หลังจากแตกพ่ายมาจากหน้าทำเนียบ เพราะถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก กองทัพทหารแก่ๆ ก็ถอยร่นไม่เป็นส่ำ กลับคืนมาสวนลุมพินีเหมือนเดิม ..อย่างบอบช้ำ
แต่ม็อบอีกส่วนหนึ่ง ไม่คิดหวนคืนสู่ถิ่นเก่าอีกแล้ว เพราะไม่พอใจการนำของทหารแก่ ที่ไร้พลัง ยอมอ่อนข้อถอยทัพให้ตำรวจอย่างง่ายดาย จึงพากันแยกตัวเป็นอิสระ มุ่งหน้าไปยึดใต้ทางด่วนแยกอุรุพงษ์เป็นเรือนตาย ปักหลักปิดถนนอยู่ที่นั่น ..ชื่อ “ม็อบทนายนกเขา”
นกเขา ก็คือชื่อเล่นของนายนิติธร ล้ำเหลือ มีอาชีพเป็นทนาย หรือที่พันธมิตรเรียกกันว่า “ทนายนกเขา” เดิมเป็นทนายของ NGO เมื่อพวกNGO ได้รับเลือกให้มาเป็นองค์การอิสระ นามว่า “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ” “ทนายนกเขา”ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความประจำของกรรมการสิทธิ์..จึงไม่ต้องสงสัย
ในทางการเมือง “ทนายนกเขา”ยืนข้าง ปชป.เต็มร้อย แต่เหตุที่มาร่วมงานกับกลุ่มพันธมิตรเมื่อก่อนนั้น เพราะเป็นแนวร่วมในการล้มรัฐบาล ก็ตะเภาเดียวกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, อัญชลี ไพรีรักษ์ และอีกหลายคนที่ “แฝง”ตัวมาเป็นพันธมิตร ใช้พันธมิตรเป็นเครื่องมือ รับใช้พรรคประชาธิปัตย์ จนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอาการโกรธเคือง และพูดอยู่ทุกวันนี้ว่า “ถูกใช้เป็นเครื่องมือ”..นี่แหละ !
ดังนั้น ม็อบ “ทนายนกเขา” จึงมีเครือข่ายโยงใยกับพรรคประชาธิปัตย์, กรรมการสิทธิ์ฯ, และ 40 สว.อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ และที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดในการราย “คุยทุกเรื่องกับสนธิ”ว่าทุกม็อบในขณะนี้ ปชป.ล้วนอยู่เบื้องหลัง..นั่นคือเรื่องจริง
ทนายนกเขา รวบรวมนักศึกษาจากรามคำแหง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนใต้ ที่ล้วนดื่มยาบำรุงพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่เด็ก และเกลียดรัฐบาลเพื่อไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้ง ที่ผ่านมา นักศึกษาเหล่านี้ ได้พยายามออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลอยู่เนืองๆ จึงไม่ยาก ที่จะชักนำมาเป็นเครื่องมือต่อต้านรัฐบาล ในสถานการณ์ที่ “ได้จังหวะ”พอดีอย่างนี้..ลงตัว
ภาพนี้ กำลังหารือกับคุณมัลลิกา บุญมีตระกูล
แต่ด้วยความชาญฉลาด เชิงสูง ทนายนกเขา ไม่ยอมรับบทเป็น “ผู้นำม็อบ”ทั้งที่เป็นตัวตั้งตัวตีแยกตัวออกมาจากม็อบสวนลุมฯ กลับโยนหน้าที่ผู้นำม็อบ ให้กับเด็กนักศึกษา ที่กระสันอยากเป็นผู้นำมวลชน แต่ไม่มีใครรู้จัก แล้วถอยฉากไปเป็นแค่ “ที่ปรึกษา” ม็อบเท่านั้น คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ก็เป็นวิธีเดียวกับที่ ปชป.เคยดันนายสนธิเป็นทัพหน้า ไปชนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 49 นั่นเอง..มุกเดียวกัน
ม็อบทนายนกเขา ต้องการแตกหักกับรัฐบาล จุดประสงค์ต้องการให้รัฐใช้ความรุนแรงกับมวลชนให้ได้ จะได้จุดพลุ เพื่อเป็น “เงื่อนไขจุดติด”สร้างความชอบธรรม และเรียกมวลชนมาร่วมทัพ เพิ่มจำนวนประชากรม็อบ จากม็อบหลักร้อย เป็นหลักหมื่น หลักแสน ..ล้มรัฐบาล
แต่หากดูสถานการณ์ขณะนี้ ถือว่ายากมาก ที่จะสามารถล้มรัฐบาลด้วยม็อบใดๆ แม้แต่ต่อให้นายสนธิ หรือพล.ต.จำลอง มานำทัพเองก็ตาม ยิ่งเป็นม็อบทนายนกเขาด้วยแล้ว ยิ่งไกลเกินเอื้อม ..ด้วยเหตุผลหลายๆประการ
1. ม็อบไร้อุดมการณ์ ขาดจุดหมาย ไม่มีประเด็น สะเปะสะปะ ดูแต่วันที่เคลื่อนมาหน้าทำเนียบ ก็มาโดยไม่มีสาเหตุ เพียงแค่ได้ข่าวลือจากโหรทำนายว่า “ดวงนายกฯจะตก ในวันที่ 8 ตุลา” ก็มาปิดหน้าทำเนียบ หรือมาเพราะเกลียดชังอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่น
2. คนเบื่อม็อบ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะด้านการสัญจร จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่รัฐจะให้เหตุผลนี้ ในการ “หยุดม็อบ” ให้สังคมฝ่ายพิพากษา โดยรัฐไม่ต้องทำอะไรเลย
3. คนรู้ทันม็อบ ว่าเป็นม็อบการเมือง เพราะผู้ชุมนุมก็คือคนเดิมๆ หน้าเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ และเปลี่ยนชื่อกลุ่มเท่านั้น ประเภท “ปลาร้าเก่าในไหใหม่” คนส่วนใหญ่จึงไม่อยากมาร่วม เพราะไม่อยากเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับใคร
4. ผู้นำไม่มีพลัง ไม่เป็นที่ยอมรับ ชิงกันนำ เพราะตัวเล่นของฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ที่มีศักยภาพ มีชื่อเสียง ต่างล้มหายตายจาก หรือโบกมือลาไปหมด หรือไม่เช่นนั้นก็ถูกสกัดไว้หมด ด้วยยุทธวิธี จึงเหลือแต่คนหน้าใหม่ๆ ที่อยากดัง สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้นำมวลชน คนจึงไม่มาร่วม
5. ม็อบไม่มีเอกภาพ ทะเลาะเบาะแว้งกันเองในกลุ่ม จนเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน แตกแยกกันเอง รวมความคิดเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้
6. ม็อบชอบโหนสถาบัน มักนำสถาบันมาแปดเปื้อนโดยไม่บังควร สร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับประชาชนคนไทยทั่วไป แอบอิงสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
7. คนส่วนใหญ่ยังพอใจรัฐบาล เพราะมีภาพของผู้นำรัฐบาล ที่ไม่เล่นการเมือง ไม่สนใจต่อปากต่อคำ มุ่งหน้าแต่ทำงาน แก้ปัญหาความเดือดร้อน และภาพพจน์ของรัฐบาลโดยรวม ยังไม่ปรากฏการทุจริตคอร์รัปชั่นให้เห็น แม้จะกล่าวหาโจมตีกันอยู่ แต่ก็ปราศจากหลักฐาน คนจึงไม่ออกมา
ภาพ ทนาย กำลังบอกบทน้องๆ
ทั้ง 7 ประการที่กล่าวมา จึงเป็นเหตุผล ที่ม็อบไม่มีทางจุดติดเด็ดขาด ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ อย่างที่บอกไว้แล้ว อย่าว่าแต่ “ม็อบทนายนกเขา” แห่ง ปชป.นี้เลย ต่อให้นายสนธิ พล.ต.จำลอง หรือแกนนำพันธมิตรทั้งหลาย กลับมารวมตัวกันใหม่..ก็หมดโอกาส
ตอนนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ ต่างนั่งดูอย่างเอือมระอาว่า ระหว่างม็อบ“ทหารแก่-เด็กช่างกล” ที่สวนลุมฯ กับม็อบ“ทนายนกเขา-เด็กรามฯ” ที่ใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ โดยการสนับสนุนของ “พ่อท่านโพธิรักษ์”และพรรคประชาธิปัตย์ ใครจะกลับบ้านก่อนกัน..แล้วจะกลับกันยังไง !!!
Edited by ปลายอ้อกอแขม, 13 October 2013 - 11:51.