ปี 2555 มีมติคณะรัฐมนตรี รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 10 เมษายน ให้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 13,280 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี โดยผูกพันงบประมาณถึงปีงบประมาณ 2562
นายศศิน-ได้ต่อสู้เรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เขาเคยนำสื่อมวลชนลงพื้นที่แกะรอยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ แต่กลับไม่มีการรายงานไว้ใน EHIA ของกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่พื้นที่ที่ EHIA อ้างว่าเป็นเขตชลประทาน ในเขต จ.อุทัยธานี จ.นครสวรรค์ และ จ.กำแพงเพชร ตลอดจนลำน้ำแม่วงก์ ลำน้ำสาขา จนถึงบริเวณที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนในอุทยานฯ แม่วงก์ ซึ่งยังคงเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์
เขาระบุว่า พื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์มี 2 ตัวเลือก คือ บริเวณเขาชนกัน ที่อยู่นอกเขตอุทยานฯ และ บริเวณสบกก ที่อยู่ในเขตอุทยานฯ มีการปรึกษาหารือกันแล้ว พบว่า หากสร้างเขื่อนดังกล่าว จะทำให้เสียพื้นที่ป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ไปถึง 13,000 ไร่
ถ้าสร้างที่เขาชนกัน จะกระทบต่อราษฎรจำนวน 2 พันครัวเรือน พวกเขาต้องอพยพออกจากพื้นที่ แต่จะสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 600 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ถ้าสร้างในพื้นที่สบกก จะกักเก็บน้ำได้เพียง 258 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
นายศศินยืนยัน ตนไม่ได้บอกว่าการสร้างเขื่อนไม่ดี แต่หากจะสร้างก็ควรสร้างในพื้นที่ที่เหมาะสมและได้ประโยชน์จริงๆ ในพื้นที่ที่ควรสร้างกลับสร้างไม่ได้ เพราะเป็นเขตฐานของพวกนักการเมือง ส่วนพื้นที่ป่าธรรมชาติ กลับเลือกที่จะสร้างกันเพื่อตัดปัญหา และอ้างว่าจะได้ไม่กระทบต่อประชาชน
ทั้งนี้ EHIA ระบุเพียงว่า มีพื้นที่ชลประทานที่ได้ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนเกือบ 3 แสนไร่ แถมยังครอบคลุมพื้นที่ จ.กำแพงเพชร จ.นครสวรรค์ และ จ.อุทัยธานี ซึ่งนายศศินยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะน้ำเขื่อนจะครอบคลุมพื้นที่ชลประทานเพียง 7 หมื่นไร่เท่านั้น
ส่วนที่ EHIA ระบุว่า พื้นที่ จ.อุทัยธานี และลุ่มน้ำสะแกกรัง จะได้รับประโยชน์ด้วย อีกทั้งยังเกณฑ์คนมาสนับสนุนจำนวนมากนั้น จริงๆ แล้ว จ.อุทัยธานี ได้รับประโยชน์จริงเพียง 0.1% หรือ 291 ไร่ในเขต อ.ทัพทัน เท่านั้น เพราะอยู่ห่างจากเขื่อนกว่า 100 กิโลเมตร ขณะที่พื้นที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ที่ EHIA อ้างว่า ได้รับประโยชน์มากที่สุด คิดเป็น 70.39% หรือกว่า 2.05 แสนไร่นั้น ตนคิดว่าน้ำมาไม่ถึงอย่างแน่นอน เพราะอยู่ห่างจากพื้นที่สร้างเขื่อนเช่นกัน และคนที่อยู่ใกล้ต้องดึงน้ำไปใช้ก่อน
นายศศิน ยังกล่าวอีกว่า ที่แย่ที่สุดคือ ทาง EHIA ไม่ได้ระบุถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นกับผืนป่า และสัตว์ป่าเลย อ้างแต่เพียงว่า พื้นที่ไม่ใช่ป่าสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทางกรมอุทยานฯ และกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ระบุว่า บริเวณสบกก เป็นป่าสมบูรณ์ และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย และการขยายพันธุ์ของเสือโคร่งอีกด้วย อีกทั้งยังมีศักยภาพเป็นมรดกโลกที่เชื่อมต่อจากห้วยขาแข้ง และทุ่งใหญ่นเรศวรได้ ตนจึงขอให้สำนักงานแผนนโยบายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมพิจารณารายงานของ EHIA ให้รอบคอบด้วย
ถ้าพูดกันตามหลักวิชาการ เหตุผลสำคัญที่ต้องคัดค้านการสร้างเขื่อนมีอยู่ 2 ด้าน คือ ด้านนิเวศน์ และด้านเศรษฐกิจและสังคมครับ
1) ปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้านนิเวศน์ คือ ระบบนิเวศน์ทั้งหมดจะถูกคุกคาม เกิดการทำลายป่าต้นน้ำ และอาจเกิดการลักลอบตัดไม้ริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก เร่งให้สัตว์ป่าสูญพันธุ์ เช่น นกยูง เสือโคร่ง และลักลอบล่าสัตว์ป่าได้ง่าย นอกจากนี้ ยังทำให้สัตว์ป่าสูญเสียที่อยู่อาศัย ทำลายโอกาสการฟื้นฟูของอุทยาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อป่ามรดกโลก “ห้วยขาแข้ง”
2) ด้านเศรษฐกิจและสังคม คือ เนื่องจากเขื่อนแม่วงก์มีขนาดเล็กจุน้ำได้สูงสุด 262 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงไม่คุ้มค่ากับการลงทุน อีกทั้งยังไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วมได้นอกจากนี้ยังทำลายแหล่งศึกษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และทำลายความเชื่อมั่นด้านสิ่งแวดล้อมของไทยด้วย รวมถึงเป็นช่องทางให้โครงการพัฒนาขนาดใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์อื่นๆ ได้อีกในอนาคต
โปรดทราบไว้ว่า ป่าแม่วงก์บริเวณที่จะถูกน้ำท่วมเป็นป่าริมน้ำและป่าที่ราบต่ำ เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดใหญ่ เช่น ช้าง เสือ และเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์ป่าด้วย แม้ว่าสูญเสียป่าแม่วงก์ไป 18 ตารางกิโลเมตร หรือร้อยละ 2 ของป่าทั้งหมด แต่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของป่าทั้งระบบมาก เพราะมันคือ “หัวใจ”
เหตุที่ป่าแม่วงก์เปรียบเหมือนหัวใจ เพราะเป็นส่วนสำคัญของผืนป่าตะวันตก ที่เกิดจากป่าอนุรักษ์ 17 ผืนต่อกัน เป็นป่าผืนใหญ่ขนาด 11.7 ล้านไร่ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นบ้านของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เสือโคร่ง ช้าง กระทิง วัวแดง สมเสร็จ ควายป่า ฯลฯ
Edited by Stargate-1, 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:58.