Jump to content


Photo
- - - - -

รื้อความจำคนไทยก่อนได้ยินคำตัดสินคดีพระวิหาร 11พ.ย.2556


  • Please log in to reply
6 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 อาวุโสโอเค

อาวุโสโอเค

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,790 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:15

400%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%

“พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์” พระราชโอรสองค์ที่ 11 ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นคนแรกที่ค้นพบปราสาทพระวิหาร ที่หน้าผาเป้ยตาดี เขาพนมดงรัก ท้องที่ศรีสะเกษ

โดยทรงพบเมื่อปี พ.ศ. 2442 ขณะทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็น ข้าหลวงต่างพระองค์ เสด็จไปรับราชการที่มณฑลลาวกาว (อิสาน) ในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ทรงจารึกปี ร.ศ. ที่พบเป็นเลขไทย ตามด้วยพระนาม ไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดี เป็นข้อความว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ”

ต่อมาเมื่อประเทศฝรั่งเศสเข้าครอบครองอินโดจีนได้ทำสนธิสัญญา พ.ศ. 2447 ในการปักปันเขตแดนกับราชอาณาจักรสยาม โดยมีความตามมาตรา 1 ของสนธิสัญญา ระบุให้ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งพรมแดน ซึ่งมีผลให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนไทย

400%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%

ต่อมาใน พ.ศ. 2451 ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ฝ่ายเดียว ส่งมอบให้สยาม 50 ชุด แต่ละชุดมี 11 แผ่นและมีแผ่นหนึ่งคือ “แผ่นดงรัก” ที่ครอบคลุมพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และไม่ได้ใช้แนวสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งพรมแดน ทำให้ปราสาทพระวิหารในแผนที่อยู่ในดินแดนของกัมพูชา โดยที่รัฐบาลสยามในขณะนั้นไม่ได้รับรอง แต่ไม่ได้ทักท้วงความถูกต้องของแผนที่ดังกล่าว

ในปี พ.ศ. 2483 ประเทศฝรั่งเศสแพ้สงครามต่อประเทศเยอรมนี ในสงครามยุโรป ทำให้แสนยานุภาพทางทหารทั่วโลกลดลง จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้ยื่นข้อเสนอเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในสมัยรัชกาลที่ 5 คืนจากฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสปฏิเสธและมีการเคลื่อนไหวทางทหาร ที่ทำให้เกิดสงครามพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสขึ้นในปี พ.ศ. 2484 ประเทศไทยได้รับชัยชนะในการรบตลอด 22 วัน กระทั่งประเทศญี่ปุ่นที่เป็นมหาอำนาจในขณะนั้นเสนอตัวเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย และฝรั่งเศสได้ตกลงคืนจังหวัดไชยบุรี จำปาศักดิ์ เสียมราฐ และพระตะบองให้กับไทย ตาม อนุสัญญาโตเกียว ทำให้ปราสาทพระวิหารกลับมาอยู่ในดินแดนไทยอย่างสมบูรณ์

ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลไทยประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ขณะที่ประเทศไทยต้องรักษาสถานะตัวเองไม่ให้เป็นฝ่ายแพ้สงครามตามญี่ปุ่น และต้องการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ จึงตกลงคืนดินแดน 4 จังหวัดให้ฝรั่งเศส ทำให้ปราสาทพระวิหารกลับไปอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 ฝรั่งเศสแพ้สงครามต่อเวียดนามที่เดียนเบียนฟู ต้องถอนทหารออกจากอินโดจีน ประเทศกัมพูชาได้รับเอกราชตามสนธิสัญญาเจนีวา และไทยได้ส่งทหารเข้าไปยึดบริเวณปราสาทพระวิหารอีกครั้ง

ภายหลังกัมพูชาได้รับเอกราช เจ้านโรดมสีหนุ กษัตริย์กัมพูชาสละราชสมบัติเข้าสู่การเมือง ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศเรียกร้องให้ไทยคืนปราสาทพระวิหาร ไทยไม่ยอมรับ เจ้านโรดมประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501

ต่อมา วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 เจ้านโรดมสีหนุได้ฟ้องร้องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลโลก ให้ไทยคืนปราสาทพระวิหาร

ฝ่ายไทยต่อสู้คดีโดยมี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช กับคณะรวม 13 คน เป็นทนายฝ่ายไทย

ฝ่ายกัมพูชามีนายดีน แอจิสัน เนติบัณฑิตแห่งศาลสูงสุด อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เป็นหัวหน้าคณะ กับพวกอีกรวม 9 คน

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินว่า “กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร” ด้วยเสียง 9 ต่อ 3

ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินแล้ว 20 วัน รัฐบาลไทยโดย ดร.ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือไปยัง นายอูถั่น เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อประท้วงคำพิพากษาของศาลโลก และสงวนสิทธิที่ประเทศไทยจะเรียกร้องปราสาทพระวิหารกลับคืนในอนาคต

ตามกฎหมายระหว่างประเทศ คำตัดสินของศาลโลกเป็นที่สิ้นสุด การจะนำคดีกลับขึ้นมาพิจารณาใหม่ทำได้ ถ้ามีหลักฐานใหม่ และต้องทำภายในสิบปี

หลังไทยเสียปราสามพระวิหารให้เขมรไม่ไม่นาน กัมพูชาเกิดสงครามกลาง ปราสาทพระวิหารเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเพียงช่วงสั้น ๆ ในปี พ.ศ. 2535 ได้ถูกเขมรแดงเข้าครอบครองและปิดการท่องเที่ยว จากนั้นก็เปิดอีกครั้งจากฝั่งประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2541

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2548 สมัยนายกฯ ฮุน เซน กัมพูชาได้เสนอต่อองค์การยูเนสโก ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก อย่างเป็นทางการ

วันที่ 30 มกราคม 2549 ศูนย์มรดกโลกของยูเนสโกที่ปารีสขอให้กัมพูชายื่นเอกสารใหม่เกี่ยวกับเขตกันชนของปราสาท และมีคำแนะนำให้ร่วมมือกับฝ่ายไทย

พ.ศ. 2550 กัมพูชายื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารอีกครั้ง ขณะที่ไทยยื่นบันทึกช่วยจำต่อเอกอัครราชทูตกัมพูชา และเสนอขึ้นทะเบียนร่วม (transboundary property) แต่คณะกรรมการมรดกโลกสากลมีมติเลื่อนการขึ้นทะเบียนออกไป โดยให้ไทย-กัมพูชาร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

ในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนตามคำขอของกัมพูชาให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เฉพาะเพียงตัวปราสาทเท่านั้น โดยผ่านเกณฑ์การพิจารณาข้อ (i) เพียงข้อเดียว[33]

วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้นำประเด็นนี้มาโจมตีเพื่อขับไล่นายนพดล ปัทมะ ให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเท เหตุการณ์นี้พัฒนาไปสู่ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาอีก

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 สมัยนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทหารไทยกับเขมรได้ใช้ปืนใหญ่ยิงปะทะกัน บริเวณรอบๆตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งต่างก็โทษอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กัมพูชาได้ยื่นจดหมายถึงสหประชาชาติ ความว่า “พฤติการณ์ล่าสุดของทหารไทยได้ละเมิดข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 กฎบัตรสหประชาชาติ และคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พ.ศ. 2505″

วันที่ 28 เมษายน 2554 กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อ “ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ” เพื่อขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร 15 มิ.ย.2505 ให้ชัดเจน

และในวันเดียวกัน เขมรได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการชั่วคราว เพื่อคุ้มครองสิทธิของเขมร

วันที่ 18 กรกฎาคม 2554 ศาลออกคำสั่งกำหนดวิธีการชั่วคราว ก่อนจะมีการตัดสินคดี ซึ่งคำสั่งประกอบด้วย

ให้ไทยกับเขมรถอนทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง และไทยจะต้องไม่ขัดขวางการเข้าพื้นที่ของประชาชนเขมร แล้วศาลได้ขีดเส้นเขตปลอดทหารใหม่ขึ้นมาเป็น 27 ตารางกิโลเมตร จากเดิมที่ไทยอ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร

วันที่ 15-18 เม.ย.2556 ศาลโลกเปิดพิจารณาคดี ให้ไทยกับเขมรส่งผู้แทนไปเบิกความปากเปล่าในศาลเฮก และศาลนัดวันอ่านคำพิพากษาในวันที่ 11 พ.ย.2556

 

ที่มา http://www.banmuang....จำคนไทยก่อนคำต/


  • wat likes this
การเมืองไม่ใช่เพื่อกลุ่มใด แต่เพื่อทุกคนในประเทศ

#2 ryukendo

ryukendo

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,383 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:30


Edited by ryukendo, 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:31.

บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะทำพังแล้วร้องไห้ขออันใหม่

#3 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:32

ผมเชื่อว่าศาลโลกจะไม่ตัดสินแบบเด็ดขาด

แต่ตัดสินให้ 2 ประเทศกลับไปสภาพเดิมก่อนขึ้นศาลครับ  แล้วก็หาทางเจรจากันอีกที


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#4 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:01

การให้ปากคำของไทย ผมว่าทำได้ดีเท่าที่จะทำได้แล้ว ถ้าคณะลูกขุนไม่เล่นการเมือง ว่าตามเนื้อหา ไทยไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน



#5 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:59

ไทยเสียเปรียบเมื่อไหร่

เสื้อเหลืองจะออกมาด่า มาร์คขายชาติทันที

ถ้าไทยได้เปรียบ เสื้อเหลืองก็ด่า

มาร์คขายชาติอยู่ดี

 

 

-----------

ส่วนเสื้อแดง น่าจะมีป้ายขอบคุณ "ฮุนเซ็น"

ที่ได้แผ่นดินไทยไปครอบครอง



#6 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:24

รัฐบาลนี้มันแก้กฎหมาย มาตรา 190 มารองรับการแบ่งผลประโยชน์กันในพวกพร้องของมันแล้วครับ ต่อไปมันไปเจรจาเรื่องพลังงาน ก็ปกปิดหมกเม็ดได้แล้ว 



#7 อาวุโสโอเค

อาวุโสโอเค

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,790 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:26

เค้าลางตุ ๆ ครับ แต่ไม่กล้ายืนบัน แต่คงจะต้องถึงได้เลือดมั้งครับงานนี้ ไม่งั้นพวกไอ้แม้วไม่ยอมถอย  -_-


การเมืองไม่ใช่เพื่อกลุ่มใด แต่เพื่อทุกคนในประเทศ




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน