พิรุธนช.แม้วรวยเพิ่ม ปีเดียวทรัพย์สินงอก3.5หมื่นล้าน
นิตยสารฟอร์บได้จัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยที่มีทรัพย์สินมูลค่ารวมกันสูงถึงกว่า 2.6 ล้านล้านบาทคิดเป็น 1 ใน 4 หรือ 25 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) โดยมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของไทยก็คือนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานในเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 3.93 แสนล้านบาทและในบรรดา 50 มหาเศรษฐีไทยที่น่าสนใจก้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกที่เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 10 ของไทย โดยมีทรัพย์สินรวม 5.3 หมื่นล้านบาท โดยข้อน่าสังเกตุก็คือเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วจากการจัดอันดับมหาเศรษฐีไทยของฟอร์บนักโทษชายแม้วอยู่ในอันดับถึง 23 โดยมีทรัพย์สินแค่ราว 1.8 ล้านบาทเท่านั้น
พิรุธข้อสงสัยก็คือทำไมในเวลาไม่ถึงปีนักโทษชายแม้ว ถึงเลื่อนจากมหาเศรษฐีไทยอันดับที่ 23 พุ่งพรวดเดียวมาอยู่อันดับ 10 โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึงราว 3.5 แสนล้านบาททั้งๆที่เป็นสัมภเวสีเร่ร่อนไปทั่วโลกใช้จ่ายเงินแบบไม่อั้นโดยที่ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน
คำถามที่ชวนให้สงสัยก็คือ นักโทษชายแม้ว ทำมาหากินอะไรในต่างแดนถึงร่ำรวยรวดเร็วแบบก้าวกระโดดได้ขนาดนี้ในช่วงเวลาไม่ถึงปี และที่น่าสงสัยยิ่งกว่าก้คือทรัพย์สินของ นักโทษชายแม้ว ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลเกิดขึ้นในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวนั่งเก้าอี้นายกฯหุ่นเชิดครองอำนาจบริหารประเทศโดยการบงการชักใยของ นักโทษชายแม้ว ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬารเป็นประวัติการณ์ในรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้ โดยเฉพาะในโครงการรับจำนำข้าวที่ถลุงเงินแผ่นดินไปแล้วเกือบ 7 แสนล้านบาท งบเงินกู้ 2 ล้านล้านาทเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ และงบเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทในการบริหารจัดการน้ำ
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตุว่า นักโทษชายแม้ว มักจะแสดงความเป็นผู้นำตัวจริงของไทยด้วยการเดินทางไปพบปะกับผู้นำรวมทั้งผู้บริหารธุรกิจในประเทศต่างๆอยู่เสมอ ซึ่งคล้อยหลังการเดินทางของ นักโทษชายแม้ว นายกฯหุ่นเชิด ก็มักจะเดินทางไปเยือนประเทศเหล่านั้นตามรอยเท้าพี่ชายทุกฝีเก้าจนมีการมองว่า นักโทษชายแม้ว จะไปเจรจาลับกับผู้นำประเทศต่างๆเป็นการนำร่อง จากนั้นจึงอาศัยน้องสาวซึ่งเป็นนายกฯหุ่นเชิดไปเจรจาในเรื่องผลประโยชน์ต่างๆในนามรัฐบาลไทย
โดยพิรุธที่น่าสงสัย อาทิ กรณีที่ก่อนหน้านี้ นักโทษชายแม้ว เดินทางไปพบหารือกับผู้นำเกาหลีใต้รวมทั้งไปเยี่ยมชมและพบปะผู้บริหารบริษัทเควอเตอร์ซึ่งชนะการประมูลได้เค้กก้อนมหึมาในโครงการงบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน โดย นักโทษชายแม้ว เดินทางไปเกาหลีใต้ถึง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนที่จะมีการยื่นซองประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ขณะที่นายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ก็เดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันเช่นเดียวกันซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ผู้บริหารบริษัทเควอเตอร์เป็นบริษัทที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้แต่งตั้งซึ่งที่ผ่านมาตกเป็นข่าวอื้อฉาวถูกสื่อเกาหลี้ใต้วิพากษ์วิจารณ์มาตลอด
สำหรับประเทศไทยนั้นมีชื่อเสียงอื้อฉาวกระฉ่อนโลกและได้ชื่อว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเซียโดยล่าสุดองค์กรชี้วัดความโปร่งใสโลกเผยแพร่ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นในประเทศต่างๆทั่วโลกโดยไทยได้ 3.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 อยู่ในอันดับ 107 จากทั้งหมด 177 ประเทศทั่วโลกโดยอันดับของไทยตกลงถึง 14 อันดับอัน สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชั่นยุครัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลวร้ายลงอย่างน่าตกใจ
ขณะที่ก่อนหน้านี้หน่วยงานตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นสากลหรือ Global Financial Integrity (GFI) เปิดเผยข้อูลอื้อฉาวที่ระบุว่า ช่วงปี 2543-2553 มีเงินสกปรกจากอาชญากรรม การทุจริตคอร์รัปชั่นไหลออกจากประเทศไทยเฉลี่ยปีละประมาณ 2 แสนล้านบาทหรือถ้ารวมทั้ง 10 ปีจะมีเงินสกปรกไหลออกจากประเทศไทยถึงราว 2 ล้านล้านบาท
เงินสกปรกเหล่านี้ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นเงินทุจริตของผู้นำทางการเมืองที่ยักย้ายถ่ายเทเงินจำนวนมหาศาลไปยังแหล่งฟอกเงินนอกประเทศที่เลื่องชื่อในเรื่องความอื้อฉาว อาทิ ประเทศในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงินของบรรดาผู้นำเผด็จการทรราชย์หรือนักการเมืองที่โกงบ้านกินเมืองทั้งหลาย
ขณะเดียวกันจากข้อมูลข่าวกรองของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยผู้หนึ่งที่เคยเปิดเผยต่อองคมนตรีบางคนระบุว่า นักโทษชายแม้ว ซุกซ่อนทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลไว้ในประเทศต่างๆโดยเฉพาะในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินโดยไม่มีการเปิดเผย
เพราะฉะนั้นทรัพย์สินของนักโทษชายแม้วที่งอกเพิ่มขึ้นอย่างปริศนาถึง 3.5 แสนล้านบาทในระยะเวลาไม่ถึงปี จึงน่าสงสัยว่าและถูกตั้งคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นเงินสกปรกจากผลประโยชน์ทับซ้อนผ่านทางรัฐบาลหุ่นเชิดของน้องสาว
ขอบคุณ เคดิต http://www.naewna.co...umnonline/10340