ครับ แต่ผมมองว่าเสี่ยเจียงแกคงโกรธที่จาไม่เข้าไปคุยดีๆ แต่ยื่นหนังสือผ่านทนายไปนี่ละครับ
ยังไงสัญญาทางเสี่ยมันไม่เป็นธรรมอยู่แล้วที่เล่นต่อสัญญาเองนี่ละ
คนทำงานร่วมกันมาหลายปี ดังแล้วจะไปไม่มีใครห้ามได้ ขอกันดีๆไม่ให้ ค่อยฟ้องยังไม่สาย
เท่าที่ดูข่าวเห็นแต่จาเงียบตลอด แต่ไปโผล่ต่างประเทศ เอาง่ายๆ เป็นผมก็โกรธ
แต่ให้เดา ยังไงเสี่ยก็โดนด่าเละ คนจะไปดังทำชื่อเสียงให้ประเทศ
คือจาทนมาตั้งแต่ Rush Hour 3 กับ F&F 6 แล้วครับ
จามารู้ทีหลังว่าฮอลลีวู้ดติดต่อมาแต่เสี่ยเจียง "ไม่เคยบอกจา"
แปลว่า คนที่ปิดบัง ไม่บอกไม่แจ้ง ไม่ให้ดาราในสังกัดไปก้าวหน้าคือเสี่ยครับ
ที่เสี่ยหวงไว้ไม่อยากให้จาไปฮอลลีวู้ด ก็มีเหตุผลครับ
คือการไปแสดงหนังที่อเมริกา จาต้องมี "เอเยนต์อเมริกัน" ครับ ไม่งั้นทำงานไม่ได้
เป็นกฎเลยครับ
1. จาต้องมีตัวแทนของสหรัฐ โดยจ้างเอเยนต์อเมริกัน เจ้าไหนก็ได้ แต่ต้องมี ถ้าไม่มีทำงานในวงการนี้ไม่ได้ครับ ผิดกม.
แปลว่าจาจะหลุดจากมือเสี่ยไปอยู่ในความควบคุมตามกม.ของฮอลลีวู้ดเลย
2. จาต้องสมัครเป็นสมาชิก "สมาพันธ์นักแสดง" ครับ ถึงจะทำสามารถทำงานในฮอลลีวู้ดได้ คือ Screen Actor's Guild
แปลว่าจาจะเข้าสมาพันธ์นักแสดงที่นั่นเต็มตัว ไม่อยู่ในอาณัติเสี่ยอีกต่อไป
เสี่ยเจียงจะถือครองสิทธิ์ในตัวจาได้แค่ "ประเทศไทย" เท่านั้น ตามสัญญาที่เซ็นตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
มันจะไม่ครอบคลุมไปถึงอเมริกา
เสี่ยเ้จียงก็กลัวเสียผลประโยชน์ในเด็กที่เสี่ยคิดว่าเสี่ยปั้นมา
ที่จริงเสี่ยน่าจะเลิกคิดว่าเสี่ยเป็นคนปั้นให้จาดังได้แล้ว
เพราะการที่ฮอลลีวู้ดติดต่อจาโดยตรง ไม่ผ่านเสี่ย เป็นหลักฐานยืนยันแล้วว่าเขาจ้างจาที่ความสามารถส่วนตัว ไม่ได้จ้างเพราะตัวแทนจา(คือเสี่ย) เก่งมาก ดันดาราตัวเองสุดฤทธิ์
หน้าที่ตัวแทนที่ดีคือต้องป้อนงานให้ดาราที่ตนดูแลเสมอ ไปกราบขอร้องค่ายหนังให้จ้างนักแสดงยังทำมาแล้วเลย
แล้วก็พิทักษ์ผลประโยชน์ให้ดาราอย่างที่สุด ขึ้นค่าตัวให้ เสนอสัญญาที่ทำให้ดารามีความมั่นคงและได้รับการปกป้องจากการทำงาน
ยื่นเงื่อนไขการทำงานที่ดีให้ดาราที่ตนดูแล
นั่นคือการทำงานคุ้มค่า 10% ที่หักออกจากค่าตัวดารา (ครับ ประเทศอื่น เอเยนต์เขาหักแค่ 10% ไม่ใช่ 30% อย่างบ้านเรา)