http://www.dailynews...การณ์แดงเจือจาง
ตาสว่างกับปรากฏการณ์แดงเจือจาง
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ 500,000 คน ตามที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ประเด็นสำคัญ จตุพร ประกาศว่า หลังหมดเทศกาล “มหาสงกรานต์” จะเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 18 เม.ย.
วันจันทร์ 7 เมษายน 2557 เวลา 08:57 น.
ไม่มีความชัดเจนว่า ตกลงแล้วการชุมนุม “ซ้อมใหญ่” ของนปช.ที่ถนนอุทยาน ระหว่างวันที่ 5-6 เม.ย.นั้นมี “จำนวน” ผู้ชุมนุมเท่าไหร่กันแน่ เพราะบางฝ่ายก็ว่าไม่เกิน 30,000 คน ขณะที่อีกฝ่ายก็ว่าราว ๆ 46,000 คน
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ 500,000 คน ตามที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ประเด็นสำคัญ จตุพร ประกาศว่า หลังหมดเทศกาล “มหาสงกรานต์” จะเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 18 เม.ย.
มีหลายเหตุผลที่นปช.จะต้องเคลื่อนไหวในช่วงนั้น เหตุผลแรก หวังจะ “ดักหน้า” ก่อนที่จะมีความชัดเจนใน 2 เรื่องใหญ่ เรื่องหนึ่งคือการ “ชี้มูล” ของป.ป.ช.ในคดีโครงการรับจำนำข้าว อีกเรื่องหนึ่ง “คำวินิจฉัย” ของศาลรัฐธรรมนูญในคดีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.
เหตุผลต่อมา สกัดความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกปปส.ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการ ซึ่งประกาศเช่นกันว่าจะ “เป่านกหวีด” ครั้งใหญ่ทันทีที่มีความชัดเจนจากป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ
มีข่าวว่า ในวันที่ 18 เม.ย.ที่ว่านี้ ศาลได้ออก “หมายเรียก” ให้ จตุพร กับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาไต่สวนหลังถูกยื่นเรื่องให้ศาลมีคำสั่ง “เพิกถอน” การปล่อยตัวชั่วคราว
ที่ผ่านมา หากจะใช้ “มวลชน” เพื่อหวังกดดันทางการเมือง “ปริมาณ” จะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงไม่ว่ามวลชนเหล่านั้นจะ “ตั้งใจ” หรือถูก “จูงใจ” มาก็ตาม แต่สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ นปช.เริ่มมีอาการ “แผ่ว” ให้เห็น ส่วนจะแผ่วยาวหรือแผ่วสั้นต้องดูกันต่อไป
ว่ากันว่าเหตุที่มากัน “ไม่มาก” มาจากหลายสาเหตุ
สาเหตุแรก ประชาชน “ตาสว่าง” จากหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา บ้างก็ตาสว่างและกลัวจะถูก “แกนนำ” ทิ้ง
ต้องไม่ลืมว่ามาจนป่านนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการนิรโทษกรรมให้ “เฉพาะ” กับคนเสื้อแดงในเหตุการณ์การเมืองปี 53 โดยที่แกนนำไม่เกี่ยวได้เมื่อไหร่ ท่ามกลางความสงสัยที่ว่า หรือต้องการจะจับมวลชนไว้เป็นตัวประกันอย่างที่มีการระบุจริง
ยิ่งการที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.การต่างประเทศ ออกมาบอกว่าจะให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามาดูคดี 99 ศพ ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงก็เป็นที่รู้กันว่า ไม่สามารถทำได้เพราะประเทศไทยยังไม่มีการรับรองเขตอำนาจศาลไว้ ที่สำคัญหากจะทำเช่นนั้น ต้องขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซะก่อน
ที่ผ่านมาแกนนำนปช.ก็ให้นายสุรพงษ์ “รีบทำ” พร้อมกับขู่ว่าหากไม่ทำจะเสนอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ “ปลด” ออกจากตำแหน่ง แต่มาวันนี้ก็หยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมา“ฉายซ้ำ”
แต่ที่ดูจะแก้ยังไงก็แก้ไม่ตกเพราะ “ความเดือดร้อน” มันตำตาอยู่เห็น ๆ นั่นคือ โครงการรับจำนำข้าวที่มีปัญหา “ค้างจ่าย” ชาวนาร่วมแสนล้านบาทแถมยังมีข่าวการทุจริตคอร์รัปชั่นกระหึ่มออกมาโดยที่ รัฐบาลไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาแบบ “จริงจัง”
ที่สำคัญ คนส่วนใหญ่ “ตาสว่าง” กับแกนนำและไม่อยากจะตกเป็น “เครื่องมือ” ทางการเมือง เพื่อให้แกนนำนปช.เหยียบขึ้นไปนั่งเก้าอี้เสนาบดี โดยเฉพาะ ณัฐวุฒิ ที่วันนี้หันกลับมาใส่เสื้อที่เขียนคำว่า“ไพร่” ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นเสนาบดีมา 2 กระทรวง แต่หาผลงาน “มาคุยมาโชว์” คนเสื้อแดงแทบไม่มี มีแต่วาทกรรม “ปกป้องประชาธิปไตย” อย่างเดียว
ไม่ง่ายอย่างที่โฆษณากันไว้ ’หน้าไมค์“ ซะแล้ว.