ปริมาณยางของไทย ส่งออกเยอะสุดในโลกครับ
ด้วยพื้นที่ 17 ล้านไร่
รองลงมาเป็นมาเลย์
แล้วก็อินโดนีเซีย ครับ
ซึ่งจริงๆแล้ว อินโดมาแรงมากเพราะพื่้นที่ปลุกยางเค้าราว 27 ล้านไร่ แต่ยางยังโตไม่เต็มที่ ส่วนพื้นที่ปลูกยางบ้านเราออกแนวเริ่มตัน ขยายออกไม่ค่อยได้แล้ว ลองหาข่าวดู บ.ยาง ไปปลูกยางประเทศเพื่อนบ้านก็มี เป็นแสนไร่
จีนก็มีปลูก แต่ปลูกได้เฉพาะทางตอนใต้ของจีน ซึ่งให้ผลผลิตไม่ดีด้วย
และเมื่อสองสามปีที่แล้วก็มีกำลังซื้อจากจีน จากอินเดีย ค่อนข้างเยอะ ปีนี้ก็มีเยอะเหมือนเดิม แต่ราคาทำไมมันตกลง อันนี้ก็ไม่ทราบนะครับ
ส่วนยางที่กรีดได้ปริมาณมาก ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่ปรับแต่งมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งต้องบอกว่าลุ้นเหมือนซื้อลูกกุ้งกุลาดำ ใครพันธ์เลวร้ายไป ก้อมีแต่เจ๊ากับเจ๊ง ต้องรับสภาพจนกว่าจะหมดหน้ายาง แล้วโค่น ลงแปลงใหม่ รอให้เส้นรอบวง 50 Cm อีกรอบ ถึงจะกรีดได้อีก ซึ่งรวมๆ ก้อราวๆ 7 ปี ที่ไม่มีรายรับ ต้องประคบประหงม ใส่ปุ๋ยปีละสองครั้ง ต้นละ 1Kg. ต่อปี มีกี่ต้นก้อนับจำนวนถุงปุ๋ยเอาดูนะครับ
แล้วยางก็ต้องการน้ำในปริมาณที่มาก ระดับนึง เกิน 1800 mm. ต่อปี ซึ่งพื้นที่ใหนน้ำน้อย ต้องมีระบบส่งน้ำให้เพียงพอ ไม่งั้นจะได้ต้นยาง หุ่นยูคา
แล้วต้องจ้างคนมาตัดหญ้าไม่ให้รกเกิน
แล้วที่สำคัญคำว่า 80 บาท ต่อ Kg. ไม่ใช่ ชาวสวนมาขายแล้วได้ 80 บาททันทีนะครับ เพราะยางคุณภาพสูงต้องกรีดวันเว้นวัน ค่า DRC จะได้สูง เวลานำไปขาย % ของน้ำยางจะได้ใกล้เคียงกับ 80 บาท/Kg. แต่ไม่มีที่ใหนเค้าทำกันเพราะว่าภาคใต้ หน้าร้อนฝนก็ยังตกได้ ช่วงฝนหยุดยังไงก็ต้องกรีด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ 80 บาทแน่ๆ
และส่วนมากยางแผ่นจะราคาสูงสุด แล้วลดหลั่นกันลงมา ถ้า maximum เป็นยางแผ่น 80 น้ำยางหรือว่า เศษยางคงแตะๆ อยู่ที่ 40 - 60 บาท แล้วแต่ %
ไม่ต้องคำนวณยากๆ เลย ตอนยางโล ร้อยยี่สิบบาท 10 ไร่ คิด % แล้วได้วันละ 1,200
ตอนนี้คิดที่ 60 บาทในกรณีที่น้ำยางเทพ ไม่โดนหักค่า % เลย ตกวันละ 600
ถ้ากรีดเองวันละ 600 พ่อแม่ลูกก็เต็มกลืนเหมือนกัน กับค่าครองชีพขนาดนี้ แต่ถ้าจ้างล่ะ จะหายไปอีก 50% เหลือวันละสามร้อย