สงสัยแค่ไอ้พวกโลกสวยพวกนี้ ว่ายังไง?
http://www.komchadlu...031/171770.html
'นิติราษฎร์'ค้านนิรโทษเหมาเข่งสุดซอย
'นิติราษฎร์'ค้านนิรโทษเหมาเข่งสุดซอย ล้างผิดจนท.รัฐ-ผู้สั่งการ เตือนสภาเร่งผ่านร่างกม.จ่อขัดรัฐธรรมนูญ ซัดกมธ.เพื่อไทยเมินช่วยคดีมาตรา 112
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 31 ต.ค.2556 เวลา 13.30 น.ที่ห้องจี๊ด เศรษฐบุตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางสาวสาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ร่วมกันแถลงถึงจุดยืนกรณีร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ.... กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 โดยมีมวลชนคนเสื้อแดงมาร่วมรับฟังกว่าร้อยคนจนเต็มพื้นที่ห้องแถลงข่าว
นายวรเจตน์ กล่าวว่า การแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) แทนที่จะจำกัดกรอบไว้เฉพาะประชาชน กลับรวมเอาคนอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาคือ เจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับ และยังรวมเอาคดีที่มีการฟ้องโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อ่ให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) โดยเฉพาะคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกมธ.อ้างว่า จะขัดต่อมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญ จึงต้องรวมทุกคนไว้ ถือว่าเป็นเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก และสาระสำคัญก็ไม่เหมือนกัน เนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่รัฐมีสาระสำคัญที่ต่างจากประชาชนเพราะถืออำนาจรัฐ จึงไม่ถือว่าขัดต่อหลักความเสมอภาค คตส.ยิ่งไม่เกี่ยว พูดง่ายๆคือ เอามาอ้างเพื่อให้ครอบคลุมไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ในวาระแรกตอนเสนอร่างฉบับนี้อาจจะยังไม่คิดว่าจะให้เป็นอย่างนี้ แต่พอเพิ่มภายหลังมาจึงขัดหลักวิธีในการตรากฎหมาย เพราะการตรากฎหมายจะต้องปฏิบัติตามมาตรา 117 วรรคสาม แห่งข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ห้ามแก้ไขจนขัดหลักการแห่งร่างพ.ร.บ.ที่สภาฯรับมาในวาระ 1
“ถ้าจะเอาให้ครอบคลุมแบบนี้ สภาฯต้องปล่อยให้ร่างนี้ตกไป แล้วไปรับร่างในวาระ 1 ใหม่ ไม่ใช่มาสอดกลางทาง คนไม่ได้เรียนกฎหมายยังเข้าใจ นิติราษฎร์เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีบทบัญญัติที่บ่งชี้ได้ว่ารัฐธรรมนูญยอมรับสถานะข้อบังคับการประชุมสภาฯ และกำหนดให้สภาฯต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมในการตราร่างพ.ร.บ. หากไม่ปฏิบัติแปลว่ากระบวนการตรากฎหมายมีปัญหาความชอบในรัฐธรรมนูญนั่นคือ ในมาตรา 153 วรรคสาม ที่รับรองสถานะการประชุมได้ชัดเจนที่สุด การที่สภาฯฝ่าฝืนขั้นตอน ในความเห็นนิติราษฎร์ไม่ใช่แค่การฝ่าฝืนข้อบังคับเท่านั้น แต่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเลยทีเดียว เชื่อว่าหากผ่านชั้นพิจารณาในวุฒิสภา จะมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ”นายวรเจตน์ กล่าว
นายวรเจตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เนื้อหามาตรา 3 ของร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ผ่านชั้นกมธ. ที่ระบุว่า การกระทำตามวรรคหนึ่งไม่รวมความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น ถือว่าขัดต่อหลักเรื่องความเสมอภาค เนื่องจากการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง หมายความว่า จะต้องนิรโทษกรรมทุกฐานความผิดที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือมาจากความขัดแย้งทางการเมือง หากผิดกฎหมายแล้วเกี่ยวข้องทางการเมืองจะต้องได้รับการนิรโทษกรรม ถ้ามาบอกว่า คนทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เกี่ยวกับการเมือง แล้วทางกมธ.รู้ได้อย่างไรว่า ผู้ที่กระทำความผิดไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง หากยังไม่ได้มีการพิสูจน์ จึงมองได้ว่า กรณีนี้จงใจตัดความผิดในมาตรา 112 ออก และขอถามว่า หากความผิดที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองทำไมจึงไม่นิรโทษกรรมให้เขา อะไรคือเหตุผล ดังนั้น มาตรา 112 ต้องได้รับโอกาสเท่ากับความผิดทางอาญาฐานอื่น ถ้าไม่ให้โอกาสความผิดฐานนี้คณะนิติราษฎร์คิดว่า ต้องขัดต่อหลักการเสมอภาคแน่นอน
นายวรเจตน์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ด้วยเหตุที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่กำลังพิจารณาอยู่ในสภาฯมีปัญหาข้อถกเถียงหลายประการ คณะนิติราษฎร์จึงขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาคือ 1.ต้องแยกการกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ตลอดจนบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองแต่กระทำความผิดโดยมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ออกจากบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร 2.ให้ดำเนินการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ตลอดจนบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองแต่กระทำความผิดโดยมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยไม่นิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การชุมนุม ตลอดจนสลายการชุมนุมไม่ว่าจะในฐานะผู้สั่งการหรือผู้ปฏิบัติการ และไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใดๆ ตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้งที่คณะนิติราษฎร์ได้เคยเสนอไว้
นายวรเจตน์ กล่าวว่า 3.สำหรับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ลบล้างคำพิพากษา คำวินิจฉัย ตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาในทุกขั้นตอนที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำรัฐประหาร ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ว่าด้วยการลบล้างผลพวงรัฐประหาร และ 4.ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอยู่ในระหว่างการพิจารณาในวาระที่สองของสภาผ้แทนราษฎร คณะนิติราษฎร์มีข้อเสนอให้ดำเนินการ โดยเนื่องจากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้แก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จนขัดกับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.ที่สภาฯได้มีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ทำให้มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.ของกรรมาธิการวิสามัญฯ จึงไม่สามารถใช้เป็นฐานในการพิจารณาในวาระที่สองได้ สภาผู้แทนราษฎรจึงสมควรแก้ไขความบกพร่องดังกล่าว โดยการลงมติว่ากระบวนการตรา พ.ร.บ.นี้ ขัดกับข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 117 วรรคสาม เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ. ของคณะกรรมการวิสามัญฯ ตกไป และให้สภามีมติยกเลิกคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชุดเดิม และมีมติตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา
"เมื่อไม่ถูก ก็ต้องกล้าบอกว่าไม่ถูก ที่กมธ.ให้นิรโทษกรรมทุกฝ่ายแล้วบอกว่าเป็นตามหลักความเสมอภาคนั้น ไม่มีน้ำหนักอะไรเลย ถ้าตราตามความใจชอบแบบนี้ไม่ได้ ความศักดิ์สิทธิของกฎหมายจะลดลงด้วย ส่วนที่บอกความผิด 112 ไม่เกี่ยวกับการเมือง ถามว่ารู้ได้อย่างไรถ้ายังไม่มีการพิสูจน์ หากถ้านิรโทษทุกฐานความผิด แต่ทำไมความผิด 112 ก็ขัดหลักความเสมอภาค ทำไมไม่นิรโทษกรรมให้ ซึ่งความน่าผิดหวังคือเรื่องอื่นเถียงกัน พอ 112 แทบไม่มีใครเถียงเลยแม้แต่ส.ส.เพื่อไทย ซึ่งมันไม่ถูก นอกจากนี้ ขอพูดจากใจความเป็นธรรมที่ควรจะได้ไม่ควรได้บนความอยุติธรรมที่มีต่อคนอื่น ต้องคืนความเป็นธรรมให้คุณทักษิณ และถ้าเป็นปัญหาจะเดินหน้าหรือไม่ เพราะเป็นปัญหาในทางรัฐธรรมนูญ อยากให้ศาลรธน.มายุ่งหรือไม่"นายวรเจตน์ กล่าว
ด้านนายปิยะบุตร กล่าวว่า หากร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ผ่าน ต่อไปในอนาคตจะเกิดปัญหาในระดับผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งแต่ละองค์กรไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน อัยการ และศาลอาจจะตีความว่า ใครที่เข้าข่ายจะได้รับการนิรโทษกรรมที่แตกต่างกัน เอาแค่ในระดับของผู้ร่างกฎหมายยังเห็นไม่ตรงกัน คนใช้กฎหมายอาจสับสนยิ่งกว่า อย่างกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมามีคนไปตีความหาว่าคณะนิติราษฎร์สนับสนุนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งไม่ใช่ ในกรณีคดีความต่างๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ หมายถึงการให้ไปริเริ่มคดีใหม่ตามกระบวนการปกติ ถือเป็นการลบล้างผลพวงของคณะรัฐประหาร ไม่ใช่เอามารวมกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนี้ ดังนั้น ถ้าอยากให้เกิดความโปร่งใส ต้องไปริเริ่มทำคดีใหม่ตามขั้นตอนปกติ
"การใช้กฎหมายฉบับนี้ไม่เป็นเอกภาพเดียวกัน เพราะแต่ละองค์กรใช้กฎหมายไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะเวลาเขียนกฎหมายนิรโทษต้องเขียนให้ชัด ไม่ใช่ให้องค์กรต้องมาตีความ สุดท้ายก็ไม่ได้ปล่อยนักโทษ เรื่องนี้ใครกันแน่ทำให้นิรโทษช้าลง เพราะมีการยัดใส้เข้ามา เรียกความชอบธรรมผู้คัดค้าน เรียกแขกเลย ดังนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิด กฎหมายตกทั้งฉบับ นักโทษไม่ได้ออกจากคุก"นายปิยบุตร กล่าว
ด้านนางสาวสาวตรี กล่าวว่า นิติราษฎร์ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง โดยการนิรโทษกรรมทุกฝ่ายไม่เลือกหน้า เพราะถ้านิรโทษกรรมให้เจ้าหน้าที่รัฐ เก็จะคิดว่าทำไปก็ได้ ก็จะมีนิรโทษกรรมมาให้เอง การนิรโทษกรรมโดยรวมไม่แยกแยะ จึงไม่เหมาะสม เพราะถ้านิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ทำให้การพิสูจน์ความจริงไม่เกิดขึ้น จะไม่เป็นธรรมกับผู้สูญเสีย
-------------------------------------------------------------------------------
โถๆ ที่ไม่เอาล้างผิดสุดซอย
เพราะไม่ล้างผิดให้พวกต้องคดีจาก 112 นี่เอง ?
Edited by อู๋ ฮานามิ, 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 17:57.