ลาก่อนน้ำท่วม
#2
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:22
http://manager.co.th...D=9560000119333
Edited by suwadee, 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:22.
- nhum, Bourne and ถั่งเช่า ตรา ควายธนูแดง like this
#3
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:23
#5
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:14
รู้สึกว่า กำลังจะเกิดรายการ " กินตามน้ำ " ครับ
#6
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:31
#8
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:54
กระทู้นี้มันตามหาผู้ว่ากทม.
http://webboard.seri...ทั่นผู้ว่า-กทม/
ไม่ตามหาส.ส.เพื่อไทยมั่งรึ ควายแดง
น้ำท่วมคราวก่อน ปทุมธานี บ้านเพื่อนผม
เค้าบอกว่าไม่พบ สส ปทุมธานี ซึ่งเพื่อไทยได้ทั้งจังหวัด เลยสักครั้งครับ
แต่มีผู้พบเห็นหนนึงและได้ถ่ายรูปไว้ครับ
Edited by GermanManiac, 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:57.
- Bookmarks likes this
#10
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:15
ฟ้าดินลงโทษผู้มีสิทธิเลือกต้้ง สส.เพื่อไทยที่ผ่านมา....
การที่สส.ดมรองเท้าตัวเอง เกาหิต ดมกลิ่นโชยจากห้องน้ำสตรีในสภาผู้แทนเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม.....!
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#13
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:12
จะไม่ให้มีเขื่อนได้ยังไง
สัตว์ป่า ผืนป่าน่ะ มันสร้างกันได้
ปอดมันบอกมา
"จาเอาเขื่อน จาเอาเขื่อน เค้าไม่ย้อมมมม"
- G.Maniac and ใจหมาอำมหิต` like this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#15
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:23
เห็นมั้ย น้ำมันท่วมขนาดนี้
จะไม่ให้มีเขื่อนได้ยังไง
สัตว์ป่า ผืนป่าน่ะ มันสร้างกันได้
ปอดมันบอกมา
"จาเอาเขื่อน จาเอาเขื่อน เค้าไม่ย้อมมมม"
ตามสเตป
ตัวเงินตัวทองที่เข้ามาในสวนบ้านผม มันก็คลานสเต็ปเดิมๆทุกทีที่เจอครับ ไม่เปลี่ยนมุข ไม่เปลี่ยนท่าทาง
- MuuSang likes this
#16
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:24
มีทั้งหมด 17 จังหวัด ไม่มีภาพฝนอยู่เลย
คิดตามภาพ มันมาจากการบริหารจัดการน้ำทั้งสิ้น
เป็นไปได้มั้ย ที่มันเป็นแค่มุกซ้ำ
เพราะเคยทำมาแล้วนี่
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#17
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:44
นังเม้ยออกมารับผิดชอบเร็ว ตายไปแล้ว 3
น้ำท่วมศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 (ไอเอ็นเอ็น)พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 จากเหตุน้ำท่วมศรีสะเกษ ขณะที่ ผู้ว่าฯ ระดมนักเรียน นักศึกษา 500 คน เร่งบรรจุกระสอบทรายตลอดคืนขณะที่ พนักงานสอบสวน สภ.ไพรบึง ได้รับแจ้งว่า พบศพ นายสี เครือวัลย์ อายุ 31 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ หลังออกไปหาปลาและจมน้ำหายไปในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่ง นายสี นับเป็นรายที่ 3 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วม จ.ศรีสะเกษ ในครั้งนี้
#18
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:48
นังเม้ยออกมารับผิดชอบเร็ว ตายไปแล้ว 3
น้ำท่วมศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 (ไอเอ็นเอ็น)พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 จากเหตุน้ำท่วมศรีสะเกษ ขณะที่ ผู้ว่าฯ ระดมนักเรียน นักศึกษา 500 คน เร่งบรรจุกระสอบทรายตลอดคืนขณะที่ พนักงานสอบสวน สภ.ไพรบึง ได้รับแจ้งว่า พบศพ นายสี เครือวัลย์ อายุ 31 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ หลังออกไปหาปลาและจมน้ำหายไปในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่ง นายสี นับเป็นรายที่ 3 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วม จ.ศรีสะเกษ ในครั้งนี้
ผิดที่ผู้ว่าฯกทม.ไม่ใช่เหรอครับ
อะไรๆ ผู้ว่าฯกทม. ก็ผิดหมด
- Bookmarks likes this
#19
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:05
#20
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:12
ผู้ว่า กทม ผิด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 555+
#21
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:34
นังเม้ยออกมารับผิดชอบเร็ว ตายไปแล้ว 3
น้ำท่วมศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 (ไอเอ็นเอ็น)
พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 จากเหตุน้ำท่วมศรีสะเกษ ขณะที่ ผู้ว่าฯ ระดมนักเรียน นักศึกษา 500 คน เร่งบรรจุกระสอบทรายตลอดคืน
ขณะที่ พนักงานสอบสวน สภ.ไพรบึง ได้รับแจ้งว่า พบศพ นายสี เครือวัลย์ อายุ 31 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ หลังออกไปหาปลาและจมน้ำหายไปในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่ง นายสี นับเป็นรายที่ 3 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วม จ.ศรีสะเกษ ในครั้งนี้
ศพที่สาม นายสี ทำตามนโยบาย
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาศ น้ำท่วมหันมาทำประมง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
#22
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:45
ปีนี้ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพฯอีกมันคงโทษศาล-ผู้ว่า เพราะปีที่แล้วโทษปชปปล่อยน้ำไปละ แต่รัฐ--สงติงทำอะไรก็ไม่เคยผิดของเสื้อแดงลอยตัวเสมอ (ตอนนี้น้ำได้เคลื่อนพลเข้าประชิดกทมเรียบร้อยแล้วจ้าถึง-จังหวัดปราจีนกำลังน้ำท่วมแล้วจ้า)
Edited by มอบฉันทะ, 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:46.
- Huligan likes this
#25
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:50
เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีฝนตกแทบทุกวันปีไม่มากก็น้อย ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาต้องเดือดร้อนบ้างล่ะ
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#26
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:33
แบบนี้ต้องโทษ ปชป ที่ไม่ยอมระบายน้ำออกจากเขื่อน แบบนี้ ต้องวัดปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล และสิริิกิตต์ มีเท่าไหร่แล้วครับ เอามาตอกหน้าพวกควายแดงที่เอาแต่โทษ ปชป
#27
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:12
ผมละกลัวควายใช้มุขเป็นเพราะ ปชป กักน้ำจัง ถ้ามีใครพูดถึงเงิบเลย
#28
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:20
ขอขอบคุณชาวสุรินทร์ที่มารับน้ำแทนคนกทม
Edited by Wuddy, 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:20.
#29
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:23
แล้วอีเม้ยจะหาข้ออ้างอะไรล่ะ ปีที่แล้วบอกว่า น้ำในเขื่อนมันเยอะมาตั้งแต่ก่อนมันเข้าทำงาน เลยทำให้น้ำท่วม มาปีนี้จะบอกว่าอะไร ดูแนวโน้มแล้วจะโทษศาลแน่ๆ
- อาวุโสโอเค and kokkai like this
#30
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:58
รู้ซึ้งเลยว่าผู้นำโง่ๆ กากๆ มันจะได้ผลกระทบอะไรตามมา
สงสารชาวบ้านครับ เดือดร้อนของจริง โคดซวยเลยย
ว่าแต่ กรมอุตุ แจ้งหรือเปล่าว่าสุรินทร์ ปริมาณน้ำฝนเยอะสุดๆ
แล้วจะต้องรับมือยังไง หรือปล่อยเลยตามเลย เหอๆ
- อาวุโสโอเค likes this
#32
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:26
ปากบอกให้เคารพศาล แต่พวกปชป พวกไม่เคารพศาล เสียเอง นิสัยหน้าตัวเมียเหมือนหัวหน้าพรรคมัน ตุํดๆๆๆ
โดยศาลฯได้ตั้งประเด็นวินิจฉัยรวม 3 ประเด็น 1. ศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องที่ 1 เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบแหล่งกำเนินมลพิษ และส่งเสริมสิทธิหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพย์ยากรธรรมชาติให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์ยั่งยืนและเกิดความมั่นคงทางนิเวศ และได้จดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชน ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 จึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเดือนร้องเสียหายจากการกระทำ หรือการงดเว้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องทั้ง4 ส่วนผู้ฟ้องที่ 2 -45 ก็ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเดือนร้อนเสียหาย ที่มีสิทธิฟ้องคดีเช่นกัน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2550 มาตรา57 ซึ่งบัญญัติรับรองสิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียนของประชาชน ซึ่งในคดีนี้ผู้ฟ้องดังกล่าว ก็ได้โต้แย้งไว้ในเรื่องสิทธิข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นคดีไว้
ส่วนประเด็นที่ 2 การจัดทำแผนแม่บทฯ ของกยน.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหน้าไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในแผนแม่บทฯ ได้ระบุรายละเอียดของแผนที่จะดำเนินการ เช่น ในหัวข้อ 3.4.6 แผนงานให้กำหนดพื้นที่รับน้ำรองติดกัน และมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่เพื่อการรับน้ำ ซึ่งมีการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองในเขตเจ้าพระยาตอนบนและตอนล่าง ตั้งแต่เขื่อนหลักในพื้นที่ภาคเหนือตลอดจนสองฝั่งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อส่วนได้ส่วนเสียสำคัญของประชาชนในวงกว้างหลายพื้นที่ ประกอบกับมีการใช้อำนาจทางปกครองเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ที่มีลักษณะจะเป็นการเปลี่ยนแปลงผังเมืองและกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งมีลักษณะเป็นการวางผังเมืองและกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา57 วรรค2 แต่ในคดีนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกฯและกยน. ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ได้ดำเนินการหรือมีแผนที่จะจัดให้มีการบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง ก่อนการจัดทำแผนแม่บทฯ แต่อย่างใด จึงเห็นว่าผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญฯกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ให้ต้องปฏิบัติในการที่จะดำเนินการต่างๆตามแผนแม่บทฯหรือไม่ เห็นว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดที่จะดำเนินการตามข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) ตามโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยแล้ว เห็นได้ว่า ถ้าดำเนินการตามโครงการดังกล่าวจริงจะต้องมีการใช้พื้นที่ที่เป็นป่าไม้และที่ดินซึ่งประชาชนอยู่อาศัยรวมทั้งใช้ประกอบอาชีพ ดังนั้นทำให้เป็นโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่จะต้องมีการศึกษาประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน รวมทั้งให้องค์กรอิสระที่ประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว
โดยแม้ว่าทีโออาร์ดังกล่าวจะกำหนดให้เอกชนผู้รับจ้างทำหน้าที่ศึกษาด้านต่างๆและจัดให้มีรับฟังความเห็นของประชาชน แต่ผลอาจเบี่ยงเบนหรืออาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะเอกชนผู้รับจ้างดังกล่าวเป็นผู้ได้ทำสัญญารับจ้างออกแบบและก่อสร้างกับรัฐไปแล้ว ซึ่งจะเป็นปกติวิสัยในทางธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งหลายที่จะคำนึงผลกำไรสูงสุดเป็นสำคัญ จึงอาจพยายามให้ผลการศึกษาดังกล่าวออกมาในลักษณะที่ให้มีการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เป็นที่ไม่มั่นใจในความถูกต้องและความน่าเชื่อถืออีกทั้ง ยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมของกฎหมายที่กำหนดให้มีการศึกษาประเมินผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนและกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 67 วรรค 2 อีกด้วย
การที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 กำหนด ข้อกำหนดทีโออาร์ให้เอกชนคู่สัญญาเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ทั้งที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ จึงถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง4 ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 67 วรรค 2 แม้ว่าขณะยื่นฟ้องจนถึงระหว่างที่ศาลมีคำพิพากษา จะยังอยู่ในขั้นตอนของการคัดเลือกเอกชนผู้ที่จะมาเป็นคู่สัญญาและยังไม่มีการออกแบบ รวมทั้งการก่อสร้างจริง ที่จะทำให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ต้องจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความเห็นของประชาชนเสียก่อน แต่เมื่อมีข้อกำหนดทีโออาร์ไว้ชัดแจ้งว่าให้เอกชนคู่สัญญาเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ จึงเป็นที่เล็งเห็นได้ว่า เมื่อมีการทำสัญญาขึ้นแล้วย่อมเกิดการกระทำที่ถือว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ละเลยต่อหน้าที่อย่างแน่แท้ โดยที่โครงการดังกล่าวถือได้ว่ามีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ประกอบกับรัฐบาลเห็นว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีการกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการไว้แล้ว หากปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยไปย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งประชาชนทั่วไป จึงเป็นกรณีที่ศาลจะมีคำบังคับอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ปฏิบัติตามกฎหมาย
จึงพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 และ 67 วรรค 2 ด้วยการนำแผนแม่บทฯไปดำเนินการจัดให้มีการบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงตามสิทธิในการรับข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียน และดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้มีการศึกษาและจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามสิทธิชุมชนก่อนที่จะดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้างในแต่ละแผนงาน (โมดูล)
อย่างไรก็ตามมีตุลาการเสียงข้างน้อย 2 เสียงมีความเห็นแย้งคือ นายตรีทศ เจ้าของสำนวน และนายวินัย รุ่งรักสกุล ที่เห็นแย้งเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย ในเรื่องสิทธิฟ้องคดีของผู้ฟ้องที่ 2-45 ว่าไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้อง และประเด็นเรื่องข้อกฎหมายที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 แต่ตุลาการเสียงข้างน้อยทั้งสอง ยังคงเห็นด้วยกับเสียงใหญ่ ที่ควรมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 จะต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยหน่วยงานหรือผู้ที่มีความเป็นกลางก่อนจะมีการจ้างออกแบบและก่อสร้างแต่ละแผนงาน
ทั้งนี้ในการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ ฝ่ายผู้ฟ้องคดีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมฯเดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ส่วนฝ่ายผู้ถูกฟ้อง ไม่ได้เดินทางมา คงมีเพียง อัยการผู้แทนในการต่อสู้คดี เดินทางมาฟังคำพิพากษา และนายวิทยา ผลประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) พร้อมคณะรวมทั้งตัวแทนภาคประชาชน เข้าร่วมสังเกตการณ์
ด้านนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดหวังและพอใจในคำพิพากษาทั้งหมด โดยประเด็นใหญ่คือให้รัฐ ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง ในการรับฟังความคิดเห็นประชาชนและรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะเริ่มเซ็นสัญญากับบริษัทผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งการดำเนินการคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี ซึ่งวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) สมาคมจะนำคำพิพากษาไปยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตรวจสอบ นายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะผู้บริหารโครงการว่ากระทำการ เข้าข่ายละเลยต่อหน้าที่หรือไม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 275 หรือไม่ ส่วน หากรัฐบาลยื่นอุทรคำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด ทางสมาคมฯก็ยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลในวันนี้
ขณะที่นายวิทยา ผลประไพ ผอ. สำนักเลขาธิการ สบอช กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินการต่อจากนี้อยู่ที่คณะผู้บริหาร ซึ่งจะได้เสนอแนวทางให้รัฐดำเนินการตามคำพิพากษาศาล โดยประเด็นเร่งด่วนคือเรื่องการรับฟังความเห็นประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภาครัฐจะเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบศึกษา มีตัวแทนภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์ ศึกษาผลกระทบ
ส่วนนายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล กล่าวว่า คำพิพากษาที่ออกมาเป็นไปตามที่คาด ซึ่งไม่ได้ทำให้รัฐจะต้องชะลอ หรือยุติโครงการ โดยโครงการไหนที่ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็เดินหน้าไป ส่วนโครงการไหนที่ต้องทำรัฐก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่เอกชน และกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนไม่ต้องรับผิดชอบหรือเสียค่าปรับ หากดำเนินการในแต่ละแผนงานไม่เสร็จตามเวลา ที่ร่างสัญญากำหนดไว้ เนื่องจากจะไม่มีการเซ็นสัญญาก่อนตามแผนงานเดิม สุดท้ายการดำเนินโครงการลักษณะนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นผลดีกับประชาชน เพราะจะนำไปสู่การแยกสัญญาตามที่กบอ.เสนอ และคณะกรรมการป.ป.ช.ก็เห็นด้วย และเราก็จะได้ร่างที่หัวไปทาง หางไปอีกทาง จนอาจไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือโครงการแผนบริหารจัดการน้ำ
นายปรเมศวร์ มินศิริ แกนนำกลุ่มไทยฟลัด พิมพ์ข้อความในทวิตเตอร์ @iwhale ระบุว่า ชัยชนะยกที่ 1 ของประชาชนได้มาแล้ว ยกต่อไปต้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้ขั้นตอนการจัดจ้างแบบไม่มีราคากลาง มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทุจริต ทั้งนี้ รัฐบาลทำเสียเวลาไปหนึ่งปีครึ่ง แทนที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการน้ำ กลับกีดกันมาตลอด จะเอาแต่เอกชน จนมาถึงวันนี้ต้องโทษรัฐบาล ศาลสั่งให้ไปทำอีไอเอ รับฟังประชาชนใช้เวลาหนึ่งปีขึ้นไป อย่าเพิ่งรีบไปกู้เงิน เสียดายดอกเบี้ย รวมทั้งบริษัทที่ปรึกษา 8 พันล้านอย่ารีบจ้าง
Edited by Tawee gibb, 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:27.
#34
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:48
ปากบอกให้เคารพศาล แต่พวกปชป พวกไม่เคารพศาล เสียเอง นิสัยหน้าตัวเมียเหมือนหัวหน้าพรรคมัน ตุํดๆๆๆ
ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ฟ้องรัฐบาลให้เพิกถอนแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยให้รัฐบาลปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียก่อนที่จะดำเนินการจ้างออกแบบ แต่ละแผนงาน ในแต่ละโมดูลวันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง เมื่อเวลา 14.30 น.ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่สมาคมต่อต้านศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับชาวบ้านรวม 45 รายยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 เพื่อขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่ง เพิกถอนแผนการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3 .5 หมื่นล้านบาทและสั่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้งหมดร่วมกันจัดให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 และสั่งให้ผู้ถูกฟ้อง ปฏิบัติหรือดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 67 มาตรา 85 และมาตรา 87 และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 60 มาตรา 63 พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ มาตรา 5ประกอบมาตรา 11 ให้ครบถ้วนก่อนการดำเนินโครงการ
โดยศาลฯได้ตั้งประเด็นวินิจฉัยรวม 3 ประเด็น 1. ศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องที่ 1 เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบแหล่งกำเนินมลพิษ และส่งเสริมสิทธิหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพย์ยากรธรรมชาติให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์ยั่งยืนและเกิดความมั่นคงทางนิเวศ และได้จดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชน ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 จึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเดือนร้องเสียหายจากการกระทำ หรือการงดเว้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องทั้ง4 ส่วนผู้ฟ้องที่ 2 -45 ก็ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเดือนร้อนเสียหาย ที่มีสิทธิฟ้องคดีเช่นกัน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2550 มาตรา57 ซึ่งบัญญัติรับรองสิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียนของประชาชน ซึ่งในคดีนี้ผู้ฟ้องดังกล่าว ก็ได้โต้แย้งไว้ในเรื่องสิทธิข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นคดีไว้
ส่วนประเด็นที่ 2 การจัดทำแผนแม่บทฯ ของกยน.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหน้าไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในแผนแม่บทฯ ได้ระบุรายละเอียดของแผนที่จะดำเนินการ เช่น ในหัวข้อ 3.4.6 แผนงานให้กำหนดพื้นที่รับน้ำรองติดกัน และมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่เพื่อการรับน้ำ ซึ่งมีการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองในเขตเจ้าพระยาตอนบนและตอนล่าง ตั้งแต่เขื่อนหลักในพื้นที่ภาคเหนือตลอดจนสองฝั่งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อส่วนได้ส่วนเสียสำคัญของประชาชนในวงกว้างหลายพื้นที่ ประกอบกับมีการใช้อำนาจทางปกครองเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ที่มีลักษณะจะเป็นการเปลี่ยนแปลงผังเมืองและกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งมีลักษณะเป็นการวางผังเมืองและกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา57 วรรค2 แต่ในคดีนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกฯและกยน. ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ได้ดำเนินการหรือมีแผนที่จะจัดให้มีการบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง ก่อนการจัดทำแผนแม่บทฯ แต่อย่างใด จึงเห็นว่าผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญฯกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ให้ต้องปฏิบัติในการที่จะดำเนินการต่างๆตามแผนแม่บทฯหรือไม่ เห็นว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดที่จะดำเนินการตามข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) ตามโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยแล้ว เห็นได้ว่า ถ้าดำเนินการตามโครงการดังกล่าวจริงจะต้องมีการใช้พื้นที่ที่เป็นป่าไม้และที่ดินซึ่งประชาชนอยู่อาศัยรวมทั้งใช้ประกอบอาชีพ ดังนั้นทำให้เป็นโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่จะต้องมีการศึกษาประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน รวมทั้งให้องค์กรอิสระที่ประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว
โดยแม้ว่าทีโออาร์ดังกล่าวจะกำหนดให้เอกชนผู้รับจ้างทำหน้าที่ศึกษาด้านต่างๆและจัดให้มีรับฟังความเห็นของประชาชน แต่ผลอาจเบี่ยงเบนหรืออาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะเอกชนผู้รับจ้างดังกล่าวเป็นผู้ได้ทำสัญญารับจ้างออกแบบและก่อสร้างกับรัฐไปแล้ว ซึ่งจะเป็นปกติวิสัยในทางธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งหลายที่จะคำนึงผลกำไรสูงสุดเป็นสำคัญ จึงอาจพยายามให้ผลการศึกษาดังกล่าวออกมาในลักษณะที่ให้มีการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เป็นที่ไม่มั่นใจในความถูกต้องและความน่าเชื่อถืออีกทั้ง ยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมของกฎหมายที่กำหนดให้มีการศึกษาประเมินผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนและกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 67 วรรค 2 อีกด้วย
การที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 กำหนด ข้อกำหนดทีโออาร์ให้เอกชนคู่สัญญาเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ทั้งที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ จึงถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง4 ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 67 วรรค 2 แม้ว่าขณะยื่นฟ้องจนถึงระหว่างที่ศาลมีคำพิพากษา จะยังอยู่ในขั้นตอนของการคัดเลือกเอกชนผู้ที่จะมาเป็นคู่สัญญาและยังไม่มีการออกแบบ รวมทั้งการก่อสร้างจริง ที่จะทำให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ต้องจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความเห็นของประชาชนเสียก่อน แต่เมื่อมีข้อกำหนดทีโออาร์ไว้ชัดแจ้งว่าให้เอกชนคู่สัญญาเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ จึงเป็นที่เล็งเห็นได้ว่า เมื่อมีการทำสัญญาขึ้นแล้วย่อมเกิดการกระทำที่ถือว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ละเลยต่อหน้าที่อย่างแน่แท้ โดยที่โครงการดังกล่าวถือได้ว่ามีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ประกอบกับรัฐบาลเห็นว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีการกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการไว้แล้ว หากปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยไปย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งประชาชนทั่วไป จึงเป็นกรณีที่ศาลจะมีคำบังคับอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ปฏิบัติตามกฎหมาย
จึงพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 และ 67 วรรค 2 ด้วยการนำแผนแม่บทฯไปดำเนินการจัดให้มีการบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงตามสิทธิในการรับข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียน และดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้มีการศึกษาและจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามสิทธิชุมชนก่อนที่จะดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้างในแต่ละแผนงาน (โมดูล)
อย่างไรก็ตามมีตุลาการเสียงข้างน้อย 2 เสียงมีความเห็นแย้งคือ นายตรีทศ เจ้าของสำนวน และนายวินัย รุ่งรักสกุล ที่เห็นแย้งเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย ในเรื่องสิทธิฟ้องคดีของผู้ฟ้องที่ 2-45 ว่าไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้อง และประเด็นเรื่องข้อกฎหมายที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 แต่ตุลาการเสียงข้างน้อยทั้งสอง ยังคงเห็นด้วยกับเสียงใหญ่ ที่ควรมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 จะต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยหน่วยงานหรือผู้ที่มีความเป็นกลางก่อนจะมีการจ้างออกแบบและก่อสร้างแต่ละแผนงาน
ทั้งนี้ในการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ ฝ่ายผู้ฟ้องคดีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมฯเดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ส่วนฝ่ายผู้ถูกฟ้อง ไม่ได้เดินทางมา คงมีเพียง อัยการผู้แทนในการต่อสู้คดี เดินทางมาฟังคำพิพากษา และนายวิทยา ผลประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) พร้อมคณะรวมทั้งตัวแทนภาคประชาชน เข้าร่วมสังเกตการณ์
ด้านนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดหวังและพอใจในคำพิพากษาทั้งหมด โดยประเด็นใหญ่คือให้รัฐ ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง ในการรับฟังความคิดเห็นประชาชนและรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะเริ่มเซ็นสัญญากับบริษัทผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งการดำเนินการคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี ซึ่งวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) สมาคมจะนำคำพิพากษาไปยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตรวจสอบ นายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะผู้บริหารโครงการว่ากระทำการ เข้าข่ายละเลยต่อหน้าที่หรือไม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 275 หรือไม่ ส่วน หากรัฐบาลยื่นอุทรคำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด ทางสมาคมฯก็ยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลในวันนี้
ขณะที่นายวิทยา ผลประไพ ผอ. สำนักเลขาธิการ สบอช กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินการต่อจากนี้อยู่ที่คณะผู้บริหาร ซึ่งจะได้เสนอแนวทางให้รัฐดำเนินการตามคำพิพากษาศาล โดยประเด็นเร่งด่วนคือเรื่องการรับฟังความเห็นประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภาครัฐจะเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบศึกษา มีตัวแทนภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์ ศึกษาผลกระทบ
ส่วนนายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล กล่าวว่า คำพิพากษาที่ออกมาเป็นไปตามที่คาด ซึ่งไม่ได้ทำให้รัฐจะต้องชะลอ หรือยุติโครงการ โดยโครงการไหนที่ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็เดินหน้าไป ส่วนโครงการไหนที่ต้องทำรัฐก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่เอกชน และกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนไม่ต้องรับผิดชอบหรือเสียค่าปรับ หากดำเนินการในแต่ละแผนงานไม่เสร็จตามเวลา ที่ร่างสัญญากำหนดไว้ เนื่องจากจะไม่มีการเซ็นสัญญาก่อนตามแผนงานเดิม สุดท้ายการดำเนินโครงการลักษณะนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นผลดีกับประชาชน เพราะจะนำไปสู่การแยกสัญญาตามที่กบอ.เสนอ และคณะกรรมการป.ป.ช.ก็เห็นด้วย และเราก็จะได้ร่างที่หัวไปทาง หางไปอีกทาง จนอาจไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือโครงการแผนบริหารจัดการน้ำ
นายปรเมศวร์ มินศิริ แกนนำกลุ่มไทยฟลัด พิมพ์ข้อความในทวิตเตอร์ @iwhale ระบุว่า ชัยชนะยกที่ 1 ของประชาชนได้มาแล้ว ยกต่อไปต้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้ขั้นตอนการจัดจ้างแบบไม่มีราคากลาง มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทุจริต ทั้งนี้ รัฐบาลทำเสียเวลาไปหนึ่งปีครึ่ง แทนที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการน้ำ กลับกีดกันมาตลอด จะเอาแต่เอกชน จนมาถึงวันนี้ต้องโทษรัฐบาล ศาลสั่งให้ไปทำอีไอเอ รับฟังประชาชนใช้เวลาหนึ่งปีขึ้นไป อย่าเพิ่งรีบไปกู้เงิน เสียดายดอกเบี้ย รวมทั้งบริษัทที่ปรึกษา 8 พันล้านอย่ารีบจ้าง
ใครไม่เคารพศาลหรอครับ...
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#35
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:35
จ่าประสาท ไปเกาหิตอยู่ไหนหวา
รัฐประหาร ปกป้องชีวิตไทย พอกันที ประชาธิปไตย ด้วย M79
#37
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:42
http://61.19.244.31/...AT5609220010009
Edited by Paradon, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:43.
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#38
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:47
Edited by Paradon, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 01:37.
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#39
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:56
เห็นมะ ไม่ให้กู้สามแสนล้าน ท่วมเลย
แต่
ขุดลอกคลอง เพื่อน เดร็กกันระดับ สามสี่สิบเปอร์เซ็นต์เนี่ยนะ
ทำเหมือนเด็กขายของ
กี่ปีก็ท่วมอ่ะนะ แถม เป็นแนวจังหวัดสีแดงด้วย หุ หุ
#40
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:15
เหนือจะโดนยำทีนอีกรอบ ซวยอย่างแรงครับ อาจจะโดนปลายๆ เพราะกำลังลมมันพัดขึ้นเหนือ
เตรียมตัวรับมือให้ดีนะครับ ฮ่องกง นี้โดนเต็มๆ เที่ยวบินยกเลิกหมด
Edited by gears, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:16.
#41
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:56
สถานะการณ์นํ้าท่วม
22 กันยายน 2556
- 17.50 ต.ไร่ใต้ อ.พิบูลฯ จ.อุบลฯ น้ำท่วมทั้งตำบล ต้องการเรือท้องแบน
- 15:00 สรุปยอดตาย 3 ราย น้ำท่วม จ.สุรินทร์
- 14:00 จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดระดับน้ำได้ล้นตลิ่ง ท่วมชุมชนใน 4 ลุ่มแม่น้ำ ได้แก่แม่น้ำเจ้าพระยา ท่วมสูงสุด 150 เซนติเมตร เพิ่มขึ้นวันละ 30 เซนติเมตร , แม่น้ำน้อย ท่วมสูงสุด 170 เซนติเมตร เพิ่มขึ้นวันละ 20 เซนติเมตร , แม่น้ำป่าสัก ท่วมสูงสุด 50 เซนติเมตร เพิ่มขึ้นวันละ 20 เซนติเมตร และแม่น้ำลพบุรี ท่วมสูงสุด 50 เซนติเมตร เพิ่มขึ้นวันละ 20 เซนติเมตร มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางไทร อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ และอำเภอนครหลวง รวมพื้นที่ 80 ตำบล 405 หมู่บ้าน บ้านเรือนริมน้ำถูกน้ำท่วม 12,000 หลังคาเรือน วัด 7 แห่ง
- 11:03 ระดับน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 14 เมตร เขื่อนยังเร่งอัตราการปล่อยน้ำ
Edited by Paradon, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:58.
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#42
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:04
บ้านนา นครนายก แถวๆทองหลางต่อเนื่องไปถึงองครักษ์ มาแล้วจ้า เมื่อวานเก็บของหนีกันชุลมุนจ่ะ
ทีแรกวันนี้ว่าจะลางาน แต่พ่อตาไล่กลับ เมื่อเช้าโทรไปถาม เห็นว่ากะลังขนเครื่องซักผ้าหนีน้ำกันอยู่
เมื่อวานคุยกันว่า ไม่น่ามาเท่าตอนปี54 แต่ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจกันแล้วครับ
#43
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:25
น้ำท่วมปี๕๔ จำเป็น เพราะต้องสร้างเหตุขอกู้๓.๕ แสนล้าน
น้ำท่วมปี๕๖ ยิ่งจำเป็นกว่าปี๕๔
เพราะเงินกู้๓.๕ แสนล้านถูกบล็อค
#44
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:29
สนามอำมาตย์ปีนี้จะรอดมั้ยแว้ เคยเห็นรูปตอนโดนน้ำท่วม โดนซะอ่วม
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
#45
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:35
บ้านนา นครนายก แถวๆทองหลางต่อเนื่องไปถึงองครักษ์ มาแล้วจ้า เมื่อวานเก็บของหนีกันชุลมุนจ่ะ
ทีแรกวันนี้ว่าจะลางาน แต่พ่อตาไล่กลับ เมื่อเช้าโทรไปถาม เห็นว่ากะลังขนเครื่องซักผ้าหนีน้ำกันอยู่
เมื่อวานคุยกันว่า ไม่น่ามาเท่าตอนปี54 แต่ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจกันแล้วครับ
ตอนนี้เรารับนํ้าจากฝนใต้เขื่อนเป็นส่วนใหญ่ เพราะหน้าเขื่อนฝนยังตกไม่ชุก
ในระยะ อีก 1 เดือนที่เหลือ ถ้าฝนเหนือไม่ซํ้าน่าจะน้อยกว่าคือเดือดร้อนบ้างคงไม่เท่าปี 54
แต่บังเอิญ 1 เดือนข้างหน้าที่น่ากลัวคือฝนตกหน้าเขื่อน ถ้าฝนไปกระหนํ่าหน้าเขื่อนตอนเหนือแบบหนักๆ
คราวนี้คงถึงคราวต้องปล่อยนํ้ามาสมทบนํ้าที่ภาคกลางใต้เขื่อน อาจจะมีเรื่องสนุกให้คลายเหงา
Edited by Paradon, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:41.
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#46
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:56
Edited by Paradon, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:58.
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#47
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:29
#48
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:48
เห็นด้วยครับ ถ้าคลองรังสิตยังระบายนํ้าช้าอยู่แบบนี้นํ้ามันจะดันเอ่อไปทั่ว
รอดู “อุซางิ” (USAGI) มันจะยืดเยื้อหรือเปล่า
กรมอุตุบอกว่า
25-28 ก.ย. ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ที่เหลือ อีก 1 เดือนก็ลุ้นไปเรื่อยๆ
เห็นใจคนทำนาครับ บางคนข้าวกำลังตั้งท้อง บางแปลงก็ออกรวงอ่อนแล้ว
ถ้านํ้าท่วมแช่ข้าวนานแย่เลย ปีนี้ กลางปีเจอแรงปลายปีนํ้าท่วม โดนทั้งชาวไร่ชาวนา
กว่าจะได้เงินพ่อค้าลำบากครับ เอาใจช่วย
Edited by Paradon, 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:50.
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
#49
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 12:08
เป็นไงล่ะ ลาทีน้ำท่วมของอีปลวก กู้เงินมากี่หมื่นล้านปีที่แล้วๆเมริงป้องกันได้มั้ย ชาวนิคมอุตสาหกรรม ระวังเอาไว้ เตรียมช่วยตัวเอง อย่าหวังพึ่งอีโง่
#50
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:19
ใครมีภาพน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆข่วยมาลงให้ดูกัยบ้างว่ามันท่วมน้อยท่วมมาหรือแค่น้ำแฉะๆ
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน