http://www.manager.c...D=9560000120232
เอเจนซี - สื่อนอกรายงานโครงการ"รถคันแรก"ของไทย ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย กำลังออกผลตรงข้าม ด้วยมีผู้บริโภคหนี้ท่วมมากกว่า 100,000 คนผิดนัดชำระและยอดจำหน่ายหลังสิ้นสุดโปรแกรมตกต่ำ ส่งผลให้เหล่าผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ของโลกที่ครอบงำตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ต้องตะเกียกตะกายปกป้องผลประกอบการของตนเอง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ามาตรการคืนภาษี ซึ่งทางธนาคารโลกประมาณการณ์ว่าไทยต้องสูญเสียงบประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(78,000ล้านบาท) มีเจตนาฟื้นฟูอุตสาหกรรมรถยนต์ในศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ใหญ่ของสุดของภูมิภาคตามหลังอุทกภัยใหญ่เมื่อปี 2011 อย่างไรก็ตามโครงการนี้ซึ่งคล้ายกับโครงการ "นำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่" ของสหรัฐฯปี 2009 กลับสร้างความบูดเบี้ยวแก่ตลาด และอุปสงค์ที่ครั้งหนึ่งเคยเฟื่องฟูสุดขีดก็ล่มสลายหลังจากมาตรการนี้หมดอายุลงในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
รอยเตอร์อ้างผลวิจัยของไอเอชเอส โกลบอล ออโตโมทีฟ ผู้วิจัยข้อมูลเพื่อองค์กรธุรกิจ พบว่าในจำนวนผู้เข้าใช้สิทธิ์ขอคืนภาษีโครงการรถคันแรก 1.2 ล้านคน มีถึงร้อยละ 10 แล้วที่ขอสละสิทธิ์หรือไม่ก็สามารถผ่อนต่อไปได้ ขณะเดียวกันเหล่าผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดท้องถิ่นถึงร้อยละ 80 ก็บอกว่ามียอดขายเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2013 ลดลงถึงร้อยละ 30
ครั้งที่ผู้ซื้อขาดส่งงวด รถเหล่านั้นก็ถูกยึดโดยบริษัทไฟแนนซ์ ก่่่อนนำไปขายต่อในฐานะรถใช้แล้ว และสื่อมวลชนดังแห่งนี้รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าของเตนท์รถมือ 2 แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯบอกว่ามาตรการของรัฐบาลส่งผลให้ราคารถใช้แล้วตกต่ำอย่างมาก "ราคารถของเราดำดิ่ง เฉลี่ยแล้วปีในปีนี้ราคาลดลงราวร้อยละ20" ผู้จัดการทั่วไปของศูนย์ เซ็นเตอร์ ยูส คาร์ ในกรุงเทพฯระบุ "เจ้าของกิจการขนาดเล็กต้องตะเกียกตะกายเพื่อความอยู่รอด บ้างก็ปิดไปแล้วก็มี ตอนนี้ผู้คนรู้แล้วว่าพวกเขาจ่ายค่างวดไม่ไหว รถใช้แล้วของพวกเขาก็ไหลเข้าสู่ตลาด ส่งผลให้ราคาลดต่ำลงเรื่อยๆ"
ตลาดรถยนต์มือสองในสภาพเกือบใหม่นี้ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังเหล่าผู้ผลิตรถยนต์ที่จำเป็นต้องอัดโปรโมชันหรือส่วนลดต่างๆเพื่อระบายรถยนต์ในสต็อกที่มีอยู่ให้เร็วที่สุด โดยรอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของนายโนบูยูกิ มูราฮาชิ ประธานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประจำประเทศไทย บอกว่าระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ยอดขายลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24 เหลือราวๆ 20,800 คัน และคาดว่าจะตกต่อเนื่องไปอีก จนมิตซูบิชิต้องเริ่มโครงการส่งเสริมการขายทั่วประเทศ ทั้งจับรางวัลและผ่อนรถปลอดดอกเบี้ย 48 เดือน
ด้านโลรองต์ แบรเตต์ ) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรประจำประเทศไทยของเจเนอรัลด์ มอเตอร์ส คอร์ป ผู้ผลิตเชฟโรเลต ระบุว่าตลาดต้องดิ้นรนอย่างหนักในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา "แน่นอนว่า มันแสดงนัยว่าทุกคนต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง" เขากล่าว "มันบีบให้เราต้องทำงานใกล้ชิดกับดีลเลอร์เพื่อนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคของเรา"
สื่อมวลชนดังของโลกรายงานต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยซึ่งบ่อยครั้งถูกขนานนามว่า "ดีทรอยต์ออฟเอเชีย" นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สุดอันดับ 3 ของประเทศและคิดเป็นราวร้อยละ 12 ของจีดีพี
จากข้อมูลขององค์กรผู้ผลิตยานยนต์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีฐานบัญชาการในปารีส ระบุว่าการผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2012 เพิ่มขึ้นจากหนึ่งปีก่อนหน้านั้นถึงร้อยละ 70 เป็น 2.43 ล้านคน หลังจากปี 2011 ต้องประสบอุทกภัยใหญ่ ขณะที่ในปีนี้คาดหมายเบื้องต้นว่ายอดน่าจะทะลุ 2.5 ล้านคน แต่ด้วยอุปสงค์ภายในที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ ส่งผลให้เหล่าผู้ผลิตต้องหันส่งออกไปยังตลาดยุโรป ญี่ปุ่นหรือชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆเพิ่มขึ้น
นิติพล ชำนาญศิลป์ กราฟิคดีไซน์ วัย 28 ปี ซึ่งเข้าร่วมโครงการรถคันแรก ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า "ผมรู้ดีว่ารถยนต์รุ่นไหนที่ผมต้องการและยอดชำระ ทว่านับตั้งแต่นั้นค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยที่ผมต้องจ่ายค่าเช่าห้องรายเดือนอยู่ก่อนแล้ว การต้องชำระเงินงวดรถอีก ก็กลายเป็นการฆ่าตัวตายทางการเงิน"
รอยเตอร์ระบุว่ายอดหนี้ครัวเรือนของไทยเวลานี้มีค่าเทียบเท่ากับเกือบร้อยละ 80 ของจีดีพี เป็นหนึ่งในชาติที่มีตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงสุดในเอเชีย ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยเองก็แสดงความกังวลถึงผลกระทบจากความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้ในเงินกู้ยืมเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอันเป็นปรปักษ์กับราคารถมือสองและรวมไปถึงผู้ปล่อยกู้ด้วย
เหล่านักวิจารณ์เปรียบเทียบโครงการนี้กับนโยบายประชานิยมอื่นๆของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในนั้นรวมถึงโครงการรับจำนำข้าวช่วยเหลือชาวนา ซึ่งสูญเสียงบประมาณไปแล้วอย่างน้อย 4,460 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว140,000 ล้านบาท) นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 2011 "โครงการรถคันแรกไม่ได้แค่บิดเบือนตลาดรถยนต์ แต่มันยังใช้งบประมาณของประเทศมาชดเชยการสูญเสียภาษีสรรพสามิต" นายเจษฎา ทองภัก นักวิเคราะห์อาวุโสของไอเอชเอส ออโตโมทีฟ ประเทศไทยกล่าว