I Support PM Abhisit
Korbsak Sabhavasu
จะเดินหน้าต่ออย่างไรดีครับ
1. อยู่นิ่งเฉย ยกหนึ่งชนะแล้วเพราะสว.โหวตไม่รับหลักการร่างพรบ.นิรโทษกรรม ถึงแม้ว่าร่างนี้แค่สลบไป 180 วัน ไม่ถึงกับตายจากเราไป แต่เราก็ควรรอดูใจรัฐบาลอีกซักครั้งว่าจะเบี้ยวไหม ถ้าอาการออกลายเตรียมเบี้ยว ก็พร้อมลุยยกสองทันที
2. ลงชื่อถอดถอนสส.ตีสี่ ทั้งหมดกว่า 300 คน เป้าหมายคือ ถอดสส.ตีสี่ออกไป ไม่ให้ลงเลือกตั้ง ไม่ให้เป็นสส.อีกแล้ว
3. พร้อมใจกันออกมาชุมนุมให้ครบล้านคน เป้าหมายเพื่อล้างระบบทักษิณให้หมดไปจากแผ่นดินไทย
ข้อ 1. น่าจะง่ายสุดคือไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป รออีก 6 เดือนค่อยว่ากันใหม่
ข้อ 2. ไม่ยากนัก มีขั้นตอนตามกฎหมาย เริ่มต้นต้องให้ได้ชื่อเกิน 20,000 รายชื่อ แล้วส่งเรื่องไปที่ประธานวุฒิสภา ประธานวุฒิส่งต่อไปปปช. ปปช.สอบ ถ้ามีมูล สส.ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ทันที
หลังจากนั้น ปปช.จะส่งผลสอบกลับไปที่ประธานวุฒิอีกครั้ง ประธานเรียกประชุมให้สมาชิกวุฒิสภาลงมติ ต้องใช้เสียงสว. 3 ใน 5 ( ประมาณ 90 สว. ) จึงจะถอดถอนได้ ซึ่งก็ไม่ง่ายนัก ประชาชนคงต้องแสดงพลังอีกครั้งสว.ถึงจะยอม
ข้อ 3. ทั้งง่ายและยาก ที่ว่าง่ายเพราะแค่ประชาชนรวมใจออกมาจากบ้าน พร้อมๆกัน เสียเวลาไม่นาน ไม่อันตราย แกนนำไม่ได้บอกว่าต้องไปบุกสถานที่ราชการ ไปบุกบ้านนายก เป็นเพียงการแสดงพลังของประชาชนว่าต้องการล้มระบอบทักษิณให้หมดไปจากผืนแผ่น ดินนี้
ที่ว่ายากคือ ถ้าทำสำเร็จ หมายถึงพวกเราออกมามากจริง รัฐบาลอยู่ต่อไม่ได้จริง จะมีคำถามต่อว่าแล้วเราจะเดินหน้าต่ออย่างไร จะปฎิรูปประเทศจริงจังแค่ไหน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ไม่เถียงว่างานนี้หินมากๆ แต่ถ้าต้องการให้ประเทศหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ เราอาจไม่มีทางเลือกก็ได้นะ
ถ้าครบล้านแล้ว แล้วรัฐบาลมันหน้าด้านไม่ออกจะเป็นอย่างไร ผมสงสัย และเชื่อว่าชาวบ้านอีกมากก็คิดเช่นกัน อย่าลืมว่าเรากำลังสู้กับรัฐบาลที่หน้าด้านที่สุด
เคยเล่าไว้เรื่องที่สุจินดา ตระบัติสัตย์ เสียสัตย์เพื่อชาติ ขึ้นเป็นนายก
ช่วงท้ายๆของพฤษภา 35
รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านหลัง 6 โมงเย็น
แต่ ไม่มีใครทำตาม ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ยังมีมวลชนไปม็อบมือถือกันตามปกติ
ชาวบ้านออกมาทำมาหากิน ออกเดินทางไปโน่นไปนี่กัน
ไม่มีใครแคร์ คำสั่งของรัฐบาล
สุดท้ายเลยต้องเข้าใช้กำลังปราบปราม
เสียงบริสุทธิ์หนึ่งล้านคน กระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลแน่นอน
สถานการณ์จะเหมือน อาหรับสปริง
ประชาชนปฏิเสธรัฐ
รัฐบาลทำให้ประเทศเข้าสู่ รัฐล้มเหลว
ไม่มีใครยอมฟังรัฐบาลอีก