สินค้าในประเทศถูกซะจนต้องลดภาษีนำเข้า เพื่อให้สินค้านำเข้าแข่งกับสินค้าในประเทศได้
หั่นภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย แข่งสิงคโปร์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
คลังชงรัฐบาลหั่นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หวังดันเป็นแหล่งชอปปิงแข่งสิงคโปร์-ฮ่องกง และกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง คาดเพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยว
กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอรัฐบาลลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย หวังส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคแข่งกับสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ
ปัจจุบัน สินค้าที่จัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย มี 17 กลุ่มสินค้า เสียภาษีนำเข้าในอัตรา 30% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศที่มีภาษีนำเข้า 0% ทำให้สินค้าในไทยราคาแพงกว่าแหล่งชอปปิงในภูมิภาค
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กำลังพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ประเภทเครื่องสำอาง กระเป๋า หรือ สินค้าแบรนด์เนม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งถือว่าจะเป็นหนึ่งในจุดจูงใจสำคัญในการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
"การปรับลดภาษี ถือเป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐบาล ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งชอปปิงพาราไดซ์"
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ภาษีนำเข้าของไทย ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นคู่แข่งของไทย มีการจัดเก็บภาษีในอัตรา 0% ดังนั้น ไทยต้องพิจารณาให้อยู่ในระดับที่จูงใจ หรือใกล้เคียงกับอัตราภาษีของประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศ
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า คาดว่าจะพิจารณาได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วย
"รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ไทยเป็นแหล่งชอปปิงพาราไดซ์ โดยจะลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยที่จะทำให้อัตราภาษีแข่งขันกับประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งมีอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น น้ำหอม เครื่องสำอางต่างๆ ที่เป็นศูนย์ ส่วนของเราเก็บในอัตรา 30% ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีอัตราที่แตกต่างกันมาก ถ้านักท่องเที่ยวมาเมืองไทยแล้วอยู่ได้นานขึ้น ซื้อของได้ครบ ก็จะเพิ่มกำลังซื้อต่อหัวนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น"
ทั้งนี้ นโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งชอปปิง มีมาหลายรัฐบาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อวัน 4,393 บาท ในปี 2555
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งภาคบริการ ที่มีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศประมาณ 26 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนที่มีจำนวน 22 ล้านคน หากเรามีมาตรการที่จะส่งเสริมการใช้จ่าย เชื่อว่ากำลังซื้อต่อหัวนักท่องเที่ยวจะเพิ่มได้มากขึ้น
หากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทดแทนภาคการส่งออกของประเทศที่ชะลอตัว และเพื่อให้แรงงานภาคบริการที่มีสัดส่วนถึง 45% ของกำลังแรงงานรวมได้มีรายได้ไปจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น
"เรามองภาพรวมการขยายตัวเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ว่า จะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ขยายตัวได้ดี โดยจีดีพีไม่น่าจะขยายตัวได้ต่ำกว่า 4% ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้อีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้"
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า การลดภาษีไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้คนไทยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยดังที่มีความกังวลก่อนหน้านี้ แต่หากใครมีกำลังซื้อก็มีสิทธิที่จะใช้จ่ายได้ เพราะว่าปัจจุบันกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อก็จะเดินทางไปซื้อในต่างประเทศอยู่แล้ว
กระทรวงการคลัง รายงานว่า การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 ปี 2556 ของประเทศไทย มี 17 กลุ่มสินค้า มูลค่ารวม 829 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.27% ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.36% โดยมีสินค้าที่นำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก คือ น้ำหอมและเครื่องสำอาง คิดเป็นมูลค่า 4,800 ล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2556 (ต.ค.2555-มี.ค.2556) พบว่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยรวม 1,677 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 51,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 24% โดย 3 อันดับแรก คือ ผลไม้ มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นน้ำหอมและเครื่องสำอางนาฬิกาและอุปกรณ์
http://www.bangkokbi...่งสิงคโปร์.html
Edited by อาตี๋, 9 September 2013 - 15:04.