เมื่อวานไปดูรถ คันที่ใช้มันเริ่มเก่า กินน้ำมันมาก และถึงเวลาต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายรายการ ก็คิดว่า คงเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยได้รถใหม่มาใช้
ไปถึงโชว์รูม ถามหาเซลล์คนเดิม เขาบอกว่าลาออกไปแล้ว ก็เลยแหย่ถามไปว่า ลาออกหรือโดนไล่ออก เซลล์คนใหม่ยิ้มๆ แต่ด้วยมือใหม่เขายังพูดอะไรไม่เป็น ก็เลยบอกไม่เป็นไรศึกษามาดีแล้ว อยากให้สรุปมาเลยว่านอกจาก ดอกเบี้ย 0% แถมประกันภัย แล้วยังมีอะไรที่ลดได้อีก เอาแบบเงินสดนะ อ้ายประเภท ติดโน้น แปะนี้ไม่เอา
เซลล์คนเดิมหายไปสักพัก พาผู้จัดการมาแนะนำ บอกพี่อยากได้อะไรบอกผู้จัดการผมได้เลย อ้ายเราก็ไม่รอช้าพูดตามเดิมคือ ลดเงินสดได้อีกเท่าไร มีรถไหม เอาเป็นว่าตกลงกันได้ วางมัดจำกันเลยว่าอย่างงั่น
ผู้จัดการฟังแล้วยิ้มๆ ไม่ตอบคำถามสักคำ พูดประโยคแรกคือ พี่จะต้องเทรนรถคันเก่าหรือเปล่าครับ ผมบอก เทรน เขาบอกถ้าอย่างงั่น เรายังไม่พูดเรื่องรถใหม่กันดีไหม เอารถของพี่ให้จบก่อน ว่าแต่พี่ยอมจบหรือเปล่า
ผมงง อะไรกันลูกค้าเปิดขนาดนี้น่าจะจบรถใหม่ก่อน ดันมาให้ความสำคัญกับรถเก่า ก็บอกไปว่ารถอยู่ข้างนอก ตีราคาได้เลย (ปกติก็เป็นแบบนี้คือเก่าไปใหม่มา ไม่ยุ่งยากไปเร่ขาย ราคาต่างกันไม่มาก)
ผู้จัดการบอกสักครู่เดี๋ยวให้คนมาตีราคารถ พักเดียว ราคาของผมออกมาคือ 5 แสนต้น
โอ้แม่เจ้า camry extremo 2009 ขาวมุก เมือปีที่แล้วยังตีได้ 8 แสน ต้นๆ มาวันนี้ลดไป 3 แสน ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
บอกรับไม่ได้ นั่นเอารถแฟนแล้วกัน (กะให้แฟนใช้คันนี้) yaris ตัวท๊อป 2009 คำตอบที่ได้น่าตกใจกว่าคือ 2 แสนแปด คำพูดนี้ทำให้แทบตกเก้าอี้ ยังไงมันก็ไม่ควรต่ำกว่า 3 แสน 8 เพราะราคาที่ทำประกันไว้ยังได้ทุนประกันที่ 4.4 แสน แล้วเงินแสนกว่าบาทมันหลายไปไหน
นั่งคิดอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรดี สภาพตัวเองเหมือนโดนปล้นไปต่อหน้าเกือบ 4 แสนบาท แล้วมันก็คือเงินที่ทำมาหากินได้มา อุตสาห์เก็บเงินมาเพื่อซื้อสินทรัพย์ไว้ใช้งาน เพียงไม่ถึง 8 เดือน หลังจากโครงการสวยหรูของรัฐบาลออกมา ทรัพย์สินผมมูลค่าหายไปเกือบครึ่งล้าน
นั่งมึนสักพักก็ท้อใจ บอกรับไม่ไหว ขอตัวลา
ขับรถกลับมานั่งคิดตลอดนี่ขนาดที่เราต้องการเปลี่ยนรถจริงๆ ยังทำใจไม่ได้ แล้วจะมีคนไหนเปลี่ยนรถอีก คิดไปก็อดสงสารคนที่ออกรถในช่วงปีที่ผ่านมาไม่ได้ พวกเขาไม่มีโอกาสกลับตัวได้ทันเลย
สมัยก่อน ถ้าออกรถแล้วประสพปัญหาผ่อนไม่ไหวเรียกไฟแนนท์มาเอารถคืน (สภาพเดิมไม่ไปดัดแปลง) ก็ฟ้องร้องไม่ได้ พอสมัยท่านทักษิณมาเป็นนายกฯ ก็เปลี่ยนกฎหมายให้ไฟแนนท์ฟ้องเรียกส่วนต่างราคาได้ นั่นเท่ากับว่า ตอนนี้หากใครผ่อนรถไม่ไหว แล้วไฟแนนท์ยึดรถคืน มีสิทธิหน้ามืดเพราะไฟแแนนท์จะเร่งขายรถออก โดยไม่สนใจราคา (ส่วนต่างเรียกกับคนเช่าซื้อ) แน่นอนราคาจะต่ำกว่ามาก ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และอื่นๆ คงเท่ากับราคารถที่ซื้อมาว่ากันอย่างงั่น
หลายคนคงบอกถ้าอย่างงั่นก็ไม่ต้องให้มันยึดสิ ทนผ่อนต่อไป ถ้าคิดแบบนี้ก็คงยังไม่รู้จักความจนดีพอ ที่บางครั้งเมื่อมันไม่มี อย่าว่าแต่เงินผ่อนรายเดือนเลย ขนาดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือนยังสู้
ก็คงมีคนด่าอีกแล้วไม่มีเงินดันไปซื้อทำไม ก็คงใช่สำหรับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาบ้าง แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่จักคำนี้แล้วโดนหลอกล่อแบบนี้ อยากถามมีสักกี่คนที่คนไหว ดังนั้นงานนี้จึงยังไม่เห็นทางออก ก็ได้แต่สงสารคนเหล่านี้จริงๆ
ส่วนบางคนที่เห็นว่า ก็ดี มันเป็นโอกาสให้คนได้ซื้อรถถูกมาก ก็ว่ามันคงไม่ง่ายอย่างงั่นหรอก ก็คงรู้ๆ กันอยู่ว่า ระบบการขายของไฟแนนท์นั่นไม่ได้หมายความว่า รถทุกคันที่ยึดจะออกมาขายให้กับคนซื้อโดยตรง ต้องผ่านหลายคน คนที่รู้ข้อมูล คนที่ตั้งโต๊ะรับ นายหน้า และอื่นๆ เวลานี้จึงไม่มีใครสนใจซื้อรถเก่าแบบปกติ พวกนี้จะรอโอกาสทองซึ่งนั้นก็คือ การกดราคาคนที่เดือดร้อน เพื่อไปเอากำไรสูงแบบเท่าตัวกับคนที่ต้องการซื้อ ซึ่งเท่ากับว่า คนซื้อไม่มีโอกาสได้ซื้อของถูกแบบง่ายๆ กัน
มันจะเป็นอย่างไรหากออกรถวันนี้ ราคารถหายไปทันที 50% รถราคา 7 แสน ขับไปหนึ่งเดือน มันเหลือเพียง 3.5 แสน อย่างงี้ใครจะทนรับสภาพไหว นอกจากคนที่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งนั่นก็คือบทเรียนราคาแพงแบบแสนสาหัส
แต่ก็คงไม่เป็นไร คิดว่าแต่ละคนคงมีทางเลือกของตัวเอง ไม่ว่ากัน เพียงแต่วินาทีนี้มันทำให้คิดว่า แล้วหลังจากนี้ตลาดรถจะเป็นอย่างไร ในเมื่อ คนที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดงส่วนใหญ่ก็คือคนที่มีรถเดิมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าราคารถเก่าเป็นแบบนี้จะมีสักกี่คนที่คิดเปลี่ยนรถใหม่ แถมตอนนี้ไฟแนนท์คุมเข้มเรื่องสินเชื่อกันอีก ได้ข่าวว่า คนที่มีสิทธิซื้อรถผ่อนได้ต้องเป็นลูกค้าเก่าที่มีประวัติการส่งค่างวดตรงทุกงวดเท่านั้นที่ไฟแนนท์จะอนุมัติ ส่วนที่ขาดส่งบาง ส่งไม่ตรงบ้าง หมดสิทธิ มันยิ่งซ้ำเติมให้กับคนที่ต้องการขายรถแบบด่วนๆ อีกไม่ใช่น้อย ซึ่งนั่นก็คือ คนทั่วไปก็คงต้องทนใช้รถคันเก่าต่อไป พร้อมๆ กับรถใหม่ที่จะไม่มีออกมาวิ่งให้เห็นกันมากกันอีกแล้ว
ในเมื่อตลาดรถหยุดนิ่ง สิ่งที่ตามมาคือ คนที่ทำงานในระบบย่อมสะเทือนไปทั้งหมด ซึ่งนั่นก็คงไม่ต้องบอกว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเราคงเรียนรู้จากบทเรียนของสหรัฐที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สหรัฐประเทศมหาอำนาจที่พิมพ์แบงค์ได้เอง ยังมีปัญหามาจนถึงวันนี้ คำถามจึงว่า แล้วไทยจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ก็คงต้องดูกันไปอย่ากระพริบตา
เพียงแต่วันนี้ สิ่งที่โดนกับตัวเอง และการเรียนรู้เหตุการณ์ในสหรัฐ มันทำให้มีความรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้คงต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้ว คงต้องมีการปล้นอีกหลายครั้งตามมา แล้วการปล้นแบบนี้เป็นการปล้นที่เรียกว่า ต้องยืนให้มันปล้นเท่านั้น มันจึงเป็นเพียงแค่บทเรียนบทที่ 1 ที่หยิบยื่นมาให้ เพราะนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยา เป็นต้นมา เหมือนกับว่า ผมโดนปล้นไปแบบเงียบๆ หลายรายกาย คงไม่ต้องบอกกัน
คิดไปก็เศร้าอยู่คนเดียว ทำไมคนพวกนี้มันถึงปล้นผมได้มากมายขนาดนี้ แล้วคนอื่นละ เขาโดนกันบ้างหรือเปล่า ก็เลยเขียนเตือนมาให้ตระหนักกันแล้วกันว่า ตอนนี้พวกนี้มันปล้นได้กับทุกคน ไม่ว่าที่ไหน ที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่สวนหย่อนในบ้าน แค่พวกคุณคิดจะเปิดไฟ ก็เหมือนกับเรียกให้คนมาปล้นเงินกระเป๋าพวกคุณแล้ว ดังนั้นอย่าคิดขัดขืน ขอให้ยอมพวกมันไป เพราะพวกนี้มีอิทธิพลมาก แล้วที่สำคัญพวกคุณทำอะไรเขาไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือยินดีให้เขาปล้นไปทุกวัน ทุกวัน และทุกวัน ตราบใดที่ยังหายใจอยู่ในประเทศนี้ ที่สำคัญอย่าไปหือหากับพวกนี้เด็ดขาด ไม่อย่างงั่นพวกเขาจะโกรธและจะปล้นพวกคุณเพิ่มขึ้นอีก
ก็เล่าให้ฟัง อย่าเชื่อผม จนกว่าพวกคุณจะศึกษาข้อมูลทั้งหมดอย่างรอบด้าน เพราะไม่แน่ ผมอาจคิดไปเอง เหมือนกับพวกนี้มันพูดผ่านสื่อมาให้ฟังทุกวัน