.. ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปีประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก.." (พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ ที่บ้านโคกกูแว จ.นราธิวาส วันที่ 28 กันยายน 2536)
ในหลวงของปวงชนชาวไทย ทรงมีพระราชดำริไว้เมื่อปี 2536
ทรงห่วงใยราษฎร คำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จะส่งผลกระทบไปในระยะยาว
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ปัญหาในปี 2536 ทีในหลวงทรงห่วงใยคือ
ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ
ถามว่าทำไมอยู่ดีๆชาวนาถึงได้ลดการปลูกข้าว
เราคงต้องมองกลับไปในปี 2536 ซึ่งอยู่ในช่วงขาขึ้นของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์
ที่ดินบูมอย่างร้อนแรง ซื้อเช้าขายบ่าย ทำกำไรที่ดินกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
โครงการบ้านจัดสรร คอนโดยังไม่ทันลงมือก่อสร้าง ใบจองก็เปลี่ยนมือไม่รู้กี่ต่อ
นักเก็งกำไรอสังหาฯพยายามกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร
เจ้าของที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่คือชาวนาไม่เคยกำเงินล้าน ก็อยากเป็นเจ้าของเงินนั้น ซึ่งจะโทษเขาก็ไม่ได้
แต่เมื่อชาวนาขายที่ ได้เงินก้อนโต เขาจะหวนกลับมาทำนาอีกหรือ เอาที่นาที่ไหนทำ
แล้วที่ดินที่เปลี่ยนผ่านการจัดสรร จะหวนกลับมาเป็นที่นาได้อีกหรือ
ประเทศจะสูญเสียทั้ง 2 ประการ
เสียบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกข้าว
เสียที่ดิน ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตข้าว
จนในที่สุดปี 2540 ฟองสบู่แตก
การซื้อขายที่ดินอย่างบ้าคลั่งก็หยุดลง
คนที่คิดว่าตวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาพระราชดำริมาโหนเพื่อให้เข้ากับจริตของตัวเอง
โดยไม่ดูบริบทเลยว่า เวลาผ่านมาเกือบ 20 ปี อะไรๆก็เปลี่ยนไป
เงื่อนไขต่างๆเปลี่ยนไป
คนแบบนี้น่าสะอิดสะเอียนแท้
น่าไม่อาย