Jump to content


Photo
- - - - -

ยัดยาบ้าให้ชาวบ้าน โดนศาลตัดสินแล้ว ยังได้เป็นผกก...มีแต่ตำรวจไทยเท่านั้น


  • Please log in to reply
14 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 07:32

http://www.manager.c...d=9520000156623

22 ธันวาคม 2552

 พิพากษาจำคุก 5 ปี “พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ” จับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล บังคับให้รับสารภาพค้ายาบ้า 100 เม็ด พร้อมลูกน้องอีก 5 คน ศาลชี้พยานโจทก์มีน้ำหนักให้การสอดคล้องกัน ส่วนจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ให้ยกฟ้อง
       
       วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ รอง ผกก.ป.สน.ดินแดง อดีต สว.สส.สน.พญาไท, พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ วรบูลย์สวัสดิ์ สว.งาน ศสส.สตม.ภ.กลาง อดีตรอง สว.สส.สน.พญาไท, ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สิมมาลี, ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์, ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน, ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์, จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์, จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ, จ.ส.ต.หญิงศศิธร ทับสุรีย์, จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุปี 2548) เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิดฐาน กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.48 จำเลยทั้งสิบเอ็ด ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน อายุ 53 ปี โดยไม่มีหมายจับของศาล โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับข่มขืนใจโจทก์ ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย โดยระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับ สารภาพคดีมียาบ้าจำนวน 100 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
       
       โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.48 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 11 คน มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด อันเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์โดยไม่มี หมายจับของศาล จับกุมโจทก์ไปจากท่าอากาศยานกรุงเทพดอนเมือง โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับโจทก์ให้ขึ้นรถไปกับจำเลย ในระหว่างอยู่บนรถจำเลยกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ในระหว่าง ที่นั่งรถยนต์ จำเลยกับพวกได้ข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพ โดยตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 100 เม็ด โจทก์ได้ปฏิเสธ จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวโจทก์ และไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ ต่อมาจำเลยกับพวกได้ให้โจทก์พาไปที่สถานที่โกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จโดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้ว และมีข้อความว่ารับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
       
       ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่โจทก์เคยถูกจำเลยทั้ง 11 จับกุมก่อนหน้านี้นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง และคดีถึงที่สุดแล้ว จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 11 คน กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยวันที่ 16 มิ.ย.48 นางชลลดา ณ เชียงใหม่ พยานโจทก์ เบิกความว่า ได้ยืมรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ศน-4851 กทม. ของโจทก์ไปขับแล้วเกิดอุบัติเหตุ จึงให้โจทก์ลงมาจากเชียงใหม่เพื่อมาติดต่อบริษัทประกันภัย โจทก์จึงเดินทางจากเชียงใหม่ ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มิ.ย.48 ระหว่างจะเรียกรถแท็กซี่ ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 กับพวก เข้ามาจับกุมตัวโจทก์ ขึ้นรถยนต์สีแดงไม่ทราบทะเบียน ระหว่างทางจำเลยที่ 7 ใช้ถุงดำคลุมศีรษะ พร้อมใช้ปืนจ่อศีรษะ ก่อนคุมตัวไปยังที่รีเจ้นท์ ศรีนครินทร์ ทาวเวอร์ และบังคับให้โทรศัพท์หานายปฏิพันท์ กำไร ให้มาพบเมื่อนายปฏิพันท์ มาถึง จำเลยที่ 7 ได้เข้าทำการจับกุม ก่อนนำตัวไปค้นห้องพักของพยาน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จากนั้นได้พาตัวโจทก์ไปที่โรงแรม 99 ย่านซอยรางน้ำ โดยมีจำเลยที่ 1 ตามมาซักถามว่ามีอะไรจะพูดไหม โจทก์บอกว่าไม่มี จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ออกไปจากโรงแรมดังกล่าว โดยให้จำเลยที่ 8, 10 และ 11 เป็นคนนอนเฝ้า ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย.48 จำเลยที่ 2, 10 และ 11 ได้พาโจทก์ ไปยัง สน.พญาไท ไปคุมตัวไว้ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 9 และสอบถามถึงความเกี่ยวข้องกับ นางชลลดา โจทก์ได้ให้การปฏิเสธ พร้อมทำบันทึกการจับกุม กล่าวหาว่ามียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 100 เม็ด
       
       ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงก็ยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง โจทก์เบิกความได้สอดคล้องกับนางชลลดา พยานโจทก์ เนื่องจากนางชลลดา ได้ถูกกลุ่มจำเลยจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.48 โดยกลุ่มจำเลยบังคับให้นางชลลดา โทรศัพท์หาโจทก์ เพื่อให้โจทก์เดินทางมาพบ เมื่อโจทก์เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองจึงถูกจับกุม นอกจากนี้คำเบิกความโจทก์ยังสอดคล้องกับ หนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงฉบับวันที่ 22 ก.ย.48 และสอดคล้องกับคำเบิกความที่โจทก์เป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 7010/2549 เห็นว่าแม้โจทก์จะเบิกความถึง 2 ครั้ง แต่มีความแตกต่างกันด้านเวลา ก็ยังสามารถเบิกความได้อย่างละเอียด เชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามจริง
       
       ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลย ที่เบิกความว่าในวันเกิดเหตุติดภารกิจรับเสด็จฯ นั้น ศาลเห็นว่าแม้จำเลยจะมีชื่อในบันทึกคำสั่งดังกล่าว แต่หากมีความจำเป็นในภารกิจอื่น เช่น การจับกุมคนร้ายในคดีต่างๆ ย่อมให้เจ้าพนักงานอื่นปฏิบัติภารกิจแทนได้ ซึ่งในวันที่ 16 มิ.ย.48 ที่จำเลยอ้างว่าติดรับเสด็จฯ นั้น กลับไม่ปรากฏบันทึกการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยกับพวกตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ ศูนย์วิทยุรามาแต่อย่างใด เชื่อว่าจำเลยร่วมกันจับกุมโจทก์ในวันที่ 16 มิ.ย.48 จริง ประกอบกับโจทก์มีภาพวิดีโอบันทึกรถยนต์ของจำเลยกับพวกที่เข้าออกโรงแรมในวัน ที่ 16 มิ.ย.48 ซึ่งโจทก์เป็นเพียงประชาชนธรรมดา ไม่กล้าที่จะไปปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จ เพื่อเอาผิดเจ้าพนักงานที่เป็นตำรวจ ขณะที่จำเลยที่ 3, 4 และ 5 นำสืบต่อสู้ว่าปฏิบัติหน้าที่ที่ สน.พญาไท โดยเข้าเวรหลัก ได้ร่วมลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมไว้ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ร่วมจับกุมในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ประกอบกับโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ร่วมกระทำผิดอย่างไร
       
       จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10 และ 11 มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 และ 9 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ จำคุกคนละ 4 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3,4 และ 5
       
       ภายหลัง พ.ต.ท.สมิง กล่าวด้วยสีหน้าผิดหวังว่า ตนจะใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวต่อศาล และจะอุทธรณ์สู้คดีต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 1,2 7,8 10,11 ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการและเงินสด ราคาประกันรวมมูลค่า คนละ 5 แสนบาท ขณะที่จำเลยที่ 6 และ 9 ใช้ตำแหน่งหน้าราชการและเงินสด ราคาประกันรวมมูลค่า คนละ 4 แสนบาทยื่นขอประกัน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว

 

http://www.innnews.c...newscode=476375

30 สิงหาคม พ.ศ.2556

ศาลอุทธรณ์ ส่งตัวพ.ต.อ.สมิงเข้าเรือนจำ

ศาลอุทธรณ์ ส่งตัว ผกก.ประชาสำราญ พร้อมพวก เข้าเรือนจำทันที หลังศาลไม่ให้ประกัน ต้องรอศาลฎีกาพิจารณา
ความ คืบหน้า คดีที่ พ.ต.อ.สมิง รอดรัตษะ ผู้กำกับการ สน.ประชาสำราญ จำเลยในคดี ร่วมกันอุ้มยัดยาบ้า 100 เม็ด ผู้เสียหายหญิงชาวเชียงใหม่ เมื่อปี 2548 โดยวันนี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก 4 ปี พร้อมลูกน้องรวม 4 คน และอีก 2 คน ศาลสั่งจำคุก 3 ปี

หลังฟังคำพิพากษา จำเลยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 5 แสนบาท เพื่อยื่นประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ ซึ่งภายหลังศาลอุทธรณ์พิจาราณาแล้ว ได้ส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป ทำให้ พ.ต.อ.สมิง และลูกน้องรวม 6 คน ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที และรอจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่

ทางด้าน พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กล่าวถึงกรณีของ พ.ต.อ.สมิง ว่า คดีนี้ต้องรอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อน จึงจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปเกี่ยวกับเรื่องทางวินัย แต่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำฯ ก็ยังไม่ถือว่าหลุดจากตำแหน่งของผู้กำกับการ เพราะเมื่อศาลฎีกาให้ประกันตัว ก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้เหมือนเดิม

Edited by คนกรุงธน, 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 07:42.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#2 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 07:40

โดนคดีปี52 ปี56 ยังได้เป็นผกก.

...ขนาดนี้ยังได้รับราชการอยู่ได้อีกหรือนี่...

โอ้ว...มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ อาชีพตำรวจ ที่ภูมิใจกันนักหนาว่ามีเกียรติ์ศักศรีอันสูงส่ง...


Edited by คนกรุงธน, 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 07:44.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#3 แม้ว ม.7

แม้ว ม.7

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,237 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 08:33

ก็ดีนะฮะ ให้ท่านไปทำคดีค้ายาบ้าในคุก -_-


พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้พูดตัดพ้อกับคนที่เดินทางไปพบว่า “พรรคเพื่อไทยมีคนเก่งๆ เยอะ ทั้งนักวิชาการ ด็อกเตอร์ ทูต แต่ไม่กล้าออกมาสู้ คนหน้าตาดีไม่ออกมา พวกที่ออกมาหน้าตาไม่ค่อยดี ไม่เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายตรงข้าม คนมีความรู้ นักวิชาการออกมาเยอะแยะเลย คนจริงใจกับผมมันน้อย วางยาผม เพราะตัวเองอยากอยู่นานๆ เห็นว่านายกฯ ไม่แข็ง แต่ท่านนายกฯ ก็ดี แต่คนรอบข้างไม่เป็นการเมือง ผมส่งคนเป็นการเมืองไปนายกฯ ก็ไม่เอา ผมก็สงสารนายกฯ จึงไม่อยากจู้จี้ แต่คนที่เมืองไทยมันไม่ได้ดั่งใจ” 

http://astv.mobi/AlgEYM7

แปลสั้นๆ เขาด่าไอ้เสร่อแกนนำแดงว่า"โง่แต่ขยัน"


#4 คนสับปรับ

คนสับปรับ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,410 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 08:54

สิ่งที่นักโทษในเรือนจำเกลียดที่สุดคือ ตะกวด

ถ้ามีตะกวดหลงเข้าไปซักคน ตะกวดจะกลายร่างเป็น สุนัข ทันที

และ อาจจะถูกนวดเหมือนแป้งpizzaเลยทีเดียว



#5 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 09:11

ขนาดเผาบ้านเผาเมือง ยังได้เป็น สส มาแล้ว

 

ลาออก ตำรวจ ไปสมัครลงผู้ว่า สอบตก ยังกลับไปเป็นตำรวจได้อีก ก้อมีมาแล้ว

 

กะ อีแค่ยัดยาบ้า ชาวบ้านโดนจับ ยังได้เป็น ผกก ต่อ มันเรื่้องจิ๊ปๆ 


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#6 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 09:31

ขนาดเผาบ้านเผาเมือง ยังได้เป็น สส มาแล้ว

 

ลาออก ตำรวจ ไปสมัครลงผู้ว่า สอบตก ยังกลับไปเป็นตำรวจได้อีก ก้อมีมาแล้ว

 

กะ อีแค่ยัดยาบ้า ชาวบ้านโดนจับ ยังได้เป็น ผกก ต่อ มันเรื่้องจิ๊ปๆ 

ผมอ่านข่าวแล้วมันจี๊ดๆ...

...ในความคิด ไม่ต้องการให้ลูกหลานเป็นตำรวจ...เพราะส่วนมากแล้วชาวบ้านรังเกลียด...


Edited by คนกรุงธน, 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 09:33.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#7 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 09:54

 

http://www.manager.c...d=9520000156623

22 ธันวาคม 2552

 พิพากษาจำคุก 5 ปี “พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ” จับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล บังคับให้รับสารภาพค้ายาบ้า 100 เม็ด พร้อมลูกน้องอีก 5 คน ศาลชี้พยานโจทก์มีน้ำหนักให้การสอดคล้องกัน ส่วนจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ให้ยกฟ้อง
       
       วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ รอง ผกก.ป.สน.ดินแดง อดีต สว.สส.สน.พญาไท, พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ วรบูลย์สวัสดิ์ สว.งาน ศสส.สตม.ภ.กลาง อดีตรอง สว.สส.สน.พญาไท, ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สิมมาลี, ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์, ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน, ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์, จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์, จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ, จ.ส.ต.หญิงศศิธร ทับสุรีย์, จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุปี 2548) เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิดฐาน กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.48 จำเลยทั้งสิบเอ็ด ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน อายุ 53 ปี โดยไม่มีหมายจับของศาล โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับข่มขืนใจโจทก์ ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย โดยระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับ สารภาพคดีมียาบ้าจำนวน 100 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
       
       โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.48 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 11 คน มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด อันเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์โดยไม่มี หมายจับของศาล จับกุมโจทก์ไปจากท่าอากาศยานกรุงเทพดอนเมือง โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับโจทก์ให้ขึ้นรถไปกับจำเลย ในระหว่างอยู่บนรถจำเลยกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ในระหว่าง ที่นั่งรถยนต์ จำเลยกับพวกได้ข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพ โดยตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 100 เม็ด โจทก์ได้ปฏิเสธ จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวโจทก์ และไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ ต่อมาจำเลยกับพวกได้ให้โจทก์พาไปที่สถานที่โกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จโดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้ว และมีข้อความว่ารับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
       
       ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่โจทก์เคยถูกจำเลยทั้ง 11 จับกุมก่อนหน้านี้นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง และคดีถึงที่สุดแล้ว จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 11 คน กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยวันที่ 16 มิ.ย.48 นางชลลดา ณ เชียงใหม่ พยานโจทก์ เบิกความว่า ได้ยืมรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ศน-4851 กทม. ของโจทก์ไปขับแล้วเกิดอุบัติเหตุ จึงให้โจทก์ลงมาจากเชียงใหม่เพื่อมาติดต่อบริษัทประกันภัย โจทก์จึงเดินทางจากเชียงใหม่ ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มิ.ย.48 ระหว่างจะเรียกรถแท็กซี่ ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 กับพวก เข้ามาจับกุมตัวโจทก์ ขึ้นรถยนต์สีแดงไม่ทราบทะเบียน ระหว่างทางจำเลยที่ 7 ใช้ถุงดำคลุมศีรษะ พร้อมใช้ปืนจ่อศีรษะ ก่อนคุมตัวไปยังที่รีเจ้นท์ ศรีนครินทร์ ทาวเวอร์ และบังคับให้โทรศัพท์หานายปฏิพันท์ กำไร ให้มาพบเมื่อนายปฏิพันท์ มาถึง จำเลยที่ 7 ได้เข้าทำการจับกุม ก่อนนำตัวไปค้นห้องพักของพยาน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จากนั้นได้พาตัวโจทก์ไปที่โรงแรม 99 ย่านซอยรางน้ำ โดยมีจำเลยที่ 1 ตามมาซักถามว่ามีอะไรจะพูดไหม โจทก์บอกว่าไม่มี จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ออกไปจากโรงแรมดังกล่าว โดยให้จำเลยที่ 8, 10 และ 11 เป็นคนนอนเฝ้า ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย.48 จำเลยที่ 2, 10 และ 11 ได้พาโจทก์ ไปยัง สน.พญาไท ไปคุมตัวไว้ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 9 และสอบถามถึงความเกี่ยวข้องกับ นางชลลดา โจทก์ได้ให้การปฏิเสธ พร้อมทำบันทึกการจับกุม กล่าวหาว่ามียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 100 เม็ด
       
       ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงก็ยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง โจทก์เบิกความได้สอดคล้องกับนางชลลดา พยานโจทก์ เนื่องจากนางชลลดา ได้ถูกกลุ่มจำเลยจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.48 โดยกลุ่มจำเลยบังคับให้นางชลลดา โทรศัพท์หาโจทก์ เพื่อให้โจทก์เดินทางมาพบ เมื่อโจทก์เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองจึงถูกจับกุม นอกจากนี้คำเบิกความโจทก์ยังสอดคล้องกับ หนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงฉบับวันที่ 22 ก.ย.48 และสอดคล้องกับคำเบิกความที่โจทก์เป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 7010/2549 เห็นว่าแม้โจทก์จะเบิกความถึง 2 ครั้ง แต่มีความแตกต่างกันด้านเวลา ก็ยังสามารถเบิกความได้อย่างละเอียด เชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามจริง
       
       ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลย ที่เบิกความว่าในวันเกิดเหตุติดภารกิจรับเสด็จฯ นั้น ศาลเห็นว่าแม้จำเลยจะมีชื่อในบันทึกคำสั่งดังกล่าว แต่หากมีความจำเป็นในภารกิจอื่น เช่น การจับกุมคนร้ายในคดีต่างๆ ย่อมให้เจ้าพนักงานอื่นปฏิบัติภารกิจแทนได้ ซึ่งในวันที่ 16 มิ.ย.48 ที่จำเลยอ้างว่าติดรับเสด็จฯ นั้น กลับไม่ปรากฏบันทึกการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยกับพวกตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ ศูนย์วิทยุรามาแต่อย่างใด เชื่อว่าจำเลยร่วมกันจับกุมโจทก์ในวันที่ 16 มิ.ย.48 จริง ประกอบกับโจทก์มีภาพวิดีโอบันทึกรถยนต์ของจำเลยกับพวกที่เข้าออกโรงแรมในวัน ที่ 16 มิ.ย.48 ซึ่งโจทก์เป็นเพียงประชาชนธรรมดา ไม่กล้าที่จะไปปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จ เพื่อเอาผิดเจ้าพนักงานที่เป็นตำรวจ ขณะที่จำเลยที่ 3, 4 และ 5 นำสืบต่อสู้ว่าปฏิบัติหน้าที่ที่ สน.พญาไท โดยเข้าเวรหลัก ได้ร่วมลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมไว้ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ร่วมจับกุมในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ประกอบกับโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ร่วมกระทำผิดอย่างไร
       
       จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10 และ 11 มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 และ 9 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ จำคุกคนละ 4 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3,4 และ 5
       
       ภายหลัง พ.ต.ท.สมิง กล่าวด้วยสีหน้าผิดหวังว่า ตนจะใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวต่อศาล และจะอุทธรณ์สู้คดีต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 1,2 7,8 10,11 ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการและเงินสด ราคาประกันรวมมูลค่า คนละ 5 แสนบาท ขณะที่จำเลยที่ 6 และ 9 ใช้ตำแหน่งหน้าราชการและเงินสด ราคาประกันรวมมูลค่า คนละ 4 แสนบาทยื่นขอประกัน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว

 

http://www.innnews.c...newscode=476375

30 สิงหาคม พ.ศ.2556

ศาลอุทธรณ์ ส่งตัวพ.ต.อ.สมิงเข้าเรือนจำ

ศาลอุทธรณ์ ส่งตัว ผกก.ประชาสำราญ พร้อมพวก เข้าเรือนจำทันที หลังศาลไม่ให้ประกัน ต้องรอศาลฎีกาพิจารณา
ความ คืบหน้า คดีที่ พ.ต.อ.สมิง รอดรัตษะ ผู้กำกับการ สน.ประชาสำราญ จำเลยในคดี ร่วมกันอุ้มยัดยาบ้า 100 เม็ด ผู้เสียหายหญิงชาวเชียงใหม่ เมื่อปี 2548 โดยวันนี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก 4 ปี พร้อมลูกน้องรวม 4 คน และอีก 2 คน ศาลสั่งจำคุก 3 ปี

หลังฟังคำพิพากษา จำเลยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 5 แสนบาท เพื่อยื่นประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ ซึ่งภายหลังศาลอุทธรณ์พิจาราณาแล้ว ได้ส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป ทำให้ พ.ต.อ.สมิง และลูกน้องรวม 6 คน ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที และรอจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่

ทางด้าน พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กล่าวถึงกรณีของ พ.ต.อ.สมิง ว่า คดีนี้ต้องรอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อน จึงจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปเกี่ยวกับเรื่องทางวินัย แต่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำฯ ก็ยังไม่ถือว่าหลุดจากตำแหน่งของผู้กำกับการ เพราะเมื่อศาลฎีกาให้ประกันตัว ก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้เหมือนเดิม

 

 

 

โดยระเบียบของราชการ ข้าราชการที่ต้องคดี อยู่ระหว่างสอบสวน ไม่ได้การพิจารณาความดีความชอบ เลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือน....!

1.นายตำรวจที่เป็นจำเลยได้ปรับยศ ปรับตำแหน่ง ปรับเงินเดือนด้วยความชอบอันใด ตำรวจด้วยกันช่วยกันเองใช่ไหม....?

2.เกือบจะเป็นความคิดเห็นที่ยอมรับกันได้ต้องให้ศาลฏีกาพิพากษาจนถึงที่สิ้นสุดก่อน ไม่มีจิตสำนึก ความรับผิดชอบ....

3.คดีนี้มีความผิดจึงอ้างว่าถูกใส่ชื่อเข้าไป ไม่ได้ร่วมจับกุมแต่อย่างไร แต่ศาลไม่เชื่อ เพราะไม่มีบันทึกการปรฏิบัติหน้าที่รับเสด็จด้วย....

 

.


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#8 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 09:57

โดนคดีปี52 ปี56 ยังได้เป็นผกก.

...ขนาดนี้ยังได้รับราชการอยู่ได้อีกหรือนี่...

โอ้ว...มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ อาชีพตำรวจ ที่ภูมิใจกันนักหนาว่ามีเกียรติ์ศักศรีอันสูงส่ง...

ผมเห็นตำรวจ ผมคิดว่า โจรทุกที 



#9 nnnn43

nnnn43

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,771 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 10:30

เงื่อนไขการสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 

-อยู่ระหว่างถูกควบคุมหรือขังโดยเป็นผู้ถูกจับในคดีอาญาหรือต้องจำคุกโดยคำพิพากษาและถูกควบคุม ขัง หรือจำคุกติดต่อกันเกิน 15 วันแล้ว 

http://www.decha.com...pic.php?id=4417


ผู้ที่ขาดคุณธรรม ย่อมไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ผู้ที่ขาดความรู้ ย่อมไม่มีสายตาอันกว้างไกล พูดคนฉลาดหนี่งคำ พูดคนโง่ร้อยคำ

#10 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 12:12

>>> เป็นวิธีที่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว  ตะกวด ทำแล้วได้ผลเกินคาด

 

ในซอย  ก็เคยมีเด็กวัยรุ่นโดน....แต่เผอิญ เด็กคนนั้น บุหรี่ ก็ยัง

 

สูบไม่เป็น. ไปเรียนแล้วกลับบ้าน. เช้าจากบ้านก็ไปเรียน..มีหลักฐาน

 

มากมาย.ว่าเป็นเด็กดี  แบบมากๆๆๆ  ตะกวดก็เลย ซีดไป  เพราะ-

 

ตะกวดที่จับ  คงใจไม่ถึงพอ  หรืออาจจะเพิ่งเริ่มทำ. ไม่ได้รู้ประวัติเด็ก

 

เรื่องนี้  เกิดในซอยบ้าน  นานแล้ว......



#11 ชาตินี้ไม่เอาตระกูลชินวัตร

ชาตินี้ไม่เอาตระกูลชินวัตร

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,098 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:01

เมื่อไร ยุบตำรวจแล้ว เปลี่ยนเป็นตำรวจจังหวัดแทน ซะที



#12 kaidum

kaidum

    ขาดขา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,125 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:14

มอบให้กับตำรวจเป็นพิเศษครับ ด้วยรัก

ใครฟังไม่ออกถามไข่ดำนะครับ ไข่ดำคนใต้จะแปลให้ฟัง

 

55555555 มักหลายสู เจ่าคือลำถืกใจข่อยคักๆ ยู่ซุมใดเนาะ สิฟ้าวไปให่ถ่วยซะนะเลิศ

 

 

https://fbstatic-a.a...-PAXP-deijE.gif


Edited by kaidum, 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:23.

ประชาธิปไตยของผม ไม่ได้เกิดจากอารมณ์และการอุปถัมป์ โดยใคร

#13 kim

kim

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,724 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:22

มันจบแล้วครับตำรวจไทย รอเหลือแต่คนใส่หน้ากากฮีโร่ออกมาปราบฆ่าโจรแทน



#14 Kaizer

Kaizer

    Warlord

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,317 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:46

ต่อไปคงพูดกันแบบนี้

 

"หาอาชีพสุจริตทำกันไม่ได้แล้วรึไง ถึงได้ไปเป็นตำรวจ"


สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ

 

ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ

 

ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม


#15 THE THIRD WAY

THE THIRD WAY

    มาหาความจริง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,417 posts

ตอบ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 21:54

เรื่องนี่น่าคิด

อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี ได้รับเลื่อนยศ

ฝ่ายค้านตามดูดีๆ มีทีเด็ดแน่

 

นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ผมตอบไปในกระทู้ก่อนนี้ว่า

เชื่อว่าไอ้หนีคดีเลว เพราะผมเชื่อคำพิพากษาของศาล

เพราะเราอยู่ในประเทศนี้

 

ถ้าศาลฎีกายก

ไอ้หมอนี่มาทำหน้าที่ต่อ หนาววววววววววววววววววว่ะ

 

พูดก็พูด

ในวงการตำกวดนี่ ไม่ใ๙่เรื่องแปลก

จำเรื่องตำกวดตีผู้ชุมนุมพธม.ได้ไม๊เอ่ย

ตอนแรกถูกพัก ถูกสอบ

ไปเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม

ตอนนี้เจริญงอกงามตามควรแก่ฐานานุประการทุกตัว

 

พึ่งตัวเอง และทุกสิ่งที่พึ่งได้

ไว้นาทีสุดท้ายค่อยพึ่งไอ้พวกนี้


อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลางทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน