อันนี้ผมจะเล่าเรื่องจริงที่พบเจอด้วยตนเองเลยนะครับ
ช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ของแพงเป็นระยะๆ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ตอนนั้นผมก็มีกิจการเล็กๆของตัวเองอยู่
ผมเห็นอภิสิทธิ์ไปไหน ก็มีเสื้อแดงไปกวนที่นั่น ผมก็เลยพอเข้าใจได้
เพราะการทำงานภายใต้การรบกวนของเสื้อแดง คงทำได้ไม่มีประสิทธิภาพนัก
โดยเฉพาะตอนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่2ครั้ง อันนั้นเรียกว่าไม่มีสมาธิการงานอะไร
แต่เศรษฐกิจก็พออยู่ได้ พวกเพื่อนเสื้อแดงหลายคนที่มีกิจการ ก็พออยู่ได้ครับ
นั่นคือสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
มาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ความเลวร้ายค่อยๆเริ่มเกิดขึ้นกับประชาชนรากหญ้าที่ละเล็กละน้อย
พวกที่มีอันจะกิน จะไม่มีผลกระทบอะไร พวกรายได้น้อยจะเริ่มพบว่า แม้ค่าแรงถูกปรับสูงขึ้นโดยเฉลี่ย
แต่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาและเร็วกว่า เขาก็ประหยัดเงินมากขึ้น กินน้อย ใช้น้อยลง
แล้วจะเหลือเงินอะไรมาซื้อของอื่นๆล่ะ สินค้าหลายอย่างที่นอกเหนือปัจจัยสี่ ถูกตัดออกหมด
มาถึงวันนี้ พวกแม่ค้าพ่อค้าปลีก รวมถึงเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าเสื้อแดงที่เคยรู้จัก เจ๊งกันระนาว
ผมเองก็ต้องยุบกิจการไปหนึ่งอย่างเหมือนกัน เพราะขายของแล้ว กำไรไม่คุ้มค่าใช้จ่าย กำลังซื้อระดับกลางลงมา หายหมด
พวกคนที่เขาไม่ได้เลือกเพื่อไทย เขาก็ด่ากัน คนที่เลือก ก็ไม่กล้าด่าต่อหน้า เพราะกลัวเสียฟอร์ม
แต่ไม่พูดเชียร์อีกเลย ไม่พูดเรื่องการเมืองอีกเลย ก็คงคิดไม่ถึงมั้งว่า จะโดนขนาดนี้
บางคนเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาก ต้องไปกู้นอกระบบมาจ่ายค่าเทอมลูก ค่าผ่อนบ้านก็มี
มาถึงเวลานี้ ข้าวของแพงขึ้นทั้งแผ่นดิน ไอ้คำสัญญาว่า จะกระชากค่าครองชีพลงมา ไม่ต้องไปหวังอีกต่อไป
เพราะยิ่งลักษณ์ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไรเลย ผมจะไม่ว่าเป็นความโง่หรอก แต่จะว่าๆเป็นความหน้าหนามากกว่า
ไม่ยอมรับรู้ปัญหาอะำไรของประชาชน อาจเพราะไม่มีอำนาจแก้ไขอะไร แต่ก็ยังอยากอยู่ในตำแหน่งผู้นำต่อไป
เลยออกไปต่างประเทศบ่อยๆ เพื่อจะหลบการงานสำคัญ แล้วพวกลิ่วล้อ รมต. แต่ละคนทีรับงานมา
วันๆก็เอาแต่โกงกิน ไม่ได้สนใจอะไรประชาชน ผมคิดว่า เวลาสำหรับบริหารราชการของรัญบาลชุดนี้ที่เหลืออยู่
เศรษฐกิจคงทรุดหนักขึ้นอีก เลือกตั้งครั้งหน้าใครที่เคยเลือกเพื่อไทย แต่ไม่ชอบ ปชป. ก็อย่าเลือกเพื่อไทยต่อไปเลย มีแต่พังกับพังแน่นอนครับ