิ์ทั้งสิ้น
       
       ต่อมาพันธมิตรฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายครั้งว่า ขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งนอกจากนายอภิสิทธิ์จะไม่เปลี่ยนโดยอ้างว่าไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของ ตำรวจแล้ว การยื่นร้องเรียนไปแต่ละครั้งก็จะมีการเพิ่มผู้ต้องหาและข้อกล่าวหากลับมา ทุกครั้งจากครั้งแรกที่มีผู้ถูกกล่าวหา 36 คน จนรวมกันเป็น 114 คนในที่สุด แต่สุดท้ายก็สามารถตามตัวมาดำเนินคดีได้เพียง 96 คน
       
       ส่วนข้อเรียกร้องให้ ส.ส.ปชป.ลาออกนั้น นายชูชาติกล่าวว่า “เป็นการหลอกให้ ส.ส.ปชป. ลาออก เพื่อต้องการให้ประชาชนทั่วประเทศด่า เกลียดชัง หมดความเชื่อถือ และกลายเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนสาปแช่ง ปชป .ที่มีอายุเกือบ 70 คงถึงกาลอวสานแน่นอน ใช่หรือไม่ ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือทักษิณ ชินวัตร กับญาติพี่น้อง พรรคพวกและบริวาร เพราะจะไม่มีพรรคการเมืองใดมี ส.ส.มาขัดขวางการโกงกินชาติบ้านเมืองทั้งในและนอกสภาอีกต่อไป ประเทศไทยก็จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลชินวัตร ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่”
       
       แต่ข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะแถลงการณ์ตลอดรวมถึงความเห็นของแกนนำระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องการให้ออกมาต่อสู้นอกสภาเพื่อยืนยันว่าไม่ยึดติดกับตำแหน่งหรือการ เปลี่ยนขั้วทางการเมือง ถ้า ปชป.กระทำเช่นนั้น แม้จะติดเงื่อนไขศาล พันธมิตรฯ ก็พร้อมจะร่วมต่อสู้ถ้าการต่อสู้นั้นเป็นการสู้เพื่อปฏิรูปประเทศ
       
       อย่างไรก็ตาม ถามว่า สำหรับการประกาศยุติบทบาทแกนนำพันธมิตรฯ ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองอะไรหรือไม่ และสถานการณ์นับจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
       
       คำตอบก็คือเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
       
       ประการแรกที่เปลี่ยนแปลงก็คือ ประชาชนและสังคมไทยจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพรรคแมลงสาบได้ชัดเจนขึ้นว่า พวกเขาจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ หรือยังคงมุ่งหวังที่จะต้องการอำนาจรัฐเหมือนเช่นเดิม ซึ่งคำตอบก็ชัดแจ้งในระดับหนึ่งจากท่าทีของนายอภิสิทธิ์ดังที่กล่าวไปก่อน หน้านี้และ 2 แกนนำพรรคคือนายนิพิฏฐ์ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
       
       ทั้งนี้ นายนิพิฏฐ์ระบุชัดเจนว่ากำลังพูดคุยกับกลุ่มการเมืองทั้ง 12 กลุ่ม อาทิ กลุ่มเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ สันติอโศก หน้ากากขาว ฯลฯ ซึ่งแปลความได้ว่า ปชป.กำลังรวบรวมสรรพกำลังในการเคลื่อนไหว ใช่หรือไม่
       
       ส่วนนายชวนนท์ก็ประกาศชัดว่า “พรรคจะเคลื่อนไหวทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเข้มข้นจนกว่ากฎหมายนิรโทษกรรมจะ ตกไป โดยเมื่อถึงจุดที่ต้องเคลื่อนไหวนอกสภา ส.ส.แต่ละคนจะพิจารณาเองว่า บทบาทของตนเองจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ เนื่องจากหากประเทศชาติไม่เหลืออะไรแล้ว การเป็น ส.ส.ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ซึ่งแปลความได้ว่า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะยังคงเล่นเกมในสภาโดยไม่ยอมลาออกจากความเป็น ส.ส.และปล่อยให้ภาคประชาชนเคลื่อนไหวนอกสภามีความเป็นไปได้สูง ใช่หรือไม่
       
       ขณะที่การเปลี่ยนแปลงประการที่สองจะทำให้การเคลื่อนไหวของแกนนำ พันธมิตรฯ แต่ละคนจะมีพลวัตรและมีพลังทะลุทะลวงไปในอีกมิติหนึ่ง เพราะต้องไม่ลืมว่า แกนนำแต่ละคนเต็มไปด้วยประสบการณ์ทางการเมืองและมีศักยภาพในการนำประชาชนที่ ไม่อาจประมาทได้
       
       ที่สำคัญคือ การประกาศยุติบทบาท ก็ไม่ได้หมายความว่าแกนนำทุกคนจะยุติบทบาททางการเมือง แต่แกนนำจะยิ่งมีความคล่องตัวและเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และการรวมตัวหรือการจับมือกันเป็นกลุ่มใหม่ได้ตลอดเวลา
       
       ดังนั้น นี่อาจจะเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจ ที่จะต้องแสวงหาข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่นว่า แกนนำแต่ละคนจะเดินเกมรุกในรูปแบบไหนบ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

 

http://www.manager.c...D=9560000109093

 

 

 

น่าจะใช่ครับ ล่าสุด จัดหนัก จัดเต็มกันเลย ....

 

ท่านเทพอุทิศชีวิตให้กับการไข้วกับ ปชป.แล้วครับ

 

 

หางโผล่....อยากได้มวลชนเค้าแท้ ๆ

 

พอไม่ได้ดั่งใจ ฟาดหัวฟาดหางใส่ ปชป.

 

เค้าต้องการคนมาช่วยล้มนิรโทษกรรม

 

ไม่ได้ต้องการคนมาหยอดกล่องบริจาค

 

มันคนละเป้าหมายกัน

 

[จีรนุช]

สนธิลั่นชีวิตนี้ไม่หวังอะไรอีก  นอกจากขอนิรโทษด้วยคน

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

3ค่าย3โรงเรียน แดง ฟ้า เหลือง

 

แตกแยกกันต่อไป 

 

ท่านไปอยู่ไหนมา  แดงเหลืองเขาผสมสีเป็นส้มกันมาตั้งเป็นปีแล้ว

ยิ่งตอนนี้ต่างฝ่ายต่างชื่นชมกันออกสื่อต่างๆ แล้วหันมาจับมือถล่มฟ้าอย่างเดียวแล้วครับ

 

ไม่เชื่ออ่านข่าวตามสื่อ กับในกระทู้และคห.จากบอร์ดเราเลย 

[10APR10]

 

3ค่าย3โรงเรียน แดง ฟ้า เหลือง

 

แตกแยกกันต่อไป 

 

ท่านไปอยู่ไหนมา  แดงเหลืองเขาผสมสีเป็นส้มกันมาตั้งเป็นปีแล้ว

ยิ่งตอนนี้ต่างฝ่ายต่างชื่นชมกันออกสื่อต่างๆ แล้วหันมาจับมือถล่มฟ้าอย่างเดียวแล้วครับ

 

ไม่เชื่ออ่านข่าวตามสื่อ กับในกระทู้และคห.จากบอร์ดเราเลย 

 

ถึงจะผสมกันแล้วแต่ครูใหญ่คนละคน นักเรียนคนละกลุ่มนะครับ   

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

ถามเพื่อนๆนิดนึง ผมงงกับคำว่า "ไขว้" ครับ

มันแสลงมาจากไฟต์ใช่ปะครับ????

 

ตามศัพท์วัยรุ่นไม่ทันง่า