Jump to content


Photo
- - - - -

หลักสูตร ป.1 - ม.6 ใหม่ เด็กไทยอาจได้ใช้จริงปีหน้า


  • Please log in to reply
28 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:44

แต่! ขอบอกว่านี่้ยังเป็นแค่ร่างหลักสูตรนะครับ ยังไม่ใช่หลักสูตรสมบูรณ์จริงๆนะครับ

 

         สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนเลยก็คือ  หลักสูตรขั้นพื้นฐาน หมายถึงหลักสูตรตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 6

 โดยไม่นับรวมหลักสูตรปฐมวัย (อนุบาล)และหลักสูตรสายอาชีพที่เพิ่งมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรเรียบร้อยไปแล้ว


     เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีการประชุมเรื่องการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ เบื้องต้นทราบว่าหลักสูตรใหม่นี้จะแบ่งการจัดการศึกษาทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาออกเป็น 6 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่ 

  1. กลุ่มภาษาและวรรณกรรม
  2. วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
  3. ชีวิตกับโลกของงาน
  4. เทคโนโลยีสารสนเทศ
  5. สังคมและความเป็นมนุษย์ 
  6. โลก ภูมิภาคและอาเซียน
pavich0101.jpg



       และจะปรับลดชั่วโมงเรียนในห้องเรียนเหลือ 600 ชั่วโมงต่อปี และเรียนนอกห้องเรียน 400 ชั่วโมงต่อปี จากเดิมที่เรียน 1,000 - 1,200 ชั่วโมงต่อปี
    โดยจะใช้หลักสูตรใหม่นี้นำร่องในโรงเรียนทุกสังกัด ทั้งโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน โรงเรียนส่วนบริหารท้องถิ่น และโรงเรียนสาธิตต่างๆ โดยเริ่มใช้กับนักเรียนชั้น ป.1 ป. 4 ม.1 และม.4 ก่อนที่จะขยายไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป ตามข่าวคาดว่าหลักสูตรจะเสร็จพร้อมนำร่องใช้ในปีหน้า (2557) นี้
 
       
        หลักสูตรใหม่จะเน้นเน้นทักษะคณิตศาสตร์ ไทย อังกฤษ เป็นพื้นฐานให้นักเรียน ป.1 - 2 ก่อน
        ส่วน ป.3 ขึ้นไปจะเน้นเรียนเป็นกลุ่มสาระวิชา และมัธยมปลายเน้นเจาะลึกแต่ละวิชามากขึ้น มีแยกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และอื่นๆ เพื่อเป็นพื้นฐานต่อมหาวิทยาลัยได้  มีการเรียนการสอนบูรณาการแบบโครงการ ทั้งด้านสังคม ศาสนา และวิทยาศาสตร์ สอนการใช้เทคโนโลยีให้เป็น  เน้นทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นมากขึ้น มีทักษะการงานอาชีพมากขึ้น ม.6 ก็จะใช่ต่อ ปวส.ได้ด้วย  คือเน้นมีวิชาทักษะชีวิตมากขึ้น ไม่เน้นเรียนแต่วิชาการที่โตไปก็ลืมนั่นเอง
 
   
         อย่างกลุ่มโลก ภูมิภาคและอาเซียน ก็จะมีการวางแผนการเรียนวิชาประวัติศาสตร์กันใหม่  ลดความขัดแย้งระหว่างชาติ ไม่เข้าข้างตัวเอง  นอกจากเรื่องหลักสูตรแล้ว ตำราเรียนต่างๆ ก็จะค่อยๆ ปรับตามอีกด้วย

            สรุปได้ว่า หลักสูตรใหม่นี้จะมีแค่ 6 กลุ่มสาระ เวลาเรียนในห้องเรียนลดลง จะได้เรียนแค่ประมาณ 5 - 6 คาบต่อวัน และได้เรียนแบบบูรณาการหลายทักษะในวิชาเดียวมากขึ้น ได้ทำโครงการ/โครงงาน และได้เรียนทักษะการงานอาชีพมากขึ้นด้วย

 

ถอดความจาก http://www.dek-d.com/education/32354/

      



#2 idecon

idecon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,580 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:49

เรียนนอกห้องเรียน 400 ชม
ตกปีละเดือนครึ่ง
ในกทม
จะให้เด็กไปไหนครับ

ถ้าคิดไม่ออก ก็ให้หยุดอยู่บ้านก็ได้ครับ
ลูกผม ผมรับผิดชอบเองได้

#3 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:50

ผมกำลัง งง อาเซียนมันสำคัญขนาดแยกไปเป็นสาระวิชา 1 สาระเลยหรือ?

 

วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  รวมกันได้

 

แต่  อาเซียน แยกต่างหาก

 

สำคัญ?

 

ร่างนี้ทำผม งง และแปลกใจ  จริงๆหลายคนบอกว่าของจริงไม่ใช่แบบนี้(หลังมีปัญหานาฎศิลป์)  แต่ผมเชื่อว่านี้คือร่างจริงและคงไม่เปลี่ยนจากนี้มาก

 

เพราะเรียบเรียงเรียบร้อยแล้ว  หากไม่มีปัญหาเรื่อง นาฎศิลป์ คงเลยตามเลยไปแล้ว



#4 Kyubey

Kyubey

    รับสมัครสาวน้อยเวทมนตร์หลายอัตรา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,482 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 00:04

ส่วนตัวผมเห็นด้วยนะครับ โลกและภูมิภาคอาเซียน เพราะยังไงเมื่อเปิดการค้าในกลุ่มอาเซียนแล้ว หลายๆ อย่างต้องเปลี่ยนไปแน่นอน

ส่วนเรื่องการเรียน น่าจะเรียนวิชาการช่วงเช้า เพราะช่วงเช้าวิชาการจะเข้าสมอง ส่วนตอนบ่ายเข้ากิจกรรมชมรม น่าจะดี

/人◕ ‿‿ ◕人\


╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\

╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\

ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!


#5 idecon

idecon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,580 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 00:12

เรียนท่าน จขกท ครับ
ถ้าท่านมีลูกกำลังเรียนอยู่
ผมว่าเรามาร่วมออกความคิดเห็นกันได้
โดยไม่ต้องคำนึงถึงนโยบายของ ศธ

ในฐานะที่ผมมีลูก 2 คน
คนโต ม2
ผลงาน
onet ป6 คณิตศาสตร์ 100 คะแนนเต็ม
ภาษาอังกฤษ ระดับ A ของหลักสูตร ep
วิทยาศาสตร์ B กลางๆ
สังคม c
ภาษาไทย ตกทุกเทอม ครับ

การที่เราจะให้เด็กเก่งภาษาอังกฤษ
ไม่ใช่ด้วยการเพิ่มเรียนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น
แต่เป็นการส่งเสริมให้เด็กใช้ภาษาอังกฤษให้มากขึ้น
ต่างกันอย่างไร

ในชั้นเรียนลูกผมเป็น ep
ถ้าวัดที่ผลการสอบ
เด็ก ep ไม่ได้คะแนนเป็น่ี่ 1 ในการสอบวิชาภาษาอังกฤษ
เด็กที่ได้ 100 คะแนนเป็นเด็กภาคสามัญ
แต่ไม่มีคะแนนการวัดผลด้านการเขียนรายงานภาษาอังกฤษ

ใครมีความเห็นอย่างไร ขอเชิญครับ

#6 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 00:58

ตกลงกระทรวงก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเด็กจะเก่งจะดีได้เป็นเพราะหลักสูตร ผมล่ะเซ็งกับกระทรวงจริงๆ

จะปรับเปลี่ยนกี่รอบ ผมก็ไม่เห็นเนื้อหาการเรียนจะต่างไปจากเดิมตรงไหน มีแต่ความวุ่นวาย ความสับสนมาสู่ครูผู้สอนกับนักเรียน

 

หัดถามครูบ้างว่าต้องการได้รับการสนับสนุนด้านไหนเพื่อให้สอนได้ดีขึ้น

หัดถามนักเรียนบ้างว่า อยากได้บรรยากาศการเรียนแบบไหน 



#7 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 07:28

ผมไม่แน่ใจว่า การลดเวลาเรียนคือคำตอบไหม

 

เพราะความจริงคือหากเอาเด็ก กทม การลดเวลาเรียนคือการเพิ่มเวลาเรียนพืเศษ

 

ส่วนเด็กต่างจังหวัดคำถามน่าสนใจของแนวคิดคือศึกษาด้วยตัวเองมากขึ้นศึกษาที่ไหน? อินเตอร์เน็ตคือแหล่งศึกษาค้นคว้าที่ดีที่สุดจริงๆเหรอ?

 

ผมจำคลิปเก่าๆคลิปหนึ่งที่อาจาร์ยให้นักเรียนทำรายงาน แล้วรายงานที่ส่กลับมาทุกฉบับเหมือนกันเพราะค้นจากแห่งเดียวกันคือ Google...........

 

เรียนน้อยลง  ศึกษามากขึ้น  อาจสวยหรูในทางทฤษฎี แต่การปฎิบัติมีคำถามมากๆ



#8 Bourne

Bourne

    สายลับ ๆ ล่อ ๆ หัดเกรียน

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,471 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 08:18

เชื่อมั้ยว่า ถ้าอิปูว์นัลาออก เด็กไทยและการศึกษาไทยจะพัฒนาขึ้นมากกว่า 10% ทันที

ทุกวันนี้เด็กไทยโง่ลง เพราะเห็น พฤติกรรมที่ไม่ใช้สมอง หรือมีสมองแต่ไม่ใช้ ของนังยกกระหรี่ทุกวัน


ภาระกิจหลักของผมบนบอร์ดเสรีไทย คือ ด่าควายครับ เรื่องคิดต่างผมรับได้ แต่เรื่องคิดชั่วผมรับไม่ไหวครัช

#9 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:35

 หลักสูตรใหม่จะเน้นเน้นทักษะคณิตศาสตร์ ไทย อังกฤษ เป็นพื้นฐานให้นักเรียน ป.1 - 2 ก่อน
        ส่วน ป.3 ขึ้นไปจะเน้นเรียนเป็นกลุ่มสาระวิชา และมัธยมปลายเน้นเจาะลึกแต่ละวิชามากขึ้น มีแยกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และอื่นๆ เพื่อเป็นพื้นฐานต่อมหาวิทยาลัยได้  มีการเรียนการสอนบูรณาการแบบโครงการ ทั้งด้านสังคม ศาสนา และวิทยาศาสตร์ สอนการใช้เทคโนโลยีให้เป็น  เน้นทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นมากขึ้น มีทักษะการงานอาชีพมากขึ้น ม.6 ก็จะใช่ต่อ ปวส.ได้ด้วย  คือเน้นมีวิชาทักษะชีวิตมากขึ้น ไม่เน้นเรียนแต่วิชาการที่โตไปก็ลืมนั่นเอง
 
 
ตัวสีแดง ผมไม่เห็นด้วยครับ เด็ก ป.3 ควรจะเรียนเน้นในเรื่องการอ่าน เขียนมากกว่า เพราะมันจะพื้่นฐานมากกว่า ที่จะเน้นกลุ่มวิชาสาระ
 
ตัวสีน้ำเงินผมเห็นด้วยนะ แต่ควรที่ปรับพื้นฐาน แต่ก้อไม่ควรที่จะทิ้งเรืองวิชากลุ่มภาษาเหมือนกัน เพราะมันต้องใช้เยอะ

ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#10 จีรนุช

จีรนุช

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,934 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:54

จบมหาวิทยาลัยดังๆก็โง่ได้  เพราะมันผิดพลาดที่้ไม่สอนเด็กให้เป็นคนกัน เเต่สอนให้เป็นเครื่องคิดเลขเเทน

 

ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าทางรอดของประเทศคือการนำวิชาศาสนากลับเข้ามาให้เด็กเรียน  สอนให้หมดทุกศาสนาเลย

 

ต้องสร้างเด็กให้มีนิสัยรักการอ่าน พอเด็กมันอยากอ่าน เรียนอะไรมันก็ได้  ความขยัน ความรับผิดชอบต่อหน้าที่  จะให้โรงเรียนทำอย่างเดียวคงไม่ได้ มันต้องปลูกฝังจากที่บ้าน


รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ

เอียนวะ   เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง


#11 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:59

จบมหาวิทยาลัยดังๆก็โง่ได้  เพราะมันผิดพลาดที่้ไม่สอนเด็กให้เป็นคนกัน เเต่สอนให้เป็นเครื่องคิดเลขเเทน

 

ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าทางรอดของประเทศคือการนำวิชาศาสนากลับเข้ามาให้เด็กเรียน  สอนให้หมดทุกศาสนาเลย

 

ต้องสร้างเด็กให้มีนิสัยรักการอ่าน พอเด็กมันอยากอ่าน เรียนอะไรมันก็ได้  ความขยัน ความรับผิดชอบต่อหน้าที่  จะให้โรงเรียนทำอย่างเดียวคงไม่ได้ มันต้องปลูกฝังจากที่บ้าน

 

คิดดูครับ สมัยก่อนตอนผมเรียน อ่ะ ต้องนั่งท่องสูตรคูณ ต่าง ๆ ท่องนั่นท่องนี่

 

ตอนนี้มีคอม มีแท็บแล๊ต เด็กแค่เอามือกดอย่างเดียวเลย


Edited by พอล คุง, 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:59.

ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#12 Majestic

Majestic

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,509 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:59

    กลุ่มภาษาและวรรณกรรม
    วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
    ชีวิตกับโลกของงาน
    เทคโนโลยีสารสนเทศ
    สังคมและความเป็นมนุษย์
    โลก ภูมิภาคและอาเซียน

 

อ่านหัวข้อตรงนี้แล้วประหลาด
ถ้าจะแบ่งในความเห็นผมนะ
1. กลุ่มภาษา และวัฒนธรรม ประกอบไปด้วย ไทย อังกฤษ ชาติอาเซี่ยน และที่เห็นสมควร
2. วิทยาศาสตร และเทคโนโลยี
3. คณิตศาสตร์
4. สังคม ประวัติศาสตร์ ศาสนา จริยธรรม สิทธิหน้าที่พลเมือง
5. การงานพื้นฐานอาชีพ พวกวิชา เกษตร คหกรรม งานช่างต่างๆ
6. กีฬา สันทนาการ ดนตรี ศิลปะ

 

เรื่องชาติอาเซี่ยน อยู่ในกลุ่มที่ 1 กับ 4 แทรกๆ เข้าไปก็น่าจะโอเคอยู่

ปัญหาของการเรียนไทยคือ เรียนเยอะ แต่เน้นท่องจำเกินไป เรียนเพื่อสอบ จบแล้วก็ลืม

แต่เราต้องการเรียนแล้วเข้าใจตัววิชานั้นมากกว่า และสามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงได้ต่างหาก


Edited by Majestic, 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:03.


#13 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:39

ระบบ "ควาย เซ็นเตอร์" กำลังจะกลับมา

 

คุยกับคุณครูฝ่ายวิชาการที่ รร.

เขาบอกว่า ต่อไปนี้ จะเน้นการให้เด็กออกไปค้นคว้า หาข้อมูลเอง

ทำรายงานแล้วออกมานำเสนอหน้าชั้น

ครูไม่มีหน้าที่สอนให้ท่องจำ

ที่เคยสอนตามบทเรียนในหนังสือจะลดลง

ครูทำหน้าที่ไกด์เด็ก ตรวจสอบข้อมูลรายงานของเด็ก เป็นหลัก

เป็นระบบ "child center" :blink: :blink:

 

เราถกเถียงกับครูท่านนี้ว่า เด็กจะเรียนรู้เรื่องได้อย่างไร ในเมื่อ

 

1 พื้นฐานเด็กต้องประกอบด้วยการรู้จัก รู้จำ เข้าใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุป เชื่อมโยง ประเมิน

เด็กไม่รู้จัก ไม่รู้จำ เพราะครูไม่เน้นการท่องจำอีกต่อไป แต่ดันข้ามไปที่วิเคราะห์ สงเคราะห์ (ควรแก้ด้วยการต่อยอดระบบขึ้นไป  ไม่ใช่ล้มระบบท่องจำ)

เพราะผู้ใหญ่มัวแต่คิดว่า เด็กไทย ดีแต่ท่องจำ ไม่รู้จักวิเคราะห์ สังเคราะห์ เลยแพ้ชาติอื่น

เลยข้ามขั้นตอนการเรียนรู้ซะ

ต่อไปเด็กประถม คงไม่เน้นการท่องสูตรคูณ เพราะเป็นการท่องจำ

นักเรียนไปทำรายงานเรื่องการคูณเลขมาส่งครู เสร็จแล้วก็ได้คะแนนว่าได้เรียนรู้เรื่องการคูณเลขแล้ว

 

2 เด็กหาข้อมูลทางเน็ต เท่ากับให้เด็กเป็นนัก  ctrl+c ctrl+v

ตัดแปะรายงานจากกูเกิ้ลมาส่ง

โดยไม่ได้อ่านเนื้อหา

แล้วการเรียนรู้จะเกิดเมื่อใด

 

3 กลับกัน เรื่องๆหนึ่งมีขอบเขตการค้นคว้าหลายระดับ

สมมติ เรื่องประวัติศาสตร์ยุครัตนโกสินทร์ เด็กประถมก็มีขอบเขตเนื้อหาแค่ผิวเผิน

เด็กมหาวิทยาลัย ก็ค้นคว้าเชิงลึก

แต่การที่ครูประถมให้เด็กไปหาข้อมูลมา เมือเด็กเจอข้อมูล ก้ไม่รู้ว่า จะต้องตัดเอามาแค่ไหน

บางช่วง อ่านแล้วยากเกินระดับสติปัญญาจะเข้าใจ เด็กจะทำไง

วิธีแก้ปัญหาของเด็ก คือ ตัดแปะเอาไว้ให้รายงานดูเยอะๆ หนาๆ โดยหวังว่า คะแนนจะแปรผันตามจำนวนหน้าที่ส่งครูไป

 

4 ครูบอกว่า เมื่อเด็กทำรายงานมา ครูจะเอามาถามมาแชร์ข้อมูลในห้องเรียน

เท่ากับว่า เด็กเป็นผู้กำหนดขอบเขตเนื้อหาการเรียนโดยไม่รู้ตัว

เด็ก 1 คน จะไม่ได้รับการมอบหมายให้ทำรายงานเนื้อหาการเรียนทั้งบท

แต่จะแบ่งเป็นหัวข้อย่อย

ส่วนที่ตัวเองได้รับมอบหมายมา ก็ไม่รู้เรื่องเพราะตัดแปะ

ส่วนที่เพื่อนหามายิ่งแล้วใหญ่ ถ้าเด็กไม่ไปเรียนรู้เอง จะไม่ได้อะไรเลย

ครูเอามาเนื้อหาทั้งหมดมาสรุปในห้อง เรียน

แล้วถ้าสิ่งที่ครูต้องการเน้นย้ำ ดันไม่มีในรายงานทีเด็กตัดแปะมา

ครูจะทำไง
เพื่อให้เด็กได้ความรู้ตามที่ควรจะเป็น ก็ต้องมีการสอนพิเศษนอกเวลา

เด้กเองเมื่ออยากได้ความรู้ ก็ต้องเข้าไปเรียนพิเศษ

รร กวดวิชา จงเจริญ!!!

 

5 เด็กที่ำไม่ีมีอินเตอร์เน็ตทำไง

ตอนนี้ครูบอก นร. ทุกคนให้เตรียมพร้อม ด้วยการบอกพ่อแม่ให้เตรียมไว้ เผื่อปีการศึกษาหน้า

เด็กในกรุง ในเมืองใหญ่ มีอยู่แล้ว ใช้งานเป็นกันแทบทุกคน

เด็กตาม ชนบท ทำไง???

 

 

ระบบ คว้าย ควาย แบบนี้ ครูวิชาการที่ รร. ภูมิใจนำเสนอผู้ปกครองว่า เป็น ผลงานล้ำเลิศของ "ท่านจาตุรนต์ ฉายแสง รมว ศึกษาธิการ" (ครูเรียกว่า ท่านจาตุรนต์ทุกครั้งที่เอ่ยถึง)

 

ตอนนี้ ตัวเองกำลังพิจารณา ให้เด็กที่บ้าน เรียน home school  หรือไม่ก็ ไปเรียน รร อินเตอร์ไปเลย

ไม่งั้น ก็ต้องเรียนพิเศษ ตามกระแสสังคม

ตัดปัญหาการเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงตามใจ นักการเมือง และนักการศึกษาที่คิดเองไม่เป็น ได้แต่ลอกชาติโน้นชาตินี้เอามาจับยัดใส่ให้เด็กไทยตกต่ำลงทุกวันๆ



#14 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:52

ตอนนี้ ตัวเองกำลังพิจารณา ให้เด็กที่บ้าน เรียน home school  หรือไม่ก็ ไปเรียน รร อินเตอร์ไปเลย

ไม่งั้น ก็ต้องเรียนพิเศษ ตามกระแสสังคม

ตัดปัญหาการเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงตามใจ นักการเมือง และนักการศึกษาที่คิดเองไม่เป็น ได้แต่ลอกชาติโน้นชาตินี้เอามาจับยัดใส่ให้เด็กไทยตกต่ำลงทุกวันๆ

................................................................................................................................

 

มุมมองของผม สนใจ Home shool ครับ

 

เกี่ยวกับหลักสูตรที่เรียนนี่ผมว่า กระทรวงศึกษาฯ น่าไปถามผู้เรียนโดยตรงดีกว่าครับ เด็กๆเดี๋ยวนี้ความคิดอ่านเขาไปไกลกว่าเราเยอะ

 

ห่างจากการเรียนมาหลายสิบปีแล้วนี่ ไม่เข้าใจเท่าไหร่แล้ว


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#15 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:53

พูดถึงเรื่อง เรียนเอง แหม ยกตัวเอง ซะหน่อย

 

ก็กำลัง เรียนเอง อยู่เหมือนกัน อะครับ

 

 

ต้องบอกว่า ต้องขยัน และ เตือน ตัวเอง เสมอ อะครับ

 

เพราะความขี้เกียจ จะมาเยือน ตลอด ๆ อะครับ

 

และโดยเฉพาะ เวลา คุณครู ไม่อยู่

 

พอสงสัย จะถามใคร พอเจอจุด งง ๆ จะเอาไงต่อ

 

 

ผมใช้วิธี ลุย ดุ่ย ๆ อย่างนั้น งง บ้าง อะไรบ้าง

 

ก็อ่านซ้ำไป ซ้ำมา บ้าง เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น

 

บางที ก็ทำความเข้าใจเองเลย จะถูก หรือเปล่า ไม่รู้

 

บางที ก็ผิดไปเยอะ จาก แก่นของเรื่อง ก็มี

 

 

ต้องบอกว่า มันมีเรื่อง ชวนท้อ เรียกว่า เต็มสวน ลูกท้อ อะครับ

 

แต่ ผมไม่อยาก เลิกเรียน เพราะมันเหมือน

 

เป็น สิ่งที่ทำให้ ชีวิต เช้าชาม เย็นชาม มันมี สีสัน ขึ้นมาบ้าง

 

 

ดังนั้น ถึง จะปวดหัว (โดยเฉพาะ ตอนเรียน คณิต 3 D )

 

แต่ก็พยายาม เรื่อย ๆ ยังไง ก็ต้องอ่าน ทุกวัน อะครับ

 

ถ้าขาดไปวันหนึ่ง มันเหมือน เลิกชาร์ต แบตเตอรี่ อะครับ

 

เดี๋ยวหยุด อ่านไปดื้อ ๆ

 

 

คือ จะสรุปว่า มันต้องมีความพยายาม อย่างมาก

 

แล้วห้ามท้อ ห้ามหยุด ด้วย ไม่งั้น

 

สิ่งที่ตั้งใจไว้ มันก็ไม่มีทาง จะทำได้ อะครับ

 

 

ทุกวันนี้ ผมต้อง พยายามคิดให้ได้ว่า สามเหลี่ยม

 

เส้นตรง มุม เส้นตั้งฉาก พวกนี้

 

มันเป็นพี่น้อง ที่ผม ต้องมา พูดคุย ทำความเข้าใจ

 

ไม่งั้น จะเื่บื่อหน้า มัน ค่อนข้างแน่ อะครับ

 

 

อยากฝาก กระทรวงศึกษา ด้วย

 

อยากใช้วิธี เรียนเอง ระวัง หน่อย

 

ถ้าเด็กมัน เจอ สวนลูกท้อ แบบผม

 

มันจะมี สักกี่คน ที่จะยัง ลุยดุ่ย แบบ

 

เข้าป่า ไม่กลัว งง แบบผม บ้าง

 

ทำอะไร ชั่งผลดี ผลเสีย ก่อนนะครับ

 

 

เด็ก ทุกคน ใช่ว่า จะมีพรสวรรค์ และ

 

ความตั้งใจ ไปเสียหมด


Edited by ทรงธรรม, 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:54.

ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#16 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:03

 

ตอนนี้ ตัวเองกำลังพิจารณา ให้เด็กที่บ้าน เรียน home school  หรือไม่ก็ ไปเรียน รร อินเตอร์ไปเลย

ไม่งั้น ก็ต้องเรียนพิเศษ ตามกระแสสังคม

ตัดปัญหาการเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงตามใจ นักการเมือง และนักการศึกษาที่คิดเองไม่เป็น ได้แต่ลอกชาติโน้นชาตินี้เอามาจับยัดใส่ให้เด็กไทยตกต่ำลงทุกวันๆ

................................................................................................................................

 

มุมมองของผม สนใจ Home shool ครับ

 

เกี่ยวกับหลักสูตรที่เรียนนี่ผมว่า กระทรวงศึกษาฯ น่าไปถามผู้เรียนโดยตรงดีกว่าครับ เด็กๆเดี๋ยวนี้ความคิดอ่านเขาไปไกลกว่าเราเยอะ

 

ห่างจากการเรียนมาหลายสิบปีแล้วนี่ ไม่เข้าใจเท่าไหร่แล้ว

 

 

โฮมสคูล บ้านเรา ผู้ปกครองต้องมีความพร้อมมาก ถึงมากที่สุดค่ะ

ข้อเสียที่มีคือ เด็กจะขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเดียวกัน ขาดการอยู่ในสังคม

ซึ่งการมีเพื่อนที่ไม่ดี เกเร ก็ถือเป็นข้อดีในการให้เด็กได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม

โฮมสคูล ขาดในจุดนี้

ตอนนี้เราจึงยังต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนค่ะ

 

แก้ไขคำผิด


Edited by asawinee, 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:03.


#17 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:28

 

 

ตอนนี้ ตัวเองกำลังพิจารณา ให้เด็กที่บ้าน เรียน home school  หรือไม่ก็ ไปเรียน รร อินเตอร์ไปเลย

ไม่งั้น ก็ต้องเรียนพิเศษ ตามกระแสสังคม

ตัดปัญหาการเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงตามใจ นักการเมือง และนักการศึกษาที่คิดเองไม่เป็น ได้แต่ลอกชาติโน้นชาตินี้เอามาจับยัดใส่ให้เด็กไทยตกต่ำลงทุกวันๆ

................................................................................................................................

 

มุมมองของผม สนใจ Home shool ครับ

 

เกี่ยวกับหลักสูตรที่เรียนนี่ผมว่า กระทรวงศึกษาฯ น่าไปถามผู้เรียนโดยตรงดีกว่าครับ เด็กๆเดี๋ยวนี้ความคิดอ่านเขาไปไกลกว่าเราเยอะ

 

ห่างจากการเรียนมาหลายสิบปีแล้วนี่ ไม่เข้าใจเท่าไหร่แล้ว

 

 

โฮมสคูล บ้านเรา ผู้ปกครองต้องมีความพร้อมมาก ถึงมากที่สุดค่ะ

ข้อเสียที่มีคือ เด็กจะขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเดียวกัน ขาดการอยู่ในสังคม

ซึ่งการมีเพื่อนที่ไม่ดี เกเร ก็ถือเป็นข้อดีในการให้เด็กได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม

โฮมสคูล ขาดในจุดนี้

ตอนนี้เราจึงยังต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนค่ะ

 

แก้ไขคำผิด

 

เห็นด้วยครับ  :)

 

เป็นแนวทางที่อยากให้ลองพิจารณาดู ทุกโครงการที่เริ่มใหม่เรามักใช้โครงการ นำร่อง ต้นแบบ ได้ 

 

แล้วนำข้อดี เสียมาแก้ ปรับใช้ 

 

การเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบเสมอครับ


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#18 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:31

อนาคตเด็กไทย



#19 numkorat

numkorat

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,118 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:33

เรียนนอกห้องเรียน 400 ชม
ตกปีละเดือนครึ่ง
ในกทม
จะให้เด็กไปไหนครับ

ถ้าคิดไม่ออก ก็ให้หยุดอยู่บ้านก็ได้ครับ
ลูกผม ผมรับผิดชอบเองได้

 

กระทรวงศึกษามี นโยบาย ไปเรียนรู้ที่วัดจานบินครับ เพื่อพัฒนาสมองเด็กไทยหลักสูตรนี้จับต้องได้..


ปริมาณมิได้บ่งบอก รอยหยักของ สมอง

#20 ปอเปี๊ยะสด

ปอเปี๊ยะสด

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 29 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:40

สอนอยู่เหมือนกันค่ะ ให้เด็กไปค้นคว้่าเหมือนกัน ทำมาหลายปีแล้ว ตั้งข้อสังเกตได้ว่า 1.มีเด็กอยู่ประมาณ 25%. จะอ่านในเรื่องที่ค้นคว้าได้ดี เข้าใจถามตอบได้ วิเคราห์ประเด็นได้ เด็กกลุ่มนี้คือพื้นฐานดี กลุ่มเรียนเก่ง มีอินเตอร์เน็ตใช้งาน ครอบครัวดีทีเดียว 2.เด็ก 50%. กลุ่มนี้กลุ่มกลาง คือสืบค้นข้อมูลได้ แต่วิเคราะ์ยงไม่ค่อยดี สังเคราะห์ไม่ต้องพูดถึง เพราะได้ที่ระดับจับมาคัดลอก วาง เท่านั้น แต่ก็ยังทำงานมาส่งค่ะ กลุ่มนี้หลายคนมีอินเตอร์เน็ต หลายคนไม่มีก็หาที่รร บ้าง ขอทำแบบกลุ่มบ้าง 3.เด็กอีก 25%. ที่เหลือเนี่ย จัดอยู่กลุ่มอ่อน คือวิเคราะห์ไม่ค่อยเป็นต้องใช้คำถามหลายรูปแบบหน่อย และอีกพวกคือไม่มีอินเตอร์เน็ต และอีกพวกคือไม่มีความรับผิดชอบ คือชั้นไม่ทำอ่ะ ไม่ทำเลยค่ะ
คือเข้าใจว่าเค้าต้องการให้กระบวนการสอนนั้นเน้นให้เด็กคิดมากขึ้น มันทำได้ค่ะ แต่ผลลัพธ์ อาจไม่ดีนัก เพราะเด็กแต่ละคนปัจจัยมีมาไม่เหมือนกัน บางคนสอนให้รับผิดชอบทำอะไรตั้งแต่เด็ก บางคนพ่อแม่ไปทำงานส่งเงินแต่ให้ลูกเรียน ไปเยี่ยมบ้านยังบอกว่่า ให้ครูชวยสอนเรื่องมารยาทการพูดจาหน่อย ผมต้องทำงานไม่มีเวลาอยู่กับลูก(แล้วชั้นอยู่กับลูกเค้ากี่ชั่วฃโมงเนี่ย). คุณครูเองก็พยายามสอนอยู่ค่ะ แล้วพอมันไม่ได้ผลเขาก็มาโยนครูว่าไม่รู้จักสอนให้เด็กคิด เด็ไม่ตั้งใจเรียนก็บอกว่าครูผิด ครูไม่มีสื่อ สอนไม่ดี ไม่น่าสนใจ บลาๆๆ ถ้าเราบอกว่าเรามีครบแล้ว ก็บอกเราว่าเด็กเรียนแล้วจากที่เรียนพิเศษ คุณต้องหาอะไรมาเพิ่ม จบ ครูผิดอย่างเดียวค่ะ ส่วนเรื่องหลักสูตรใหม่นั้นเค้าเชิญผู้รู้ทั้งหลายไป เค้าน่าจะถามความเห็นครูหลายๆบ้าง ไม่เห็นมาถามชั้นเลย รออยู่เนี่ย คือบอกตรงๆ เท่าที่รู้มาจะให้สอนแบบบูรณาการนะคะ อยากจะให้มาถามเหลือกัน จะเสนอความคิดให้ ตอนนี้หลักสูตรเป็นไรที่ คนคิดไม่ได้สอน คนสอนไม่ได้คิด ก็ต้องรอดูกันไป อีกอย่างระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสอบก็ควรปรับไปด้วย ให้ได้อย่างที่วางหลักสูตรไว้ ไม่งั้นเสียค่าเรียพิเศษอีกบานเลย

#21 Kunnaimong

Kunnaimong

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 701 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:53

การจะให้เด็กเรียนในห้อง 600 ชั่วโมง นอกห้องเรียนอีก 400 ชั่วโมง ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะเด็กมักจะรู้แต่ทฤษฎีแต่พอให้ปฎิบัติส่วนใหญ่จะทำไม่ได้  แต่ติดใจที่ว่าจะเริ่มจาก ป.1กับ ป.4ฯ นั้น  ปัญหาคือโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครู 2-3 คนที่ต้องทำการสอนควบชั้นเรียน 2 ชั้นหรือ 3 ชั้นเรียน จะทำการสอนอย่างไรให้ได้ผล  จะดูแลเด็กที่ไปเรียนนอกห้องอย่างไร เมื่ออีกชั้นหรือ2ชั้นเรียนยังเรียนแบบเดิมอยู่



#22 กากจริงไรจริง

กากจริงไรจริง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,172 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 12:32

ลดเวลาเรียน Ah!!!!!!!!!!! ไทยจะผูกขาดแชมป์แม่วัยรุ่นไปตลอดกาล เยี่ยม....



#23 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 12:46

ถ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาเซี่ยน ชีวิตมันจะลำบากแค้นหรือยังไง

เห็นบางคนบอกว่า เขมรไม่ได้ิอยู่ในทวีปเอเซีย เป็นถึงรัฐมนตรี

 

-_-


We love fender.

#24 อาตี๋

อาตี๋

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,267 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:23

ผมยังไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้เด็ไปศึกษานอกห้องเรียนมากขนาดนี้

 

ผมว่าขั้นตอนแรกควรจะพัฒนาแหล่งการศึกษานอกห้องเรียนก่อนดีกว่า (ซึ่งไม่เคยมีนโยบายประเภทนี้ผ่านหูมาบ้างเลย) เช่น หอสมุด พิพิธภัณฑ์ หอศิลปะ ศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ (ซึ่งบางท้องที่ก็ไม่มี หรือมีก็ไม่ได้คุณภาพ) รวมถึงการเปิดหลักสูตรในลักษณะชมรมต่างๆในโรงเรียนด้วย ก่อนที่จะมาใช้ระบบการเรียนนอกห้องเรียน เพราะมันจะมีปัญหาว่าจะให้เด็กไปศึกษาที่ไหนและยังไง

​แล้วการลดชม.เรียนลดในระดับชั้นไหน ถ้าชั้นประถมต้นนี่ไม่เหมาะสมเลย เพราะการศึกษานอกห้องเรียนเด็กต้องวุฒิภาวะมากพอที่จะดูแลตัวเองได้ เพราะต้องไปนอกเขตการดูแลของโรงเรียน (ซึ่งบ้านเรา อย่างช้าน่าจะราวๆม.๑)

 

 

 

 

ตอนนี้ ตัวเองกำลังพิจารณา ให้เด็กที่บ้าน เรียน home school  หรือไม่ก็ ไปเรียน รร อินเตอร์ไปเลย

ไม่งั้น ก็ต้องเรียนพิเศษ ตามกระแสสังคม

ตัดปัญหาการเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงตามใจ นักการเมือง และนักการศึกษาที่คิดเองไม่เป็น ได้แต่ลอกชาติโน้นชาตินี้เอามาจับยัดใส่ให้เด็กไทยตกต่ำลงทุกวันๆ

................................................................................................................................

 

มุมมองของผม สนใจ Home shool ครับ

 

เกี่ยวกับหลักสูตรที่เรียนนี่ผมว่า กระทรวงศึกษาฯ น่าไปถามผู้เรียนโดยตรงดีกว่าครับ เด็กๆเดี๋ยวนี้ความคิดอ่านเขาไปไกลกว่าเราเยอะ

 

ห่างจากการเรียนมาหลายสิบปีแล้วนี่ ไม่เข้าใจเท่าไหร่แล้ว

 

 

โฮมสคูล บ้านเรา ผู้ปกครองต้องมีความพร้อมมาก ถึงมากที่สุดค่ะ

ข้อเสียที่มีคือ เด็กจะขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเดียวกัน ขาดการอยู่ในสังคม

ซึ่งการมีเพื่อนที่ไม่ดี เกเร ก็ถือเป็นข้อดีในการให้เด็กได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม

โฮมสคูล ขาดในจุดนี้

ตอนนี้เราจึงยังต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนค่ะ

 

แก้ไขคำผิด

 

เห็นด้วยครับ  :)

 

เป็นแนวทางที่อยากให้ลองพิจารณาดู ทุกโครงการที่เริ่มใหม่เรามักใช้โครงการ นำร่อง ต้นแบบ ได้ 

 

แล้วนำข้อดี เสียมาแก้ ปรับใช้ 

 

การเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบเสมอครับ

 

 

ผมเคยดูหนังอเมริกา เค้าจะใช้วิธีรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่าย ในละแวกใกล้เคียงเพื่อจัดกิจกรรมหรือเยี่ยมเยียนกัน เพื่อให้เด็กได้พบปะและติดต่อกับเด็กในระบบโฮมสคูลที่มีวัยใกล้เคียงกัน

ปล.หนังที่ผมดูเป็นสืบสวนสอบสวนนะ :D


สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น


ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ


#25 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:22

    มีหลานเรียน มหาลัย

    มันบอกว่าเวลาเรียนรวมแล้ว ปีละ6เดือน

    อีก6เดือน จะให้ทำอะไร

    ปัจจุบันเรียนมากกว่า6เดือน ประสิทธิภาพ .......ยังเหลือกำลังลากกกก


ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#26 Rxxxx

Rxxxx

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,486 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:51

  เด็กโฮมสคูลนี่เข้ากับคนได้ทุกวัยนะครับ
  ไม่ได้ห่างเด็กคนอื่นๆหรอกครับ
  ก็เหมือนกับเด็กที่โรงเรียนั้นนี่ ย่อมได้รู้จักเพื่อนต่างโรงเรียนได้บ้างอยู่เเล้วครับ
  ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ครับว่าเข้าใจโฮมสคูลและสร้างเครือข่ายกับผู้ปกครองท่านอื่นๆไว้รองรับลูกๆหรือเปล่า?



#27 koong

koong

    ใช้ชีวิตกลางดงแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,147 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:07

คิดถึง ปิติ มานะ มานี ชูใจ เพราะแบบเรียนแบบนี้ทำให้เราชอบอ่านหนังสือ

เห็นว่าพัฒนาหลักสูตร กันที่ไร ไม่เห็นว่า เด็กไทยจะพ้ฒนาเสียที

ทำไมผ่านไป การวัดผลเด็กไทย ห่วยลง ห่วยลง



#28 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:10

<_<  ขนาดเรียนอย่างทุกวันนี้ แม่มท้องคาชุดนักเรียนเกลื่อนเมือง เจื่อกให้ไปเรียนนอกห้อง 400 ชม. เห๊อะๆๆๆ แม่มคนคิดมันนึกว่าเด็กไทยทุกวันนี้มันเทียบเท่าเด็กสหรัดอะมะละกาหรือไงฟะ...

 

-_-  ซวยต่อไปเถิดเกิดเป็นควายไทย...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#29 อาวุโสโอเค

อาวุโสโอเค

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,790 posts

ตอบ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:48

อย่าว่าแต่ระบบการศึกษาเลย ขออนุญาตนอกประเด็นนิดนึง ขนาดวงการสงฆ์ยังเพี้ยนแหลก

 

 

1375653_10200316318905599_1702029200_n.j
แล้วเราจะคาดหวังอะไรอีก  -_-

  • wat likes this
การเมืองไม่ใช่เพื่อกลุ่มใด แต่เพื่อทุกคนในประเทศ




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน