Jump to content


Photo
- - - - -

ไม่เข้าใจที่ว่า เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน


  • Please log in to reply
20 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 Reds_killer

Reds_killer

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 685 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:10

ไม่เข้าใจที่ว่า เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน

 

หมายความว่า พรรครัฐบาล(หรือ สส)ที่ออกกฏหมายกู้ + คนมอนเตรเนโก(ผู้เป็นต้นคิด) ...จะเป็นคนใช้หนี้เงินกู้เหล่านี้ใช่ไหม...

 

ถ้าใช่ .....เงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินของแผ่นดินครับ

 

แต่ถ้าใช้หนี้โดยเงินภาษีของคนทั้งแผ่นดิน(+เงินภาษีของลูกหลานอีกนับ 10 ชาติ) มันก็ต้องเป็นเงินของแผ่นดินซิ....ใช่ปะ



#2 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:12

เสื้อแดง เค้าบอกว่า ไม่ใช่เงินแผ่นดินก้อไม่ใช่เงินแผ่นดินครับ

 

ปล. เชื่อเค้าหน่อยครับ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาา


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#3 BeastGuy

BeastGuy

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,364 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:26

ช่ือก็บอกอยู่ว่า กู้เงินมา
แผ่นดินนี้ไม่มีเงินขนาดนี้
จะเป็นเงินแผ่นดินได้ไง
ดริฟสุด ๆ

#4 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:31

“เงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน...”
       
        ประโยคนี้คนของรัฐบาลพูดกันเป็นนกแก้วนกขุนทองตลอดสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อยืนยันว่าร่างพ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่กำลังพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้คาดว่าจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และ 3 ในช่วงเดือนสิงหาคม 2556 เมื่อเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไป เพื่อยืนยันว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
       
        เป็นการพูดเพื่อตอบโต้ความเห็นของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ชุดอาจารย์คณิต ณ นคร ที่เสนอมายังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาว่าร่างกฎหมายกู้เงินมหาศาลนี้ขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา โดยมาตราสำคัญที่พูดกันมาโดยตลอดคือมาตรา 169 ผมเองก็พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 แล้ว
       
        ขอยกมาตรา 169 วรรคหนึ่งมาให้อ่านกัน
       
        “การจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนรัฐบาลจะจ่ายไปก่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ ในกรณีเช่นว่านี้ต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังในพระราชบัญญัติโอนเงินงบประมาณรายจ่าย พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป ทั้งนี้ ให้กำหนดแหล่งที่มาของรายได้เพื่อชดใช้รายจ่ายที่ได้ใช้เงินคงคลังจ่ายไปก่อนแล้วด้วย”
       
       ระบอบประชาธิปไตยคือการควบคุมตรวจสอบอำนาจรัฐ
       
       สำคัญสุดคือการใช้เงิน
       
       การจ่ายเงินแผ่นดินจึงจะกระทำได้แต่เฉพาะตามกฎหมาย 4 ฉบับเท่านั้น คือ กฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี, กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ, กฎหมายเกี่ยวกับการโอนงบประมาณ และกฎหมายเงินคงคลัง เพราะกฎหมายทั้งสี่มีกฎเกณฑ์ควบคุมการใช้จ่ายเงินที่เข้มงวดมีการตรวจสอบทั้งโดยระบบราชการประจำและระบบการเมือง
       
       ไม่ใช่การออกกฎหมายพิเศษกู้เงินมาทำโครงการเฉพาะที่เริ่มมาจากโครงการไทยเข้มแข็งยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ปี 2552
       
       มาตรา 169 มี keyword สำคัญคือคำว่า...
       
        “เงินแผ่นดิน”
       
       วิธีการแบบศรีธนญชัยง่าย ๆ ที่จะบอกว่าการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินมาใช้มาทำเฉพาะโครงการสามารถทำได้โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ก็คือการพูดประโยคที่ผมนำมาเป็นหัวเรื่องวันนี้แหละ
       
        “เงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน”
       
       เป็นการนำความเห็นจากคณะกฤษฎีกาคณะ 12 มาพูดต่อ โดยเมื่อปี 2552 หลังจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อกพระราชกำหนดไทยเข้มแข็งแล้วเกิดเกรงขึ้นมาว่าการใช้เงินจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เลยถามไปที่คณะกรรม การกฤษฎีกา คณะกรรมการกฤษฎีกาตอบมาในเอกสารเรื่องเสร็จที่ 888/2552 ธันวาคม 2552 ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เพราะเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน เพราะไม่มีกฎหมายใดเขียนไว้
       
       เป็นการตอบแบบอวยรัฐบาลในขณะนั้นอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและครูบาอาจารย์ด้านการเงินการคลังของประเทศที่อยู่ในคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 12
       
       แต่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในขณะนั้นก็คงอายอยู่ จึงมีความในย่อหน้าสุดท้ายทำนองว่านี่เป็นเพียงการตอบข้อหารือที่ทำให้รัฐบาลทำงานได้ ซึ่งก็คือสามารถใช้เงินกู้ในโครงการไทยเข้มแข็งได้ แต่ไม่ใช่การวินิจฉัยชี้ขาด เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่
       
       การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
       
       เงินกู้จะถือเป็นเงินแผ่นดินตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หรือไม่มีมุมมองทางกฎหมายต่างกันได้ครับ เรื่องนี้ยังไม่เคยผ่านการชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นที่สุด ผูกพันทุกองค์กร แม้แต่เงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ที่เป็นต้นแบบให้รัฐบาลนี้ลอกมาใช้ในโครงการ 3.5 แสนล้านบาทและ 2 ล้านล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยชี้ในประเด็นนี้ ที่เคยชี้ว่าพระราชกำหนดถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็เป็นเพียงประเด็นทั่วไปตามมาตรา 184 เท่านั้น ที่รัฐบาลเอามาพูด ๆ กันวันนี้ว่าเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดินดังนั้นจึงออกกฎหมายพิเศษได้ไม่ต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ก็เป็นเพียงการจำขี้ปากคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 12 มาพูดซ้ำเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในขี้ปากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับใช้รัฐบาลหน่วยงานนี้ครั้งนั้นเขาก็มีหมายเหตุไว้ในย่อหน้าสุดท้ายว่าไม่ใช่การชี้ขาด เพราะนั่นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
       
       เสียดายที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ยุคนั้นพอกฤษฎีกาคณะ 12 ให้ความเห็นเข้าทางตนก็ใช้เงินเลย ไม่พยายามนำเรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน
       
       เรื่องนี้ผมพูดมาหลายเดือนทั้งต่อสาธารณะและต่อเพื่อนส.ว.ขอจองกฐินแล้วว่าจะยกร่างสำนวนและขอความร่วมมือพี่น้องส.ว.ร่วมลงชื่อให้ครบ 65 คนเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยแน่ แต่ต้องเป็นขั้นตอนหลังรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายนี้หมดแล้ว
       
       ซึ่งก็ไม่เร็วไปกว่าเดือนตุลาคม 2556 แน่นอน
       
       ทำงานอยู่ตลอด ยื่นแน่ เปิดสภาสิงหาคม 2556 นี้ก็จะเริ่มขอแรงพี่น้องส.ว.ร่วมทยอยลงชื่อให้ครบ 65 คนตามเงื่อนไข แต่ตัวคำร้องคงต้องรอปรับแก้หลังร่างกฎหมายผ่านวาระ 3 วุฒิสภาก่อน
       
       ตอนนี้ก็กำลังนำคำวินิจฉัยศาลปกครองกลาง 27 มิถุนายน 2556 กรณีโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทมาเทียบเคียงว่าควรจะเพิ่มประเด็นมาตรา 57 กับ 67 เข้าไปด้วยเลยดีไหม ซึ่งก็ต้องรอเห็นตัวร่างกฎหมายสุดท้ายก่อนอยู่ดี
       
       แต่วันนี้จะลองคิดดัง ๆ ง่าย ๆ ให้อ่านกันทิ้งท้ายนะ...
       
       ตามหลักพื้นฐานการทำงบดุล หรืองบแสดงฐานะการเงินของกิจการ หรือภาษาอังกฤษว่า 'Balance Sheet ที่มีอยู่ 2 หน้าหรือ 2 ฝั่งคือทรัพย์สินกับหนี้สินนั้น ชื่อก็บอกนะว่ามันต้อง balance คือต้องลงรายละเอียดทั้ง 2 ฝั่ง สมมติว่าประเทศหรือแผ่นดินเป็นกิจการ ในกรณีเงินกู้ เวลากู้ได้มาหรือเบิกมาใช้ก็ต้องลงงบดุลทั้งฝั่งทรัพย์สิน และฝั่งหนี้สิน เพราะเวลาใช้คืนเงินต้นหรือดอกเบี้ยก็เอาจากเงินของประเทศหรือของแผ่นดิน แล้วก็นับรวมในเพดานตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ
       
       วันนี้รัฐบาลจะมาแกล้งโง่ตามคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 12 ทำไมว่าไม่ใช่เงินแผ่นดิน เพราะเท่ากับบอกว่าไม่ต้องลงบัญชีในฝั่งทรัพย์สินงั้นซิ มันจะเป็นไปได้ยังไง
       
       การลงบัญชีแต่ฝั่งหนี้สินไม่ลงฝั่งทรัพย์สิน ภาษาบัญชีเขาว่าอะไรรู้มั้ย
       
        “ไซฟ่อนเงิน” 

ที่มา : เงินกู้ ไม่ใช่เงินแผ่นดิน

 

ปชป.เสนอทางออกให้พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านไม่ขัดรัฐธรรมนูญแต่ถูกเมินเฉยจากรัฐบาล

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอทางออกดังกล่าวในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมาย และเสนออีกครั้งในการประชุมวาระ2ในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 20 ก.ย. 2556 ที่ผ่านมาแต่ถูกรัฐบาลปฏิเสธไมตรีนี้มาตลอด


ประเด็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา169 ที่นักวิชาการหลายคนให้ความเห็นไว้คือ เงินกู้ดังกล่าวเข้าข่ายเป็น “เงินแผ่นดิน” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้วจะจ่ายเงินแผ่นดินได้ด้วยกฎหมาย 4ฉบับเท่านั้นคือ กฎหมายงบประมาณ กฎหมายวิธีการงบประมาณ กฎหมายโอนงบประมาณ และกฎหมายเงินคงคลัง ดังนั้นการที่รัฐบาลออกกฎหมายเป็นพระราชบัญญัติกู้เงินโดยมีทั้ง2ขา คือขากู้และขาจ่ายเงินด้วยในฉบับเดียวกันจึงเกิดปัญหา ซึ่ง “ขากู้” ไม่มีปัญหาแต่ปัญหาขัดรัฐธรรมนูญมาตรา169 อยู่ที่ “ขาจ่าย” เพราะพระราชบัญญัติกู้เงิน ไม่ใช่กฎหมาย4ฉบับที่จะจ่ายเงินแผ่นดินได้

ข้อเสนอของปชป. คือ “ขากู้” ก็ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกู้เงิน2ล้านล้านได้ แต่ “เงินกู้ต้องนำส่งคลัง” โดย “ขาจ่าย” ให้ใช้พระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีปกติเบิกจ่าย เพียงแค่นี้ก็จะไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ข้อดีคือแผนการลงทุนไม่ต้องเสี่ยงขัดกฎหมาย การจัดซื้อจัดจ้างจะเป็นไปตามวิธีปกติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบ โปร่งใส และนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพราะรัฐบาลมีเงินกู้ในคลังพร้อมทำโครงการและพร้อมจ่ายจริงตามงวดงานเมื่อมีการออกพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีตามปกติ
แต่เนื่องจากรัฐบาลปฏิเสธแนวทางข้างต้น ก็จะทำให้เกิดจุดเสี่ยงในการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญว่าเงินกู้เป็นเงินแผ่นดินหรือไม่ โดยคำว่า “เงินแผ่นดิน” ไม่ได้มีนิยามชัดแจ้งในกฎหมายใดเป็นการเฉพาะการที่รัฐบาลกำหนดในร่างพรบ.ว่า เงินกู้ไม่ต้องนำส่งคลังนั้นยังไม่พอจะสรุปได้ว่า เงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยให้พระบรมราโชวาทแก่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อ 25 ส.ค. 2542 โดยมีความตอนหนึ่งว่า “เงินแผ่นดินนั้นคือเงินของประชาชนทั้งชาติ” 
 
ประการต่อมาเงินกู้ครั้งนี้บางส่วนจะกลายเป็นโครงการเล็กๆเป็นเส้นเลือดฝอยแทนที่จะเป็นโครงการใหญ่สำคัญๆ ตามที่รัฐบาลอ้างเพราะรายการในบัญชีแนบท้ายที่มีผลบังคับตามกฎหมายนั้นระบุยอดเงินรวมๆเป็นก้อนใหญ่ตาม “แผน” แต่ไม่ได้ระบุย่อยเป็นชื่อและจำนวนเงินตาม “โครงการ” การที่สภาผ่านกฎหมายเงินกู้ฉบับนี้ก็เหมือนให้ “เช็คเปล่า”
 
 รัฐบาลไปนั่นเองเพราะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้ และสุดท้ายเมื่อรัฐบาลกล้าเสี่ยงขัดกฎหมายจะส่งผลให้ประมาณการทางเศรษฐกิจจากหลายสำนักคลาดเคลื่อนเพราะ “รายจ่ายภาครัฐ” ที่เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ตัวเลขการเจริญเติบโตเป็นไปตามเป้านั้นไม่สามารถเบิกจ่ายทันในปลายปีนี้แน่นอน

 

 

 

"ไม่ใช่เงินแผ่นดิน แล้วเงินพ่อเงินแม่เมิ่งเหรอ" นาทีที่ 9:12


Edited by Stargate-1, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:37.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#5 human

human

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 684 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:35

ตอนใช้หนี้ฝากรัฐบาลออกกฏหมาย

 

ห้ามนำเงินแผ่นดินไปใช้หนี้ก้อนนี้ด้วยนะครับ


ผีหลอกก็ยังพอทนแต่คนหลอกคนกูทนไม่ได้

#6 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:45

ในเมื่อไม่ใช่ "เงินของแผ่นดิน"

 

ฉะนั้น

 

"คนของแผ่นดิน" ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ


Edited by ม่านน้ำ, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:46.

Posted Image


#7 CockRoachKiller

CockRoachKiller

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 442 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:11

 

“เงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน”
       
       เป็นการนำความเห็นจากคณะกฤษฎีกาคณะ 12 มาพูดต่อ โดยเมื่อปี 2552 หลังจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อกพระราชกำหนดไทยเข้มแข็งแล้วเกิดเกรงขึ้นมา ว่าการใช้เงินจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เลยถามไปที่คณะกรรม การกฤษฎีกา คณะกรรมการกฤษฎีกาตอบมาในเอกสารเรื่องเสร็จที่ 888/2552 ธันวาคม 2552 ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เพราะเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน เพราะไม่มีกฎหมายใดเขียนไว้
       
       เป็นการตอบแบบอวยรัฐบาลในขณะนั้นอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความเห็น ของผู้ทรงคุณวุฒิและครูบาอาจารย์ด้านการเงินการคลังของประเทศที่อยู่ในคณะ กรรมการกฤษฎีกาคณะ 12
       
       แต่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในขณะนั้นก็คงอายอยู่ จึงมีความในย่อหน้าสุดท้ายทำนองว่านี่เป็นเพียงการตอบข้อหารือที่ทำให้ รัฐบาลทำงานได้ ซึ่งก็คือสามารถใช้เงินกู้ในโครงการไทยเข้มแข็งได้ แต่ไม่ใช่การวินิจฉัยชี้ขาด เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่
       
       การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
       
       เงินกู้จะถือเป็นเงินแผ่นดินตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หรือไม่มีมุมมองทางกฎหมายต่างกันได้ครับ เรื่องนี้ยังไม่เคยผ่านการชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นที่สุด ผูกพันทุกองค์กร แม้แต่เงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ที่เป็นต้น แบบให้รัฐบาลนี้ลอกมาใช้ในโครงการ 3.5 แสนล้านบาทและ 2 ล้านล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยชี้ในประเด็นนี้ ที่เคยชี้ว่าพระราชกำหนดถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็เป็นเพียงประเด็นทั่วไปตาม มาตรา 184 เท่านั้น ที่รัฐบาลเอามาพูด ๆ กันวันนี้ว่าเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดินดังนั้นจึงออกกฎหมายพิเศษได้ไม่ต้องทำ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ก็เป็นเพียงการจำขี้ปากคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 12 มาพูดซ้ำเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในขี้ปากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับใช้รัฐบาลหน่วยงานนี้ครั้งนั้นเขาก็มี หมายเหตุไว้ในย่อหน้าสุดท้ายว่าไม่ใช่การชี้ขาด เพราะนั่นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
       
       เสียดายที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ยุคนั้นพอกฤษฎีกาคณะ 12 ให้ความเห็นเข้าทางตนก็ใช้เงินเลย ไม่พยายามนำเรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน

 

 

The cockroach blue shirt is very funny and double standard in nature. When you benefit on something, you say it right, or conveniently silence. When others benefit on exactly the same thing, you say it's wrong out loud. 


Please know your place by do not comment my post that you can not comprehend.

#8 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:30

......... งง...งง.... ไม่เข้าใจ เหมือนกัน........1003925_357003054433026_1645679262_n.jpg



#9 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:58

พูดได้ทุกอย่างแม้จะโกหกคำโตแค่ไหนก็ไม่กระดาก ก็ขนาดหลอกชาวบ้านมาเผาเมืองเพื่ออำนาจยังทำได้ จะมีความชั่วอะไรที่คนพวกนี้ไม่กล้าทำอีกล่ะคะ


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#10 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:48

 

 

“เงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน”
       
       เป็นการนำความเห็นจากคณะกฤษฎีกาคณะ 12 มาพูดต่อ โดยเมื่อปี 2552 หลังจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อกพระราชกำหนดไทยเข้มแข็งแล้วเกิดเกรงขึ้นมา ว่าการใช้เงินจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เลยถามไปที่คณะกรรม การกฤษฎีกา คณะกรรมการกฤษฎีกาตอบมาในเอกสารเรื่องเสร็จที่ 888/2552 ธันวาคม 2552 ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เพราะเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน เพราะไม่มีกฎหมายใดเขียนไว้
       
       เป็นการตอบแบบอวยรัฐบาลในขณะนั้นอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความเห็น ของผู้ทรงคุณวุฒิและครูบาอาจารย์ด้านการเงินการคลังของประเทศที่อยู่ในคณะ กรรมการกฤษฎีกาคณะ 12
       
       แต่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในขณะนั้นก็คงอายอยู่ จึงมีความในย่อหน้าสุดท้ายทำนองว่านี่เป็นเพียงการตอบข้อหารือที่ทำให้ รัฐบาลทำงานได้ ซึ่งก็คือสามารถใช้เงินกู้ในโครงการไทยเข้มแข็งได้ แต่ไม่ใช่การวินิจฉัยชี้ขาด เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่
       
       การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
       
       เงินกู้จะถือเป็นเงินแผ่นดินตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หรือไม่มีมุมมองทางกฎหมายต่างกันได้ครับ เรื่องนี้ยังไม่เคยผ่านการชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นที่สุด ผูกพันทุกองค์กร แม้แต่เงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ที่เป็นต้น แบบให้รัฐบาลนี้ลอกมาใช้ในโครงการ 3.5 แสนล้านบาทและ 2 ล้านล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยชี้ในประเด็นนี้ ที่เคยชี้ว่าพระราชกำหนดถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็เป็นเพียงประเด็นทั่วไปตาม มาตรา 184 เท่านั้น ที่รัฐบาลเอามาพูด ๆ กันวันนี้ว่าเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดินดังนั้นจึงออกกฎหมายพิเศษได้ไม่ต้องทำ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ก็เป็นเพียงการจำขี้ปากคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 12 มาพูดซ้ำเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในขี้ปากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับใช้รัฐบาลหน่วยงานนี้ครั้งนั้นเขาก็มี หมายเหตุไว้ในย่อหน้าสุดท้ายว่าไม่ใช่การชี้ขาด เพราะนั่นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
       
       เสียดายที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ยุคนั้นพอกฤษฎีกาคณะ 12 ให้ความเห็นเข้าทางตนก็ใช้เงินเลย ไม่พยายามนำเรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน

 

 

The cockroach blue shirt is very funny and double standard in nature. When you benefit on something, you say it right, or conveniently silence. When others benefit on exactly the same thing, you say it's wrong out loud. 

 

 

แต่วันนี้จะลองคิดดัง ๆ ง่าย ๆ ให้อ่านกันทิ้งท้ายนะ...
       
       ตามหลักพื้นฐานการทำงบดุล หรืองบแสดงฐานะการเงินของกิจการ หรือภาษาอังกฤษว่า 'Balance Sheet ที่มีอยู่ 2 หน้าหรือ 2 ฝั่งคือทรัพย์สินกับหนี้สินนั้น ชื่อก็บอกนะว่ามันต้อง balance คือต้องลงรายละเอียดทั้ง 2 ฝั่ง สมมติว่าประเทศหรือแผ่นดินเป็นกิจการ ในกรณีเงินกู้ เวลากู้ได้มาหรือเบิกมาใช้ก็ต้องลงงบดุลทั้งฝั่งทรัพย์สิน และฝั่งหนี้สิน เพราะเวลาใช้คืนเงินต้นหรือดอกเบี้ยก็เอาจากเงินของประเทศหรือของแผ่นดิน แล้วก็นับรวมในเพดานตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ
       
       วันนี้รัฐบาลจะมาแกล้งโง่ตามคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 12 ทำไมว่าไม่ใช่เงินแผ่นดิน เพราะเท่ากับบอกว่าไม่ต้องลงบัญชีในฝั่งทรัพย์สินงั้นซิ มันจะเป็นไปได้ยังไง
       
       การลงบัญชีแต่ฝั่งหนี้สินไม่ลงฝั่งทรัพย์สิน ภาษาบัญชีเขาว่าอะไรรู้มั้ย
       
        “ไซฟ่อนเงิน”

 

ปชป.ยันพ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาทไม่เหมือนพ.ร.ก."ไทยเข้มแข็ง"

 

นายองอาจ กล่าวอีกว่า การดำเนินการของรัฐบาลในการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เคยออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (โครงการไทยเข้มแข็ง) ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์สามารถดำเนินการได้  เพราะศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยที่ 11/2552 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2552 ระบุในตอนท้ายว่าการตราพ.ร.ก.ดังกล่าวตราขึ้นเพื่อประโยชน์ และเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรค 1 และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรค 2  ดังนั้น พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจึงเป็นคนละประเด็นกับพ.ร.ก.ดังกล่าว เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่สามารถยกเรื่องนี้มาเทียบเคียงกันได้ว่า ทำไมสมัยพรรคประชาธิปัตย์ทำได้สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้
 


Edited by Stargate-1, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:42.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#11 Reds_killer

Reds_killer

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 685 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:41

อยากให้เสื้อแดงช่วยตอบหน่อย

 

ผมไปกู้ธนาคารมา 1 ล้านบาท...แล้วเงิน1 ล้านบาท เป็นของผมหรือเปล่า...ใครต้องใช้หนี้ 1 ล้านบาทนี้



#12 human

human

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 684 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:01

หรือว่ามันเป็นเงินของพี่แม้ว เค้าลืมหยิบไปตอนไปดูโอลิมปิค

 

น้องปูก็เลยจะเอาไปคืน กลัวพี่แม้วจะอดตาย  :lol:  :lol:


ผีหลอกก็ยังพอทนแต่คนหลอกคนกูทนไม่ได้

#13 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:01

    โคตรกู้   เป็นชุดเดียวกับ  โคตรโกง

 

    ที่ปรึกษา จอมซิกแซก

    ก็เป็นอย่างนี้ ..แหกรู กม. แบบถลอกปอกเปิก ก็ยังระรื่น


ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#14 ParaDon

ParaDon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,946 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:44

75570dc6.jpg

 

 

1253589021.jpg


" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "


#15 Huligan

Huligan

    ดาวพยศนภา

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,880 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:51

ตอนนี้มีหลายคนกำลังหลงประเด็น เรื่องรถไฟปัจจุบันโคตรห่วยน่ะมันจริง...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้วิธีมั่วๆยังไงก็ได้เพื่อมาแก้ปัญหานี้

พอมีคนออกมาค้าน ไอ้กระบอกเสียงรัฐบาลมันก็จะออกมายัดเยียดข้อหาถ่วงความเจริญอีกตามสันดาร

 

มีบางท่านเสนอข้อมูลเรื่องระเบียบการใช้เงินแผ่นดินที่ควรจะเป็นไปแล้ว...ทีนี้ผมอยากทราบข้อมูลอีกเรื่องครับ คิดว่างบจริงๆมันควรถึงสองล้านล้านหรือเปล่าครับ?(ถ้าจะทำ)

พอดีผมไม่ค่อยมีความรู้ด้านค่าใช้จ่ายเท่าไหร่นัก?


Edited by Huligan, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:51.

ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้*สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่มองเห็นได้นั้นน่าเชื่อถือมากกว่า*

#16 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2556 - 12:07

ขนาดผู้ว่ารถไฟฯยังแยกไม่ออกเลย ระหว่างเงินกู้ในงบประมาณที่กู้เงินไจก้ามาสร้างรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-ตลิ่งชัน  กับ เงินกู้เร่งด่วนนอกงบประมาณ 2 ล้านๆ น่าอเนจอนาจใจยิ่งนัก แล้วชาวบ้านธรรมดาจะรู้ไหมนี่

 

นี่มันก็หมายจะกู้จากไจก้าอีกแน่ ทีแรกบอกว่ากู้ในประเทศ ตอนนี้มันบอกว่าจะไปกู้นอกประเทศบางส่วน


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#17 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:00

หลังจากกู้เเล้วก็จะยุบสภาพร้อมเชิดเงินหนีทั้งพรรคจากนั้นก็เป็นหน้าที่ ปชป. มาตามเช็ดขี้แล้วก็โดนควายแดงด่าฟรี พอใช้หนี้หมดพวกมันก็จะกลับมา



#18 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:00

รัฐบาลไปกู้เงิน เงินเป็นของรัฐบาล รัฐบาลแดกได้ เพราะเป็นเงินของรัฐบาล

จะแดกชริ๊บหายวายวอดอย่างไร ประชาชนก็ห้ามบ่น เพราะเป็นเงินของรัฐบาล

 

รัฐบาลไปกู้เงิน หนี้สินเป็นของประชาชน ประชาชนต้องใช้หนี้ เพราะประชาชนเลือกรัฐบาลมาให้ดำเนินการ

ดังนั้น ประชาชนต้องรับผิดชอบในการกู้เงินของรัฐบาล

 

รัฐบาลไปกู้เงิน รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แดกได้แดกดีแดกเข้าไป  

ประชาชนใช้หนี้่ด้วยภาษีให้อยุ่แล้ว อย่างมากก็ยุบสภา แล้วเขาไม่เลือกใหม่เท่านั้นแหละ ถ้าโดนฟ้องก็แค่หนีไปต่างประเทศเท่านั้นเอง เชอะ 

 

เห็นมั้ย ไม่ใช่เงินแผ่นดินซักกะตี๊ดดดดดดดด

-_-

 

ปล. พิมพ์เอง ยังเซ็ง


Edited by DarkSwan, 20 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:02.

ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#19 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:01

ปชป.ยันพ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาทไม่เหมือนพ.ร.ก."ไทยเข้มแข็ง"

 

นายองอาจ กล่าวอีกว่า การดำเนินการของรัฐบาลในการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เคยออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (โครงการไทยเข้มแข็ง) ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์สามารถดำเนินการได้  เพราะศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยที่ 11/2552 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2552 ระบุในตอนท้ายว่าการตราพ.ร.ก.ดังกล่าวตราขึ้นเพื่อประโยชน์ และเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรค 1 และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรค 2  ดังนั้น พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจึงเป็นคนละประเด็นกับพ.ร.ก.ดังกล่าว เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่สามารถยกเรื่องนี้มาเทียบเคียงกันได้ว่า ทำไมสมัยพรรคประชาธิปัตย์ทำได้สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้
 

 

 

การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับเงินงบประมาณปี 2556 ไปถึง 1,500 ล้านบาท แต่ การรถไฟเพิ่งใช้งบประมาณดังกล่าวไปได้เพียง 10% จึงไม่จำเป็นต้องเร่งกู้เงินในช่วงสิ้นเดือนกันยายนนี้

 

http://www.banmuang....าล”ลุยไฟลั่นเด/

 

งบที่เหลือ 90% ยังมีเงินเหลืออยู่ในคลัง ให้ใช้หรือเปล่า


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#20 gears

gears

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,450 posts

ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:27

นี่กำลังจะมีการกิน lot ใหญ่ที่สุดสินะ

#21 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:51

การจ่ายเงินแผ่นดินจึงจะกระทำได้แต่เฉพาะตามกฎหมาย 4 ฉบับเท่านั้น คือ กฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี, กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ, กฎหมายเกี่ยวกับการโอนงบประมาณ และกฎหมายเงินคงคลัง เพราะกฎหมายทั้งสี่มีกฎเกณฑ์ควบคุมการใช้จ่ายเงินที่เข้มงวดมีการตรวจสอบทั้งโดยระบบราชการประจำและระบบการเมือง
 

ไม่เข้าใจที่ว่า เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน

เขาพยายามจะบอกว่า เงินไม่ได้ดูแลรักษาโดยปธท. แต่ดูแลโดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ จึงไม่ได้เป็นเงินของแผ่นดิน :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol: 

 

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

http://th.wikipedia....ิหารหนี้สาธารณะ

 

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงการคลัง มีหน้าที่ในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะโดยการวางแผน กำกับ และดำเนินการก่อหนี้ค้ำประกัน และปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล หน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรวมทั้งการชำระหนี้ ของรัฐบาล และการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้การบริหารหนี้สาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างความยั่งยืนทางการคลังและการพัฒนาเศรษฐกิจ มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

 

การจัดตั้งสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ได้มีการเสนอแนวความคิดต่อคณะรัฐมนตรี และมีมติให้จัดตั้งเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2542 เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง มีภารกิจในการกำหนดนโยบายและวางแผนการก่อหนี้ในภาพรวม การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของประเทศ การบริหารความเสี่ยง การบริหารเงินสด และ การจัดทำระบบฐานข้อมูลหนี้ของประเทศ โดยให้โอนอัตรากำลังและงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองนโยบายเงินกู้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกลุ่มวิเคราะห์หนี้สาธารณะและเงินคงคลัง และส่วนหนี้สาธารณะและเงินคงคลัง ยกเว้นสายบริหารเงินคงคลัง สำนักการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง มาไว้ที่สำนักบริหารหนี้สาธารณะ

ต่อมาได้มีการยกฐานะขึ้นเป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 [2]

 

หน่วยงานในสังกัด[แก้]

  • สำนักจัดการหนี้ 1
  • สำนักจัดการหนี้ 2
  • สำนักบริหารการระดมทุนโครงการลงทุนภาครัฐ
  • สำนักบริหารการระดมทุนระบบบริหารจัดการน้ำ
  • สำนักนโยบายและแผน
  • สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้
  • สำนักบริหารการชำระหนี้
  • สำนักงานเลขานุการกรม
  • ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
  • กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
  • กลุ่มตรวจสอบภายใน
  •  กลุ่มกฎหมาย
 

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน