คนแบบนี้่เหรอ จะมากล่าวหาศาลรธน
อตีดมันบ่งบอกสันดาน
กระสันอยากเป็ตลก รธน แต่คุณสมบัติไม่ถึง
เป็นนัก กม แท็ๆๆ แต่ปกปิด มดเท็จ หลอกลวง
โด่งดังในยุคนั้น กระฉิอน ความไม่โปร่งใสคุณสมบัติ
ของนายอุกฤษ
แรงแค้น ตรูจะไล่ ตลก ศาลรธน แล้วองค์กรใหม่ทีมีนายคนนี้
มาดูแลใช่หรือไม่
สิ่งทีศาลตัดสินมีข้อกม นะ
ต้องถามนายอุกฤษ พทและอีแปู อ้ายแม๊ว
มันทำผิดหรือไม่ ควรพุดด้วยนะ
อย่าสร้างกระแส ศาลเลว ศาลผิด
แต่ไม่พุดถึง การ ฉ้อฉล ของพท และอีปูและแม๊วว่าทำไมโดน ศาลตัดสิน
////
อ่านพฤติกรรมความเลวของคนนี้
เรียน คุณสามวา สองศอก ที่นับถือ
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเขียนจดหมายฉบับนี้ นั่นคือข่าวนายกฯ แต่งตั้งศาสตราจารย์อุกฤษ มงคลนาวิน (เขียนตามประกาศฉบับจริง) เป็นประธานกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ
เมื่อ 14 ปีที่แล้ว (ไม่ทราบ คุณสามวา สองศอก มาทำงานที่นี่หรือยัง) ผมได้ร่วมกับ คุณเปลว สีเงิน จัดการ กำจัด ดร.อุกฤษ ออกไปจากวงการเมืองไทยสำเร็จ
ที่จริง ดร.อุกฤษ ท่านไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ท่านเป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานวุฒิสภา ประธานรัฐสภา แต่ท่านหมายปองตำแหน่งสูงกว่านั้น แต่เผอิญรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นอุปสรรค ท่านจึงคิดเข้ามาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคาดว่าจะได้เป็นประธานด้วย
ใน รธน. 2540 กำหนดคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้หลายข้อ ในกรณีเป็นข้าราชการต้องเป็นซี 10 ถ้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต้องเป็นศาสตราจารย์ บรรดาลูกศิษย์จึงส่งชื่อท่านเข้าประกวด ในฐานะศาสตราจารย์ทางกฎหมาย
ทีนี้เผอิญผมไปรู้ข้อมูลซึ่งไม่ใช่ความลับ เพราะพิมพ์เผยแพร่ในจุลสารภายในของจุฬาฯ ราวๆ ปี 2534 ว่าในการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์กลุ่มหนึ่งนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) อุกฤษ ได้ขอเลื่อนเป็นศาสตราจารย์ (ศ.) เลย โดยไม่ขอเป็นรองศาสตราจารย์ (รศ.) ก่อน ซึ่งทำได้ถ้าผลงานวิชาการที่เสนอมานั้นมีคุณภาพสูงมาก แต่ปรากฏว่า "ไม่ผ่าน" มีผลทำให้ได้เลื่อนแค่เป็น รศ. รับเงินเดือนระดับ 9 (ซี 9)
หลังจากนั้น รศ.ดร.อุกฤษก็ลาออกจากราชการไปเปิดสำนักงานกฎหมาย แต่ก็ยังมาสอนที่จุฬาฯ ในฐานะอาจารย์พิเศษ
ต่อมาลูกศิษย์ของท่านซึ่งเป็นเนติบริกร ได้ร่วมร่าง รธน. 2540 ได้ระบุตำแหน่งศาสตราจารย์ เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วได้จัดการให้สภาจุฬาฯ แต่งตั้ง รศ.ดร.อุกฤษเป็น "ศาสตราจารย์พิเศษ" (เป็นตำแหน่งที่ตั้งบุคคลภายนอกมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีฐานะเป็นข้าราชการแล้ว)
แต่เจ้าตัวมักไม่เขียนคำว่า "พิเศษ" คนทั่วไปจึงเข้าใจว่าเป็นศาสตราจารย์ธรรมดา (ซึ่งจริงๆ กว่าจะได้เป็นก็แทบกระอักเลือด เพราะต้องมีทั้งงานวิจัยและตำราที่มีคุณภาพชั้นเลิศ) เมื่อ รธน. 2540 มีผลบังคับใช้ ดร.อุกฤษจึงถูกเสนอชื่อเข้าไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยคุณสมบัติว่าเป็น "ศาสตราจารย์"
ผมจึงเขียนมาบอกคุณเปลวว่า ดร.อุกฤษไม่ได้เป็นศาสตราจารย์ตามนัยแห่ง รธน. 2540 ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ คุณเปลวก็รับลูกโดยพิมพ์จดหมายของผม เรื่องก็ฮือฮามากมีการตั้งกรรมการพิจารณากันเอิกเกริก
ในที่สุดก็เป็นอย่างที่ผมต้องการ คือตีความว่า ดร.อุกฤษนั้นเป็นเพียงอดีตข้าราชการซี 9 ขาดคุณสมบัติ และตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษนั้นก็เป็นการยกย่องในเชิงเกียรติคุณ ไม่ใช่ตำแหน่งทางราชการ (ซึ่งผูกพันกับการขึ้นเงินเดือน)
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ดร.อุกฤษก็เงียบหายไปจากแวดวงการเมือง ผมก็คิดว่าเป็นการจบไปด้วยดี เพราะท่านก็เคยเป็นถึงประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว น่าจะพอแล้วกับชีวิตนี้
14 ปีผ่านไป ศาสตราจารย์พิเศษอุกฤษ มงคลนาวิน ในวัย 76 ปี ได้กลับมารับใช้ระบอบทักษิณอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่น่าจะมาเสียคนเอาในบั้นปลายของชีวิตเลยจริงๆ
แอบกระซิบเบาๆ ว่าจะมีการออกกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษให้ผู้ที่มีโทษเหลือไม่เกิน 2 ปี และอายุตัวเกิน 60 ปี ซึ่งอานิสงส์จะตกไปถึงทักษิณด้วย ถึงวันนั้น คุณสามวา สองศอก จะไปร่วมตั้งแถวต้อนรับมหาราษฎร์ทักษิณด้วยกันไหมครับ
ขอแสดงความนับถือ
ผู้อ่านประจำ