ไปเจอบทความนี้เข้า ทำเอาสนใจ และเกิดข้อสงสัยขึ้นมา...
ของขวัญจากทัวร์เมืองนอก เข้าห่อเข้าพกใคร
วิภาคสื่อเทศ วิเทศสื่อไทย สุทิน วรรณบวร
สำนักข่าวเอพีรายงานข่าว เรื่องที่นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกาได้รับของขวัญจากมิตรประเทศต่างๆที่เธอไปเยือน มีมูลค่ามากกว่า ของขวัญที่ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้รับจากมิตรประเทศที่ไปเยือนเช่นกัน คิดแล้วหลายเท่าตัว ข่าวชิ้นนี้รายงานออกมาไล่เลี่ยกับเวลาที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แถลงข่าวเพื่อสร้างความชอบธรรมในการท่องโลก ของนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยยกข้อมูลมาเปรียบเทียบกันว่า นาย บารัค โอบาม่า เดินทางเยือนมิตรประเทศมากกว่านางสาวยิ่งลักษณ์
โฆษกฯแถลงว่าตั้งแต่ บารัค โอบาม่า เข้ารับตำแหน่งสมัยแรกเมื่อปี 2552 จนถึงวันแถลงข่าวนี้ นายโอบาม่าเดินทางเยือนประเทศต่างๆแล้วถึง 60 ครั้ง เฉพาะสี่ปีแรกในตำแหน่งประธานาธิบดี โอบาม่า เดินทางไปเยือนต่างประเทศถึง 35 ประเทศ ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีของไทยตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อสองปีก่อน เพิ่งเดินทางไปเยือนต่างประเทศแค่ 52 ครั้ง ใน 42 ประเทศ ยังไม่นับรวมการเยือน อิตาลี่ สมาพันธรัฐสวิส และ มอนเตเนโกร
การพูดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เจ้านาย โดยไม่ดูเงาหัวตัวเองว่าภารกิจหน้าที่ ตำแหน่งแห่งหนต่างกันอย่างไร หรือเคลิบเคลิ้มไปเหมือนกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์แล้วว่า นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นประมุขของประเทศ บารัค โอบาม่า เป็นประธานาธิบดี เป็นประมุขของประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง หลายครั้งต้องเดินทางไปทำภารกิจในฐานะประมุขประเทศ หลายครั้งในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารประเทศ ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นแค่หัวหน้ารัฐบาล ที่แถลงออกมา ไม่ทราบว่าโฆษกได้คิดหรือเปล่าว่า เพียงช่วงเวลาสองปีเจ้านายของตัวผลาญเงินชาติ โดยการท่องโลกอย่างไร้สาระไปไม่เป็นโล้เป็นพายแล้วถึง 52 ครั้งใน 42 ประเทศ
ประสบการณ์ทำข่าวผู้นำเยือนประเทศต่างๆมาแล้วนับร้อยๆครั้ง ยังไม่เคยเห็นผู้นำประเทศคนไหน ที่เดินทางไปต่างประเทศโดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน เหมือนนายกหญิงคนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องเดินทางไปประจานประเทศตัวเองในมองโกเลีย ไปหาซื้อคิงคอง ในแอฟริกา ไปโรดทัวร์ มัลดีฟ ไปเยือนเหมืองทองในอูกันดา ไปดูเรื่องปรองดองในปากีสถาน และอีกหลายประเทศ ที่เดินทางไป มีแต่ข้อครหาว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน เดินทางไปช่วยเหลือพี่ชาย
ปกติสำนักข่าวต่างประเทศจะติดตามรายงานข่าวการเยือนประเทศต่างๆของผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิด เพราะการเยือนต่างประเทศ ของรัฐมนตรีเหล่านี้ มีผลกระทบต่อสันติภาพ ความมั่นคงเศรษฐกิจ ของประเทศ ของภูมิภาคและของโลก
แต่เท่าที่ติดตามข่าวต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ ยังไม่เคยเห็นสำนักข่าวต่างประเทศสำนักไหน เคยรายงานข่าวผลการเยือนต่างประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ได้ไปเจรจาตกลงเรื่องสำคัญๆอะไรบ้าง มีเพียงครั้งเดียวที่สำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกสำนักรายงานข่าวสีสันพร้อมกัน คือตอนที่นายกรัฐมนตรีของไทย ผู้คลั่งไคล้ กังนัม ไสตล์ ลุกขึ้นมาโยกย้ายถ่ายรูปนาย ซี ด้วยตัวเอง ในวาระที่นางสาวยิ่งลักษณ์เดินทางไปร่วมพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรก ในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้
การเดินทางเยือนต่างประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้รับความสนใจจากสำนักข่าวต่างประเทศน้อยมาก ถ้าเทียบกับผู้นำรัฐบาลในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ไม่ว่าสิงคโปร์ มาเลเชีย อินโดนีเซีย ลาว เขมร เวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพม่า ซึ่งทุกครั้งที่ประธานาธิบดี เต็ง เส็ง ของพม่าเดินทางเยือนต่างประเทศ สำนักข่าวเกือบทุกสำนัก เกาะกระแสติดตามอย่างใกล้ชิด รายงานผลการเยือนอย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อตกลงทางด้านการเมือง ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงในภูมิภาค
การเดินทางเยือนต่างประเทศของผู้นำทั่วโลก ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าไว้เป็นเดือนเป็นปี โดยมีเป้าหมายชัดเจน และเมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในประเทศ ผู้นำเหล่านั้นจะยกเลิกการเดินทางหรือไม่ก็ร่นการเยือนให้สั้นลง แล้วเดินทางกลับมาแก้ปัญหาในประเทศทันที ซึ่งต่างกับนายกรัฐมนตรีไทยโดยสิ้นเชิง ที่เธอเลือกจะเดินทางไปต่างประเทศ ในขณะที่ปัญหาร้ายแรงกำลังรุมเร้าประเทศ นายกฯเดินทางไปหาซื้อคิงคอง ในขณะที่กำลังตึงเครียดทั้งในสภาและนอกสภา นายกฯเดินทางไปต่างประเทศขณะที่ชาวสวนยางชุมนุมประท้วงและเจ้าหน้าที่ของรัฐจับกุมทำร้ายประชาชน จนมีทีท่าว่าจะบานปลายไปเป็นสงครามกลางเมือง นายกฯอยู่ต่างประเทศขณะทีสภากำลังตึงเครียดชุลมุน วุ่นวายเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม สภากำลังตึงเครียดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
ในเมื่อโฆษกประจำสำนักนายกฯนำเรื่องการเดินทางเยือนต่างประเทศของผู้นำอเมริกา มาสร้างความชอบธรรมให้กับเจ้านาย ก็อยากให้โฆษกฯได้แถลงเหมือนกับที่อเมริกาทำ โดยการชี้แจงว่านอกจากการเจรจาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแล้ว การเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ได้ของฝากของขวัญติดมือมามากน้อยเท่าไหร่ และ ของขวัญเหล่านั้นเอาไปไว้ที่ไหน
สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวว่า ปีที่แล้วนางฮิลลารี่ คลินตัน ได้รับของขวัญจากมิตรประเทศที่เธอไปเยือน มีมูลค่ามากว่าประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้รับหลายเท่าตัว ฮิลลารี่ได้รับเครื่องประดับเป็น เพชรนิลจินดา มีมูลค่ากว่าครึ่งล้านดอลลาร์จากกษัตริย์ อับดุลเลาะห์ แห่งซาอุดิ อาราเบีย ของขวัญที่ได้รับรวมทั้งสร้อยคอ กำไลมือ แหวน และ ทองหู แหวนทองคำขาวฝังทับทิมหยดน้ำตา และ แหวนเพชร นอกจากนั้นยังได้รับเครื่องประดับทับทิมสีน้ำเงิน และ เครื่องประดับเพชรมูลค่า $58,000 จากพระชายาของกษัตริย์บรูไน
ของขวัญราคาแพงที่สุดที่เธอได้รับจากมงกุฎราชกุมาร ซาลมาน บิน อับดุลลาซิซ ฮาล-ซาอุด รัฐมนตรีกลาโหมซาอุดี อาราเบียคือนาฬิกาตั้งโต๊ะมูลค่า $165,000
ส่วนโอบาม่า ได้รับเพียงลูกบาสเก็ตบอล พร้อมลายเซ็นจากประธานาธิบดี ซี จินปิง จากจีน เดวิด คาเมรอน กับมาดาม ซาแมนต้า ให้โต๊ะปิงปองย่อส่วนทีมีมูลค่าในอังกฤษ ไม่เกิน$1,100 นี่คือสิ่งที่โอบามา ได้รับในปี 2012
นายกรัฐมนตรี เอนดา เคนนี่ ของประเทศไอริช ให้ของขวัญโอบามาหนึ่งกล่องมูลค่า $7,246.19เป็นต้นไม้ประจำชาติของไอริส ทำด้วยเงิน ผ้าพันคอขนแกะ ผ้าห่ม และ กำไลมือซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางของขลัง
ประธานาธิบดีเต่ง เซ่ง ของพม่าได้มอบเครื่องเพชรประดับแก่มิชเชล ภริยาของโอบาม่า และมาเลียกับซารา มิชเชล ลูกสาวของโอบามา เป็นมูลค่า $4,200 พร้อมแหวนเพชร ลูกสาวสาวโอบามาได้รับเข็มกลัดเป็นดอกไม้เป็นไข่มุก เพชรและทองมูลค่า $4,440
นายกรัฐมนตรีเดวิด และ ซามานตา คาเมรอนให้ของขวัญแก่สตรีหมายเลขหนึ่ง เป็นผ้าพันคอแคชเมียร์ ถักโดย J.Saunders ราคา$480
ของขวัญที่มาแสดงในห้องนิทัศนาการเช่น คลินตัน ได้รับ Congnac จากประธานาธิบดี วลาดีเมีย ปูติน ราคา$560 โอบามาได้รับดาบโค้งคมยาว 34 นิ้ว และด้ามกุมดาบประดับลายเส้นงามวิจิตรจากประธานาธิบดี Tsakiangiin Elbegdorj แห่งมองโกเลีย
แต่อย่าได้คิดว่าทั้งคลินตันและโอบามา จะฮุบเอาของขวัญเหล่านั้น ไว้เป็นสมบัติส่วนตัว เพราะตามกฎหมายของขวัญที่ได้รับทั้งหมด ต้องเก็บไว้ในคลังเอกสารแห่งชาติ หรือในคลังงานบริหารทั่วไป นอกเสียจากว่าผู้ที่ได้รับไปไถ่ถอน (ซื้อออกมาจากกระทรวงการคลังของรัฐ)
อเมริกา เขาแถลงออกมาละเอียดทุกๆปีว่า ผู้นำของเขาได้รับของขวัญอะไรมาจากมิตรประเทศที่ไปเยือนบ้าง ตั้งแต่เครื่องเพชรมูลค่านับพันล้าน จนถึงผ้าพันคอผืนเล็กๆ เพราะการไปเยือนต่างประเทศหลายครั้ง จะต้องแลกเปลี่ยนของขวัญของฝากกัน ประเทศที่เดินทางไปเยือนต้องใช้งบประมาณของชาติในการจัดหาหรือซื้อของขวัญ ซึ่งรวมในงบประมาณค่าใช้จ่ายของผู้นำประเทศในการเดินทางเยือนมิตรประเทศ ดังนั้นประเทศอเมริกาถึงมีกฎหมายตราไว้ชัดเจนว่า ของขวัญที่ได้จากมิตรประเทศที่ไปเยือน ต้องเก็บไว้ในคลังของรัฐ และกฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าทุกปีต้องแจกแจงของขวัญที่ได้รับมาทุกชิ้น
เมื่อเรายกอเมริกามาเป็นมาตรฐาน ในการเยือนมิตรประเทศแล้ว อยากให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เอาแบบอย่างของอเมริกามาแถลงด้วย ว่า 42 ประเทศที่นายกรัฐมนตรีไปเยือนมาแล้ว ได้รับของขวัญมากี่ชิ้นมูลค่าเท่าไหร่ และ ของขวัญเหล่านั้นอยู่ที่ไหน อยู่ในคลังเอกสารของรัฐหรือเข้าพกเข้าห่อใคร ส่วนเรื่องผลงานไม่จำเป็นต้องแถลงก็ได้เพราะประชาชนชนรู้อยู่แล้วว่ามีแต่ความว่างเปล่า
ท้ายที่สุดอยากให้รัฐบาลได้รับรู้ไว้ว่า การเยือนประเทศต่างๆของผู้นำสหรัฐฯนั้น เขาทำเท่าที่จำเป็น ในบางประเทศผู้นำอเมริกา เขาแวะเยือนทำภารกิจแค่สองสามชั่วโมง เสร็จแล้วก็ผ่านไปเยือนประเทศใกล้เคียงต่อไป เขาไม่มีเวลาไปช็อบปิ้ง ว.ห้า ชมเหมืองทอง หรือไปเดินทอดน่อง เพียงแค่ให้พอได้เห็น คิงคอง เห็นแรด เห็นหมี
http://www.naewna.co.../columnist/8582
ครือว่า ผมก็อปมาแป่ะเต็มๆทั้งหมดน่ะครับ
มิได้ตัดแต่ง เพิ่มเติมแต่อย่างใด หวังว่า ทั่น WM
จะไม่ให้ใบเตือน เหมือนครั้งก่อน ที่เอาเรื่อง
"หันตูด ให้แดด" ของป๋าเปลวมาแป่ะตอนนู้น...
ไม่งั้น ผมจาโวยว่า WM ไม่เป็นประชาทิปตาย และ
สองมาดถาน จริงๆด้วย...
Edited by Suraphan07, 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:03.