Paul McIntosh
ผมก็เหมือนกับพวกเราอีกหลายๆคน ที่เข้าร่วมแสดงออกและต่อสู้ร่วมกันในครั้งนี้
ขี่มอเตอร์ไซค์ดุ่ยๆไปคนเดียวที่สามเสน เพราะไม่พอใจที่พวกเลวพยายามจะออกกฎหมายล้างผิดให้ตนเอง และพวกพ้อง .... ไปสามเสนอยู่หลายวัน จนเค้าเดินขบวนใหญ่ไปสาบานที่วัดพระแก้วกัน ว่าจะต่อสู้จนกว่าจะชนะก่อนที่จะยึดถ.ราชดำเนิน ไม่กลับมาสามเสนอีก
ผมไปคนเดียวบ้าง ไปกับเพื่อนบ้าง ไม่คิดหรอกว่ามันจะยาวนานขนาดนี้
ในครั้งแรก ผมก็เป็นเพียงผู้เดินทางมาฟังปราศรัย ทำป้ายมาแสดงออกถึงความรู้สึก เหมือนกับทุกคน ไม่มีบทบาทอะไรมากกว่านี้
เขียนด่าระบอบทักษิณตามความรู้สึกของตนในเฟสของตัวเอง ที่มีเพื่อนอยู่ 140 คน ไม่ได้ต้องการ ไลค์จากใคร เพราะในความจริงมีเพื่อนที่ยังบูชาในเศษเนื้อข้างเขียงของทักษิณเกลียดขี้หน้าจนเสียเพื่อนไปหลายคนด้วยซ้ำไป
ผมอยู่ในทุกๆเหตุการณ์ แต่ที่เป็นจุดเปลี่ยนคือเหตุการณ์ที่หลังรามฯ และในมหาวิทยาลัยราม
ผมอยู่ที่นั่นตอนค่ำวันนั้น รู้สึกได้เลยว่ามันน่ากลัวเพียงใด ที่ถนนที่เราผ่านอย่างจอแจทุกวัน เปลี่ยนสภาพเป็นสนามประลองกำลังของคนสองกลุ่ม
ผมคุ้นชินกับการยกพวกตีรันฟันแทง ชกต่อย ยกพวกตีกัน หากแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มันเป็นภาพแบบที่ผมไม่เคยเห็น และไม่เคยคิดว่าคนไทยที่ขึ้นชื่อว่าจิตใจดีกว่าอีกหลายชาติจะทำอะไรแบบนี้ได้
ภาพข่าวจากฟรีทีวีที่บิดเบือน นำเสนอไม่ตรงกับสิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมคิดว่าต่อไปนี้ ผมจะไปในทุกๆที่เพื่อเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง ไม่เชื่อในการทำหน้าที่สื่ออีกแล้ว
สายๆวันต่อมา ผมรีบไปที่ราม แต่เหตุการณ์มันจบแล้ว มีทหารพาน้องๆของเราออกไปเรียบร้อยแล้ว ผมเลยตรงไปที่ช่องสิบเอ็ด และสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เพื่อที่จะถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ต่างๆเก็บไว้ เผื่อวันนึงจะเป็นประโยชน์ที่จะคัดง้างกับสิ่งที่สื่อนำเสนอ
ภาพที่ชมัยมรุเชษฐ์ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความตั้งใจ จากแค่จะถ่ายทอดเหตุการณ์ตามความจริง เป็นร่วมต่อสู้ในแนวหน้าร่วมๆกับน้องๆอาชีวะ และการ์ดคปท
ทนไม่ได้หรอก ที่ฝ่ายรัฐบาลมีอาวุธครบมือ และอุปกรณ์ป้องกันตัวครบ ประเคนลูกกระสุนจริง กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และน้ำเคมีใส่ประชาชนที่มีแค่ก้อนหิน และขวดน้ำ .... ผมร่วมต่อสู้ร่วมกับพี่น้อง คปท ตั้งแต่วันนั้น
กิจวัตรในชีวิตผมเปลี่ยนไปหมด ผมร่วมต่อสู้ในแนวหน้าทั้งที่แยกพาณิชย์ สะพานชมัยฯ ที่ดินแดง ที่ผ่านฟ้า ร่วมไปปฏิบัติการปิดสถานที่ราชการ ร่วมชุมนุม ฟังปราศรัย ร่วมนำขบวนมอเตอร์ไซค์ขี่รอบเมืองในวันชุมนุมใหญ่ ไปร่วมเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ไปเคลียร์เส้น ปิดเส้นทางให้ขบวนมวลชน หาข่าวจากฝ่ายตรงข้าม ทั้งฝังตัว ทั้งร่วมชุมนุมเสื้อแดง ที่สมุทรปราการ
ผมทำทุกอย่างในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่อยากมีส่วนร่วมในการขจัดมะเร็งร้ายของสังคม ที่ยึดบ้าน ยึดเมือง และดูหมิ่นสถาบัน
เฟสบุ๊คของผม มีคนเข้ามาขอแอด และติดตามสิ่งที่ผมเขียนระบายความรู้สึก รวมถึงภารกิจต่างๆที่ไปทำเป็นพันคน... มันมากจนผมไม่ได้รับใครแล้วเพราะคิดว่ามากเกินไป ดูแลความรู้สึกทุกคนไม่ทั่วถึง
มันไม่ใช่กำลังใจที่จะทำให้ผมทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ต่อไป เพราะยังไงผมก็จะทำจนกว่าจะจบอยู่แล้ว แต่มันเป็นแรงสนับสนุนให้ผมมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าผมทำในสิ่งที่ถูกต้อง....
สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องการแพ้หรือชนะทางการเมือง... การเมืองจะเป็นยังไง ใครจะเป็นนายกฯ ก็ไม่เกี่ยวกับผม เศรษฐกิจจะดำดิ่งลงเหวแค่ไหน ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร คนอย่างผมก็ไม่อดตายหรือลำบากกว่านี้หรอก
ที่ผมสู้วันนี้ ... ผมสู้เพื่อสั่งสอนไอ้ลูกทรพี ที่พวกมันไม่เคยเห็นความดีของพ่อที่ทำเพื่อพวกเรามาหลายสิบปี และอยากบอกว่าแผ่นดินนี้คือของพ่อ ไม่พอใจพวกมึงก็ไปตายที่อื่น คนที่คิดว่าวันนี้เป็นแค่การต่อสู้ของพรรคการเมืองนี่โคตรดักดาน
ไม่สนุกหรอก ที่คนรักษาผิวหน้าและไม่ชอบแดดอย่างผมต้องออกมาทำอะไรแบบนี้กลางแดดเปรี้ยง แต่ทุกครั้งที่ผมเหนื่อย ผมล้า ผมเบื่อ ผมร้อน ผมก็จะบอกกับตัวเองว่า "ทำเพื่อพ่อ แค่นี้ยังน้อยไป" เรายังตอบแทนไม่ได้สักเสี้ยวที่ท่านทำเพื่อพวกเราเลย
จบเมื่อไหร่ไม่สน ก็จะสู้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ใครจะทำไม
แกเป็นอะไรกับวิลลี่ กับคัทลียาน่ะครับ