น่าจะเป็นครูนะครับ
พอดีเจอเขาที่เฟสของโอ๊คอ๊าค เลยลองคุยกับเขาดู
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:12
ถ้ารวยแล้วรู้จักพอ รู้จักหักห้ามใจ-ล่อแหลมเว้ย...ไม่เอาดีกว่า
ปัญหาคงไม่เกิด
"ถ้า"แม้วเป็นคนดี
"ถ้า"แม้วรักชาติ-รักสถาบัน
ชาติไทยอาจจะดีกว่านี้ และคนๆนี้บุญบารมีอาจจะเทียบเท่าป๋าได้ในไม่กี่ปี -*-
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:15
ผมละ งง คดีแม้ว เป็นคดี ที่ใช้กฎหมาย ปปช
แล้วโยงหา ปรส ได้ไงหว่า
ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
Edited by พอล คุง, 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:22.
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:15
ยังดีที่เดี๋ยวนี้แดงกับเหลืองปรองดองกันแล้ว
ไม่อย่างนั้นเราจะได้เห็นท่าไม้ตายสุดยอดของเค้าล่ะ
พันธมิตรปิดสนามบิน
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:19
ที่น่าเศร้าคือยังมีควายมาช่วยอวยคนปล้นชาติน่ะครับ
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:56
ไอ้ที่ว่าเคยปรึกษากฤษฎีกานี่เคยมีแดงเถียงกับผม ในลากดำนาพอผมบอกว่าช่วยเอาเลยกฤษฎีกามาให้ผมดูหน่อยก็หาไม่ได้แล้วก็มาไล่ผมให้หาเอาเองบอกว่าหากอยากรู้ก็ให้หาเอาเอง ผมเลยบอกว่าก็พวกคุณอ้างแต่ผมไม่่เชื่อคุณก็หามา หากหาไม่ได้หรือไม่มีแสดงว่าพวกคุณโกหกแล้วผมก็เอาเวป กฤษฎีกาไปแปะให้หาก็บอกว่าให้ผมหาเอาเอง ดูแล้วเรื่องนี้แดงก็รู้ว่าน่าจะไม่จริงแต่ไม่กล้าที่จะยอมรับ
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 12:46
ถ้ารวยแล้วรู้จักพอ รู้จักหักห้ามใจ-ล่อแหลมเว้ย...ไม่เอาดีกว่า
ปัญหาคงไม่เกิด
"ถ้า"แม้วเป็นคนดี
"ถ้า"แม้วรักชาติ-รักสถาบัน
ชาติไทยอาจจะดีกว่านี้ และคนๆนี้บุญบารมีอาจจะเทียบเท่าป๋าได้ในไม่กี่ปี -*-
ผมว่า ...ตอนนี้ความเลวเกิน1ป๋าไปแล้ว
ตอนนี้รวบยอดคนเดียว 2ป๋า
ป๋าโหมก
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:35
คุยเรื่องนึงอ้างเรื่องนึงคนพวกนี้มันประสาทดีนะ
นักโทษแม้วติดคุกเลยเพราะมันเป็นนายกไงละ
กลัวจัดอุธรณ์ก็ไม่อยากทำหนีเลยดีกว่าเพราะรุ้ว่ายังไงก็ผิดอยู่ดี
เพราะหลักฐานมันชัดจน
นักโทษแม้วเป็นคนที่ควรจะรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าใครๆ
จะบอกว่าไม่รู้เรื่องแล้วเทียวๆบอกปูแบบนั้นก็ไม่ได้หรอก
ตอนนี้เขาถึงจะต้องจับปูไปไว้ข้างนอกเวลามีเรืองสำคัญๆไง
ฉลาดแต่เรืองโกงๆอะพวกนี้
Edited by น้องจุบุจุบุ, 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:56.
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:27
ยิ่งอ้างคำสัมภาษณ์ว่าไอ้แม้วบอกว่า ปรึกษากฤษฎีกาเรื่องซื้อที่ดินแล้ว แสดงว่ารับรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะไปซื้อที่ดินรัชดา ยิ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่รู้ว่าเมียไปซื้อที่ดินของราชการ ผิดมาตรา 100 เห็นๆ เลย
ตรรกะ วรนุช ของแม้วเค้าเลย
เยี่ยมยอดขนาดนี้ มิน่าถึงมีลูกแต่ละคน
ฉลาด ๆ ทั้งนั้น
แม้วลงนรกเมื่อไหร่
ลูก ๆ แม้วได้โดนย้ำใหญ่ใส่สารพัด แน่ ๆ
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:07
ยิ่งอ้างคำสัมภาษณ์ว่าไอ้แม้วบอกว่า ปรึกษากฤษฎีกาเรื่องซื้อที่ดินแล้ว แสดงว่ารับรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะไปซื้อที่ดินรัชดา ยิ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่รู้ว่าเมียไปซื้อที่ดินของราชการ ผิดมาตรา 100 เห็นๆ เลย
ตรรกะ วรนุช ของแม้วเค้าเลย
เยี่ยมยอดขนาดนี้ มิน่าถึงมีลูกแต่ละคน
ฉลาด ๆ ทั้งนั้น
แม้วลงนรกเมื่อไหร่
ลูก ๆ แม้วได้โดนย้ำใหญ่ใส่สารพัด แน่ ๆ
นั่นคือหนึ่งในหลายสาเหตุ
ที่ต้องดิ้นรน
ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:07
<a href="http://image.ohozaa....765ADw5sbkGVCXM" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/t/689/iz290r.jpg" /></a>
เขาตอบมาแบบนี้ครับ
ตกลงเขาถูกหรือผมผิด เอ๊ะ หรือผมไม่ถูก งง
เถียงกับความจริง เถียงให้ตายก็ไม่มีทางชนะ
ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:07
<a href="http://image.ohozaa....765ADw5sbkGVCXM" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/689/iz290r.jpg" /></a>
เถียงกับความจริง เถียงให้ตายก็ไม่มีทางชนะ
ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 01:27
ตลกตรงที่บอกให้ทำใจเป็นกลางนี่ล่ะ
ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 01:32
ผมอ่านแล้วอย่างฮา
/人^ ‿‿ ^人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:06
ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 03:29
แปะเรื่องเขายายเที่ยงไว้ให้
http://www.manager.c...D=9530000002631
เท่าที่อ่านคร่าวพอเข้าใจง่ายๆว่าที่ไม่ผิดที่บุกรุก เพราะที่ดินไม่ได้เป็นที่บุกรุก แต่ถูกต้องตามกฎหมายตามมติครม.เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๘ (แต่เสื้อแดงหลายตัวก็ยังคงคิดว่าบุกรุกป่าอยู่)
อีกอย่างหนึ่งเวลาเอาคดีต่างๆมาเทียบต้องดูเจตนาด้วย ดูผลจากการกระทำอย่างเดียวไม่ได้
เหมือนคดีทำร้ายร่างกาย แต่เจตนาพยายามฆ่า (มักไม่รอลงอาญา) กับคดีขับรถชนคนตายโดยอุบัติเหตุ (แทบทุกคดีรอลงอาญา)
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:53
เมื่อคืนนอนหลับ ฝันไปว่า
ได้เล่นทายปัญหากับเพื่อนๆ ในเสรีไทย
ผมได้ทายไปข้อนึง แต่ไม่ทันได้คำตอบ
สะดุ้ง ตื่นขึ้นซะก่อน
ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:18
บทบัญญัติในมาตรา 100 และมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริจแห่งชาติ ว่ามีต้นเรื่องมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540
ที่ออกเป็นกฎหมาย ป.ป.ช.ในปี 2542 แต่แรกคิดว่าจะใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน แต่คนไทยยังไม่คุ้นกับคำว่าผลประโยชน์ทับซ้อน คุ้นเคยกับระบบอุปถัมภ์ ไม่เคยแยกผลประโยชน์ส่วนตัวออกจากส่วนรวม ในต่างประเทศแทรกแซงถึงครอบครัว ถึงญาติพี่น้อง แต่ของไทย แค่คู่สมรส ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ ต่องเริ่มที่ระดับสูงก่อน
"ส่วนของตามมาตรา 100 ที่ประกาศเมื่อปี 2544 เรื่องการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคล และส่วนรวมนั้น เดิมออกประกาศกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในมาตรา 100 และในประกาศฉบับหลังนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดเพิ่มอีก 2 ตำแหน่ง คือ ผู้บริหารท้องถิ่น และรองผู้บริหารท้องถิ่น เป็นบทบัญญัติที่อยู่ในหมวด 9 ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและส่วนรวม"
สาระสำคัญของมาตรา 100 มี 4 เรื่องใหญ่ ได้แก่ ห้ามเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญา ที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ห้ามเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท ที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ห้ามรับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น อันมีสถานะเป็นการผูกขาดตัดตอน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว และ ห้ามมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงาน หรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจเอกชนนั้น อาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ของทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น
ออกเป็นกฎหมาย ป.ป.ช.ในปี 2542
ทักษิณ เป็นนายก 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544
ปฏิวัติ 19 กันยายน 2549
ศาลมีคำสั่งรับฟ้องเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
พันตำรวจโท ทักษิณเดินทางมาถึงประเทศไทย แล้ว ทักษิณเดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อรายงานตัวในคดีทุจริตที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
เวลานั้น รัฐบาลคือ พรรคพลังประชาชน
พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ตัดสินใจไม่ไปรายงานตัวต่อศาล 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 แล้วถูกออกหมายจับ
คำต่อคำ ของคดี
http://www.manager.c...D=9510000125314
ที่มา
http://www.komchadlu...ml#.UkfclGw5PDc
http://th.wikipedia..../ทักษิณ_ชินวัตร
ตอบ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:29
มีเรื่องมาปรึกษา
ช่วยแนะนำด้วย ผม รับเหมาก่อสร้าง เช่นสร้างบ้าน สพาน ประปาหมู่บ้าน ผม มีร้านขายวัสดุก่อสร้าง ร้านไม่ใหญ่มากนัก แล้วสามปีก่อนผมสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้รับเลือกชนะ ทำงานด้วย ขายของไปด้วยตามปรกติ ผ่านมาสองปีไม่มีอะไร ชาวบ้านไม่มีปัญหาอะไร แต่ปีก่อน มีเงินเข้ามาหมู่บ้าน1ล้านบาทจากรัฐบาล ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปทำอะไร ผมก็เลยประชุมกรรมการหมู่บ้านทั้งหมด ถามกรรมการทั้งหมดว่า ต้องการเอาเงินก้อนนี้มาทำอะไรกับหมู่บ้าน โดยให้เสนอกันมา จำได้ในขณะนั้นคือ มีคนเสนอ เสียงตามสาย ซ่อมถนน(ถนนลูกรัง16กิโล เป็นทางเข้าหมู่บ้าน) ทำโครงการพลังงานทดแทน(โซล่าเซล) สร้างสพานข้ามลำห้วย สุดท้าย ชาวบ้านส่วนใหญ่ เลือกสร้างสพานข้ามลำห้วย เพราะหน้าฝนจำเป็นอย่างมาก ผมก็เลยให้มีการประมูลยื่นซองราคาสร้าง ก็มีมาสี่ราย 1ในนั้นก็คือเมียหลวงผม ได้ยื่นซองประมูลด้วย ก็มีการคุยกันนอกรอบละครับคือในวงการก่อสร้างนั้น ทุกคนรู้จักผมหมดแหละ ก็อยู่วงการเดียวกัน ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว และทุกคนก็รู้ว่าผมกว้างขวางในอำเภอนี้พอสมควร ผมก็ไปขอทุกที่ก่อนจะยื่นซองแหละครับ ขอกันดีๆนี่แหละ ไม่ได้ข่มขู่อะไรทั้งสิ้น ยอมๆกัน เอาไว้พึ่งพาอาศัยกัน ทุกคนก็เลยยอมยื่นซองประมูลราคาสูงกว่าผม ผมก็เลยได้ครับ ในราคาเก้าแสนเจ็ดหมื่นบาท หลังจากนั้นเดือนกว่าๆ ผมก็ทำงานเลย แต่มีปัญหาซะแล้ว คือคู่แข่งที่เคยลงเลือกตั้งผู้ใหญ่ครั้งก่อน ไปยื่นเรื่องกับ ปปช หาว่าผม ทำผิดกฏหมาย เพราะไปสร้างสพานให้หมู่บ้าน งานที่ผมได้มาคือการชนะการประมูลตามกฏหมาย ผมไม่ได้ประมูลเองด้วยซ้ำ เพราะเมียหลวงผมเป็นคนประมูลได้ ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีชื่อด้วยซ้ำ ประมูลก็ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่มีการไปข่มขู่คุกคามรายอื่นๆ เรื่องยืดยาวมาปีกว่าแล้ว จะทำยังไงกันดี เพราะมีบางคนว่าผมผิด ตกลงผมผิดหรือไม่ผิด งง
เถียงกับความจริง เถียงให้ตายก็ไม่มีทางชนะ
ตอบ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:12
กฤษฎีกาคือใคร
ตอบ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:59
คดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงตามด้านล่าง กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรือเสนอแนะที่หน้าอภิปราย
คดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก เป็นคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ" ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2550 และศาลมีคำสั่งรับฟ้องเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
คดีนี้มีผลสืบเนื่องมาจากการที่คุณหญิงพจมานได้ทำการประมูลซื้อที่ดินริมถนนเทียมร่วมมิตร ย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เนื้อที่ประมาณ 33 ไร่ ด้วยราคา 772 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร่วมลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรส
กรณีที่ดินรัชดา ทักษิณผิด หรือ ไม่ผิด วิทยุชุมชนคนเสื้อแดงน่ามาอ่าน
ฟังทักษิณ ชินวัตร พูดผ่านวีดีโอลิงค์ เมื่อ 17 สิงหาคม 2552 ใน คดีที่ดินรัชดาที่ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2ปี ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องหนีคุกไปอยู่ต่างประเทศนั้น ขอเอามาขยายความเพื่อให้รู้กันว่าทักษิณโกหกหรือพูดจริง กันแน่
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า กฏหมายที่เอาผิดทักษิณ ชินวัตรนี้ออกมาตั้งแต่ปี 2542 นะครับออกตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540
ในคดีที่ดินรัชดานี้เกิดเรื่องขึ้นมาเพราะคุณหญิงพจมาณ ชินวัตรไปประมูลซื้อที่ดินแปลดังกล่าวจากกองทุนฟื้นฟูฯ สถานะของคุณหญิงในขณะนั้นเป็นภรรยาของนายกรัฐมนตรีซึ่งตามกฎหมายสามีภรรยาถือว่าเป็นบุคคลๆ เดียวกัน เพราะฉะนั้นการที่ภรรยาไปซื้อก็จะถือว่าสามีซื้อเช่นกัน
สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร พยายามบอกกับ สาธารณะชนจับประเด็นได้ดังนี้
1. คนซื้อตัวจริง (หมายถึงคุณหญิงพจมาณ) พิพากษาไม่ผิด แต่ผมเพียงแค่ลงชื่อยินยอมในฐานะสามีที่ต้องทำตามกฏหมายว่า ภรรยาจะทำนิติกรรม สามีต้องลงชื่อยินยอมด้วย แต่ถูกพิพากษาให้ผิด
2. เขาประมูลซื้อที่ดินรัชดาในราคาสูงสุด
3.เขาในฐานะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อใดๆทั้งสิ้นแต่ถูกกล่าวหาว่า ทุจริต
จากทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าว ลองมาพิจารณากันว่า ทักษิณ โกหก หรือว่าพูดความจริงกันแน่
ก่อนอื่น มาดูเนื้อหาของกฏหมาย ที่พิพากษาให้จำคุกทักษิณ 2 ปี กันก่อน กฏหมายฉบับนี้คือ
พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ).ประกอบรัฐธรรมนูญ (2540) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ปปช.)พ.ศ.2542
หมวด 9
การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม
มาตรา 100 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้
(1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี
(2) เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
มาตรา 100 ซึ่งมีเนื้อหาว่า สรุปว่า
ห้ามไม่ให้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นคู่สัญญา หรือ มีส่วนได้เสียกับทรัพย์สินของรัฐหรือบริษัท ที่มีสัมปทานกับรัฐ
มาตรา 122 ซึ่งมีเนื้อหาว่า สรุปว่า
กรณี เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำความผิดตาม มาตรา100 ให้ระวางโทษจำคุกไมเกิน 3 ปี และวรรคท้ายมีความว่า หากพิสูจน์ได้ว่า มิได้รู้เห็นยินยอมการกระทำของคู่สมรสที่ดำเนินกิจการตาม มาตรา100 ให้ถือว่า ไม่ผิด
เมื่อพิจารณาเนื้อหากฎหมายแล้ว กฏหมายเอาผิดได้ เฉพาะนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรี เท่านั้น เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ ในข้อที่1 ที่คุณหญิงพจมาณไม่ได้ถูกพิพากษาให้มีความผิดไปด้วยเพราะคุณหญิงพจมาณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐมนตรี ถ้าก่อนหน้านั้นทักษิณตั้งให้คุณหญิงพจมาณ เป็นรัฐมนตรีรับรองว่าถูกศาลพิพากษาให้ผิดเช่นกัน...
อีกประการหนึ่ง การกระทำของคุณหญิงพจมาณถ้าทักษิณพิสูจน์ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เขาก็ไม่ผิด แต่ในข้อเท็จจริงเขาก็ยอมรับโดยปริยายว่า เขาได้ลงชื่อยินยอม ตามกฏหมาย ซึ่งถือว่า เขาได้รับรู้การกระทำของคุณหญิง พจมาณ คู่สมรสแล้ว
ตรงนี้ต้องเข้าใจนะครับว่า กฏหมาย ปปช.ปี2542 ตราไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ไปยุ่งเกี่ยวกับ ทรัพย์สินของรัฐ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม ป้องกันการเอาเปรียบผู้อื่นเพราะ มีอำนาจหน้าที่ในระดับสูงสามารถให้คุณให้โทษกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำ หน้าที่ดูแล ทรัพย์สินที่ประมูลได้ อีกทั้ง สามารถหาข้อมูลภายในเพื่อเอาเปรียบผู้ร่วมแข่งขันได้
ถ้าการประมูลที่ดินรัชดาในครั้งนี้ ทักษิณไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีแต่เป็นเพียงประธานบริษัทชินคอร์ป ทักษิณก็ไม่ผิด ตามกฏหมายฉบับนี้ครับ แต่ที่ผิดเพราะขณะนั้นเขาเป็นนายกรัฐมนตรี
ศาลไม่ได้พิพากษาว่าทักษิณทุจริตอย่างที่เขาพยายามเบี่ยงเบน แต่ศาลพิพากษาว่าทักษิณ มีความผิดตามกฏหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วย ปปช.มาตรา100(1)วรรค3 และมาตรา 122 วรรค1 หรืออธิบายอย่างที่เฉลิม อยู่บำรุงพูดในวันอภิปรายในสภาก็ได้ว่า ทักษิณไม่ได้ทุจริตแต่ทักษิณทำสิ่งที่กฏหมายห้ามไว้
เพราะฉะนั้นในประเด็นที่ 1 ที่ ทักษิณ พยายามพูดว่า คนซื้อไม่ผิด แต่ผมแค่ลงชื่อยินยอมตามกฏหมายกลับผิด นั้นจึงถือว่าเป็นการตลบแตลง พูดไม่หมดเนื้อความ แต่พยายามให้คนที่ไม่มีความรู้เข้าใจผิด ว่าถูกกลั่นแกล้ง
ในประเด็นที่ 2 ที่ ทักษิณ บอกว่า เขาให้ราคาประมูลสูงสุดนั้น ขอให้ข้อมูลที่มาที่ไปในเรื่องราคาที่ดินแปลงนี้ดังนี้
ที่ดินรัชดาที่ประมูลนี้มี 2 แปลงเนื้อที่ติดกันโดยกองทุนฟื้นฟูฯ ไปซื้อมาจาก บริษัทเงินทุนหลักทรํพย์เอราวัณทรัสต์
แปลงที่ 1 ราคา 2140 ล้านบาท
แปลงที่ 2 ราคา 2749ล้านบาท
รวมราคาที่ดิน 4889 ล้านบาท(สี่พันแปดร้อยแปดสิบเก้าล้านบาท)
เมื่อเกิดการประมูลมีการตั้งราคากลางเพียง 870 ล้านบาทและผู้ที่ประมูลได้คือคุณหญิงพจมาณ ชินวัตร ประมูลได้ในราคา 772 ล้านบาท
เรื่องนี้ที่ทักษิณบอกว่าเขาเป็นผู้ให้ราคาสูงสุดในการประมูลตอนนั้นเป็นเรื่องจริงครับ แม้คนในวงการต่างก็รู้กันว่าบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าท์ และ โนเบิล เดเวลลอปเมนต์ ที่เข้าร่วมประมูลด้วยถูกให้กระทำอย่างไรบ้าง รวมถึงอีกหลายบริษัทฯ ที่ร้องเรียนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน โดยแจ้งให้เพิ่ม วงเงินมัดจำจากเดิม 10 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท ก่อนหน้าการประมูลเพียงวันเดียว เพื่อกีดกันผู้ประมูลรายอื่นเพราะเตรียมเงินมัดจำไม่ทัน
อีก ทั้งในการประมูลครั้งก่อน(ที่ดินแปลงนี้มีการประมูล 2 ครั้ง) เปิดการประมูล ทางอินเตอร์เนต ปรากฎว่าไมมีผู้เข้าเสนอราคาประมูลเลยนั้น ทั้งๆ ที่มีผู้วางเงินมัดจำแล้ว (10ล้านบาท) ถึง 7 รายจะร้องเรียนว่า เขาได้เสนอราคาแล้ว แต่ทำไม ข้อมูลถึงไม่ขึ้น ซึ่งมีข่าวโจทย์ขานการบล็อกสัญญาณอินเตอร์เนตของบริษัท ทีร่วมประมูลอย่างหนาหู แต่เรื่องพวกนี้ ไม่มีหลักฐานครับว่า เป็นความจงใจหรือว่าเป็นข้อบกพร่องทางเทคนิค
เรื่องปัญหาการร้องเรียนการประมูลทั้ง2ครั้งนี้ ไม่มีหลักฐานเอาผิดใครได้ เพื่อนๆ พิจารณาเอาเองจากพยานแวดล้อมก็แล้วกันครับ
เพราะ ฉะนั้น เรื่อง ที่ ทักษิณ บอกว่า เขาเป็นผู้ให้ราคาประมูลสูงสุด จากเดิมที่ กองทุนฟื้นฟูซื้อมา 4889ล้านบาท แล้วเขาประมูลไปที่ราคา 772 ล้านบาท นั้น เพื่อนๆ ก็พิจารณาเอาเองละกันครับว่า เขาได้ให้ประโยชน์แก่รัฐตามสมควรแล้ว หรือเขาเอาเปรียบรัฐซื้อที่ดินแปลงสวยราคาถูกกันแน่
ในประเด็นที่ 3 ที่เขาบอกว่า เขาไม่ได้ใช้ ตำแหน่งหน้าที่ นายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์นั้น
เพื่อนๆ ก็พิจารณาจากข้อมูลแวดล้อมทั้งหมดก็แล้วกัน ในปลายปีที่ทักษิณประมูลที่ดินแปลงนี้นั้น เขาสั่งวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นปี ตามปกติ เป็นวันหยุด ให้เป็นวันทำงาน กรณีนี้ถูกโจมตีว่าเพราะเขาเกรงว่าจะโอนที่ดินแปลงนี้ไม่ทันในวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งถ้าให้ล่วงเลยไปในปีถัดไปจะไม่ได้ลดภาษีจากการโอนที่ดิน เพราะกฏกระทรวงที่ออกมาเพื่อจูงใจให้มีการซื้อการขายที่ดินโดยลดภาษีการโอนที่ดินนั้นจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม
อีก ทั้ง เมื่อประมูลที่ดินดังกล่าวได้แล้วเดิมพื้นที่บริเวณดังกล่าวสร้างตึกสูงได้ ไม่เกิน 5 ชั้น แต่หลังจากเขาประมูลที่ดินได้ไปแล้ว กฏเกณฑ์นี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป ทำให้ที่ดินบริเวณดังกล่าว ยกระดับราคาสูงขึ้นทันที
ทั้ง2กรณีนี้ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ทักษิณ ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง หรือ เพื่อความเหมาะสมในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ เหตุการณ์มันผิดปกติ 31 ธันวา ให้เป็นวันทำงาน หรือกรณีที่ห้าม ไม่ให้สร้างตึกสูงเกิน 5 ชั้นเพราะ ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรม หากบริเวณรอบๆ มีแต่ตึกสูงก็จะลดความสง่างามของศูนย์วัฒนธรรมไป ซึ่งหลักการนี้ เป็นหลักการเดียวกันกับ ห้ามบริเวณ อนุเสาวรีย์พระเจ้าตากสิน บริเวณ อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นต้น
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่อธิบายมา เพื่อนๆก็พิจารณาเองนะครับว่า
สิ่งที่ ทักษิณ พูด นั้น จริง หรือ โกหก
http://teenoi.freeforums.org/topic-t691.html
โดย จงเจริญ
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
ตอบ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 08:31
http://webboard.seri...ีค/#entry846940
มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน
(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุ มาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533
http://webboard.seri...ีค/#entry847518
ความจริงยังอุทธรณ์ได้ทางเทคนิค แต่ตอนนี้คงเลยกำหนดเวลาไปแล้ว
อำนาจของคตส.ก็ยังเข้าใจผิดกันอีกเช่นเคย ความจริงแล้ว คตส.มีอำนาจของหลายหน่วยงานรวมกัน ถ้าจะเทียบอำนาจก็คงเทียบได้เกือบเท่ากับอำนาจดีเอสไอในปัจจุบัน ที่มีอำนาจในการขอค้นหาหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ได้มากกว่าอัยการและทนายทั่วไป คงไปเอาผิดใครไม่ได้ เพียงแต่ยื่นฟ้องได้เท่านั้น
http://webboard.seri...ีค/#entry847524
คดีที่ดินรัชดาอธิบายง่ายๆแบบนี้ครับ
ในมาตรา 100 วรรค 1 เขาห้ามเจ้าหน้าทีรัฐทำสัญญาหรือคุ๋สัญญาที่มันจะมีส่วนได้เสียกับรัฐ ซึ่งวรรค 2 จะจำกัดลงไปอีกว่า ห้าม 2 ต่ำแหน่งต่อไปนี้คือ รมต. และ นายก ทำในวรค 1
แล้วยิ่งจำกัดลงไปในวรรค 3 อีกคือ ห้ามคู่สมรสทำแบบวรรค 1 ไม่งั้นจะถือว่าต่ำแหน่งต้องห้ามในวรรค 2 เป็นคนทำด้วย
ที่โดนคุกเลยเพราะว่า
1. จำเลยแม้วไม่มีหลักฐานว่า ไม่รุ้เรื่องในการเป็นคู่สัญญาที่ดินรัชดาที่เมียไปทำ ศาลจึงตัดสินให้ผิดมาตรา 100
และดำเนินโทษแบบ มาตรา 122
=มาตรา 122 คือ ถ้ารมตหรือนายก คนใหนผิดมาตรา 100 หรือ คู่สมรสไปทำและไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าไม่รู้แบบคดีที่ดินรัชดา
ก็จะติดคุกไม่ 3 ปี แต่พอดีแม้วเป็นนายก ศาลเลยเชือดทันทีก็แค่นั้น จริงๆศาลคงดูไปถึง มาตรา 103 นู้นละเพราะมันหมวดเดียวกัน
(มาตรา 102-103 ก้คือที่น้ามักโดนนั้นละ)
http://www.oknation....nt.php?id=48735
เปิดสำนวนไต่สวน ทักษิณ-พจมาน ฮุบ ที่รัชดา
เปิดสำนวนไต่สวน-สมุดปกเหลืองคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ สองอดีตนายกรัฐมนตรี "ชวน-บรรหาร" ให้การมัด “ทักษิณ” ทำผิดจริยธรรม และสั่งการได้ทางอ้อมแม้ไม่ได้กำกับดูแลหน่วยงานใดโดยตรง อดีตผู้ว่าธปท.ชี้ไม่เหมาะสม
มีรายงานจากสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการ พิจารณาสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่คตส.ชี้มูลความผิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและคุณหญิงพจมาน ว่าในส่วนของ สำนวนคดีที่คตส.ส่งให้กับอัยการสูงสุดนั้นนอกเหนือจากสำนวนการสอบสวน แล้วยังมีสมุดหน้าเหลืองเรื่อง"สรุปข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบกรณีที่อนุกรรมการไต่สวนเรื่องการซื้อขายที่ดินของกองทุนเพื่อการฟี้นฟูและพัฒนา
ระบบสถาบันการเงิน"ซึ่งเดิมคตส.จะนำมาเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้ ประชาชนทราบถึงกระบวนการตรวจสอบและไต่สวนในคดีดังกล่าวแต่ได้ถูก นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดห้ามเอาไว้และขอให้เปิดเผยหลังมี การยื่นสำนวนฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสียก่อน
รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยถึงเนื้อหาและสาระ ของหนังสือฉบับดังกล่าวว่า หนังสือดังกล่าวได้สรุปคำพยานบุคคลในชั้นตรวจ สอบไต่สวนรวม 24 ปาก ซึ่งในหนังสือดังกล่าวได้ปิดชื่อของพยานบุคคล ทั้ง 24 ปากเอาไว้แต่ได้เปิดเผยถึงเนื้อหาและสาระสำคัญของพยาน บุคคลที่มาให้การกับอนุกรรมการไต่สวนซึ่งมีทั้งเห็นว่าการซื้อขายที่ดิน
ดังกล่าวมีความผิดปกติ หรือไม่ผิดปกติรวมถึงเรื่องการแสดงความเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีในขณะที่มีการซื้อขายที่ดิน มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูหรือไม่
เนื้อหาของพยานบุคคลที่มาให้การกับคตส.ที่น่าสนใจเช่น การให้การ ของอดีตหัวหน้ารัฐบาลสองคน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาให้การกับคตส.รวมสองคนคือนายชวน หลีกภัย กับนายบรรหาร ศิลปอาชา อย่างไรก็ตามในหนังสือดังกล่าวไม่ได้ระบุไว้ชื่อไว้ เพียงแต่ระบุว่าเป็นอดีต หัวหน้ารัฐบาล
ซึ่งในส่วนของการเบิกความของอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกในหนังสือ ได้ระบุว่า การที่เจ้าหน้าที่รัฐจะทำสัญญาทางธุรกิจกับหน่วยงานของรัฐที่ตนมี หน้าที่กำกับดูแล เป็นการไม่ชอบด้วยหลักคุณธรรมและจริยธรรมของข้าราช การการเมือง ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานที่กระทรวงการคลัง กำกับดูแล นายกรัฐมนตรีคอยกำหนดนโยบายในการดำเนินการ
ส่วนอดีตนายกรัฐมนตรีอีกคนให้การว่าหัวหน้ารัฐบาลมีหน้าที่ตามพรบ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ.2534 มาตรา 11 ทำหน้าที่กำกับดูแล หน่วยงานทั้งท้องถิ่นส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้ปฏิบัติตามนโยบายที่รัฐบาล กำหนด และสนองพระบรมราชโองการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐไม่ ว่าจะมีฐานะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ โดยทางตรงนายกรัฐมนตรีคงไม่ไปเกี่ยวข้อง เพราะมีรัฐมนตรีว่าการกำกับดูแลอยู่ แต่หากเป็นทางอ้อมสามารถเข้าไปดูเพื่อให้มีการดำเนินการได้หากมีการทำงานที่ล่าช้า รัฐมนตรีจะต้อง รายงานกิจการในกระทรวงต่างๆ ให้นายกรัฐมนตรี ทุกๆ 15 วันหรือ 30 วัน แล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะสั่งการ
นอกจากนี้ยังมีคำให้การของพยานอีกหลายรายเช่น อดีตประธาน เปิดซองประกวดราคาการประมูลซื้อขายที่ดินดังกล่าวที่ให้การว่าในหนังสือที่ นำส่งให้ผู้สนใจเข้าประมูลได้ทราบเพียงกำหนดวันยื่นซองประกวดร าคาเท่า นั้น ทั้งที่โดยหลักทั่วไปจะต้องระบุวัน เวลา ในการซื้อแบบใบเสนอราคา ซึ่งถ้าไม่มีแล้วมีผู้ทักท้วงก็จะไม่เปิดซองประกวดราคา แต่ที่พยานเปิดซอง ประกวดราคาเพราะไม่ทราบเรื่อง
"ขณะรับซองไม่ประกวดราคาไม่ทราบว่าจะมีปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อมีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ในการทำสัญญาจะซื้อ จะขายโดยระบุเลขโฉนดไว้นั้น ถ้าทราบเรื่องว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีเลขโฉนดจริง ในฐานะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯคงจะไม่ขาย
และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด การประมูลจึงไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำ การดำเนินการขายที่ดินแปลงนี้มีวิธีการที่ทำพิเศษกว่าที่ดินแปลงอื่น"
คำให้การของประธานเปิดซองประกวดราคาที่ดินรัชดาฯระบุในการคำให้ นอกจากนี้หนังสือดังกล่าวยังได้เปิดเผยคำให้การของอดีตผู้จัดการ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯคนหนึ่ง ซึ่งรับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2546 ถึง 30 กันยายน 2546 อันเป็นช่วงก่อนที่จะมีการขายที่ดินดังกล่าวให้ คุณหญิงพจมานไม่กี่เดือน ได้ให้การกับคตส.ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวมีข้อด้อย คือห้ามสูงเกิน 23 เมตร เป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร แต่ต่อมาทราบ ว่าหลังจากขายที่ดินไปแล้ว กรุงเทพมหานครได้ยกเลิกข้อบัญญัติดังกล่าว และการประกาศขายที่ให้ข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องไม่เท่ากันนั้น หลักการก็ถือว่า ไม่โปร่งใส ในวงนอกได้ยินมาบ้างว่าคู่สมรสของอดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้า ประมูล แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน
ส่วนคำให้การของอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็น ประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯโดยตำแหน่งที่มาให้การกับคตส.ระบุว่า ขณะที่เป็นประธานกรรมการจัดการกองทุนฟื้นฟูฯไม่เคยมีนักการเมืองเข้ามา เกี่ยวข้องกับที่ดินของกองทุนฟื้นฟูฯนายกรัฐมนตรีไม่เคยสอบถามหรือให้ราย งานเกี่ยวกับเรื่องของกองทุนฟื้นฟูฯ
"เคยคิดจะเข้าประมูลที่ดินของกองทุนฟื้นฟูฯแต่ต่อมาได้บอกกับเจ้า หน้าที่ว่าไม่สามารถเข้าประมูลได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าเก่งที่ไม่เข้าประมูล เห็นว่าการประมูลขายที่ดินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯที่ถนนรัชดา เป็นเรื่อง ไม่เหมาะสม ไม่สมควรกระทำ เห็นว่าวิธีประมูลทั่วไปในทางราชการทุกอย่าง น่าจะต้องกำหนดราคาขั้นต่ำ เคยแจ้งให้เจ้าหน้าที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ทราบถึงเรื่องนี้"คำให้การของอดีตผู้ว่าธปท.ระบุ
หนังสือปกเหลืองดังกล่าวยังได้ระบุถึงคำให้การของอดีตที่ปรึกษา กฎหมาของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯที่ระบุว่าได้รับการแต่งตั้งให้รับซองประกวด ราคาในการประมูลที่ดินดังกล่าว โดยเป็นผู้เซ็นรับซอง ขณะนั้นพอทราบแล้ว เป็นการภายในว่ามีผู้ใหญ่ต้องการซื้อที่ดินและเห็นว่าการประมูลขายดังกล่าว ค่อนข้างจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับคำให้การของอดีตเจ้า หน้าที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ที่ดิน ที่มีการซื้อขายดังกล่าว ได้ให้การว่ามีระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการรังวัด สอบเขต และรวมโฉนดที่ดิน ต่อมากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้ยื่นคำร้องขอรังวัด เพื่อรวมโฉนดและแบ่งแยกโฉนดที่ดิน โดยไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ และพยานเริ่มตรวจเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2546 โดยมีการเร่งเรื่องด้วยการ โทรศัพท์มาจากกองทุนฟื้นฟูฯประมาณ 1 ถึง 2 ครั้ง สอบถามว่ามีเหตุขัดข้อง อะไรหรือไม่
รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดยังเปิดเผยด้วยว่าในส่วนของ เนื้อหาการสรุปความเห็นของอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวที่มีนายอุดม เฟื่องฟุ้งเป็นประธาน ที่ระบุไว้ในสมุดปกเหลืองดังกล่าว ได้ลำดับเหตุการณ์ ของคดีนี้ตั้งแต่ต้นตั้งแต่ความเป็นมาของการจัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ความเป็นมาของที่ดินผืนดังกล่าวที่ติดถนนเทียนร่วมมิตร เดิมมี 13 โฉนด
ราคา 2,140 ล้านบาท แต่ต่อมากลางปี 2544 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ปรับลดราคาที่ดินลงเหลือ 754 ล้านบาท
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้เปิดประมูลขายที่ดินดังกล่าวครั้งแรกทางอินเตอร์เน็ตเมื่อ 10 กรกฏาคม 2546 โดยกำหนดราคาขั้นต่ำ 870 ล้าน บาท โดยมีผู้แสดงความประสงค์จะซื้อที่ดินดังกล่าว 8 ราย แต่มีผู้ลงทะเบียน ชำระเงินการประมูลเพียง 3 ราย แต่สุดท้ยเมื่อถึงกำหนดเวลาเสนอราคา ผู้ลงทะเบียนทั้งสามรายไม่เสนอราคาประมูล ทำให้มีการยกเลิกการประมูลในที่สุด
ต่อมา กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้ทำการรังวัดที่ดินเพื่อรวมโฉนดทั้ง 13 โฉนดและแบ่งแยกออกเป็น 4 โฉนด และมีการเปิดซองประกวดราคา 16 ธันวาคม 2546 โดยพบว่ามีผู้ยื่นซองเสนอราคาจำนวน 3 รายโดย หนึ่งในนั้นก็คือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่เสนอราคา 772 ล้าน ส่วนอีกสองราย ที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เสนอราคา 750 ล้านแบะ730 ล้านตามลำดับ
สมุดปกเหลืองดังกล่าวระบุถึงสิ่งผิดปกติที่อนุกรรมการไต่สวนพบก็คือ เช่น 1.ในกาประกวดราคาที่ดินดังกล่าวพบว่าในการประกาศขายครั้งแรก มีการกำหนดราคาขั้นต่ำไว้ 870 ล้านบาท แต่การขายครั้งที่สอง กองทุน เพื่อการฟื้นฟูฯไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำ
"มีข้อเท็จจริงจากปากคำของอดีตผู้ว่าการธปท.ที่มาให้ปากคำกับคตส. ว่าได้เคยบอกกับเจ้าหน้าที่ในการประมูลนั้น จะต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และจากการสอบข้อเท็จจริงจาก ผู้เข้าประมูลที่ดินของกรมบังคับคดีให้ข้อเท็จจริงว่าในการประมูลที่ดินจะต้อง มีราคาขั้นต้นหรือขั้นต่ำกำหนดไว้เสมอ แต่จากการสอบปากคำประธานคณะ
กรรมการจัดการกองทุน ฯในขณะที่มีการซื้อขายได้ให้ข้อเท็จจริงในส่วนนี้ว่า ที่ไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำไว้เพราะมีการกำหนดราคาในใจ แต่ในการให้ปาก คำของปลัดกระทรวงการคลังในขณะนั้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรม การเปิดซองประกวดราคาให้ข้อเท็จจริงว่าไม่ทราบว่าในการประกาศประมูล ขายที่ดิน ไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำ"
2.ในการประกาศประมูลนั้น ได้มีรายละเอียดวันซื้อซองประกวดราคา วันยื่นซองประกวดราคา และวันเปิดซองประกวดราคาไว้โดยครบถ้วน แต่หนังสือชี้ชวนให้บริษัทต่างๆ เข้าร่วมประกวดราคาจะมีเฉพาะวันที่เข้า ประมูลเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดตามหนังสือประกาศประมูล กล่าวคือไม่ มีวันซื้อซองว่าจะต้องเข้ามาซื้อซองเมื่อใด
3.ในการประกาศประมูลครั้งแรกทางอินเตอร์เน็ต ประมูลทั้ง 13 โฉนดรวมกันไป แต่การประมูลครั้งที่สอง มีการรวมโฉนดจาก 13 โฉนด แล้วแยกเป็น 4 โฉนด ทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯต้องเสียค่าใช้จ่ายในการ รวมโฉนดและแยกโฉนด โดยไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้
4.อนุกรรมการไต่สวนพบว่ามีความผิดปกติในการออกโฉนดที่ดิน คือในการประกาศขายที่ดินพบว่ามีการออกโฉนด แยกโฉนด และรวมโฉนด โดยที่โฉนดที่ดินยังไม่มีการออกเพราะในสัญญาจะซื้อจะขายระบุเลขโฉนด ทั้ง 4 โฉนด แต่ข้อเท็จจริงพบว่าโฉนดที่ดินตามที่เจ้าพนักงานที่ดินออกให้นั้น หลักฐานปรากฏอยู่ในโฉนดว่าออกให้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2546 ทั้งที่มีการ
เปิดซองประกวดราคาเมื่อ 16 ธันวาคม 2546 และทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน วันที่ 17 ธันวาคม 2546
"อดีตผู้จัดการกองทุน อ้างว่าเป็นการติดต่อประสานงานกับเป็นการ ภายในของเจ้าหน้าที่กองทุนฯกับเจ้าพนักงานที่ดิน แต่ไม่ปรากฏว่าใครเป็น ผู้ประสาน แต่ข้อเท็จจริงที่อนุกรรมการไต่สวนได้สอบถามจากอธิบดีกรมที่ดิน และรองอธิบดีกรมที่ดินที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดินได้แจ้งมาเป็นหนังสือว่าใน การออกโฉนด แยกโฉนด รวมโฉนด ถ้าโฉนดยังไม่ออกแล้ว บุคคล
ภายนอกไม่สามารถรู้เลขโฉนด การที่มีการประกาศเลขโฉนดในเอกสาร ล่วงหน้า จึงเป็นข้อน่าสังเกตว่าสามารถทำได้อย่างไร และกองทุนฯ สามารถนำเนื้อที่ดินแต่ละโฉนดมากำหนดในประกาศได้อย่างไร"รายงานของ อนุกรรมการไต่สวนระบุถึงความผิดปกติของการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว
"ปรากฏข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของคณะกรรมการคตส.ว่า ทั้งหมดเป็นการกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรีและคู่สมรน ที่ขัดต่อ พรบ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 4,100,122 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1, 33, 83, 86, 90, 91, 152, 157 มีผลให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น และขอให้ริบเงิน 772 ล้านบาทที่ผู้ถูกกล่าวหาที่สองชำระให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯเพราะเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด "
ใครได้อ่านทั้งหมดแล้วจะถึงบางอ้อว่าเป็นเพราะเหตุใด ทักษิณ กับ คุณหญิงพจมาน ไม่ต้องการเปิดเผยสำนวนนี้ต่อสาธารชน นั่นเพราะต้องการปกปิดความชั่วของตัวเอง
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
ตอบ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:22
ขนาดมีกฏหมายเขียนใว้ชัดๆโต้งๆ แม่มก็ยังพากันละเมิดกฏหมาย
นี่ถ้าไม่มีกฏหมาย ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าประเทศนี้จะเละเทะไปกว่านี้สักแค่ไหน
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
ตอบ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:12
เพื่อนสมาชิกท่านใด้มีคำพิพากษาบ้าง
ขอหน่อยครับ
ต้องการอ่านคำสั่งอีกครั้ง
ขอเป็นข้อมูลก่อน ขอบคุณครับ
เถียงกับความจริง เถียงให้ตายก็ไม่มีทางชนะ
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน