บทความพิเศษ
บทความพิเศษ
นงนุช สิงหเดชะ
ว่าด้วย Respect My Vote และ "แดงทับทิมกรอบ" จำแลงใส่เสื้อขาว
เป็นกระแสฮือฮา เป็นที่ชื่นชมของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยยกใหญ่ กรณีมีชายที่ใช้ชื่อว่า Ake Attagorn (น่าจะอ่านว่า เอก อัตถากร) ได้เข้าไปป่วนเวทีของพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อ 7 มกราคม ขณะมีการเสนอแผนปฏิรูปประเทศไทย โดย นายเอกเขียนป้ายว่า Respect my vote (เคารพเสียงของฉัน) ไปชูใส่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.
พร้อมกับเป่านกหวีดใส่ด้วย
นายเอกตะโกนอีกว่า "ตอนคุณเป็นรัฐบาล ทำไมจึงไม่ปฏิรูป หยุดวาทกรรมโกงได้แล้ว คุณข่มขู่คุกคามคนอื่นได้ แต่คนอื่นคุกคามคุณไม่ได้หรืออย่างไร"
และก็ตามคาดคือทันใดนั้น นายเอกก็ได้รับเชิญไปออกรายการเวค อัพ ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี (ที่มี พานทองแท้ ชินวัตร เป็นเจ้าของ) ซึ่งมี 3 พิธีกร
(ที่เคยหน้าแตกเพราะเสนอข้อมูลผิดมาแล้วหลายครั้ง) เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งทั้ง 3 พิธีกร ดูสีหน้ามีความสุขมาก ป้อนคำถามแบบ ชง-ตบ/ชง-ตบ และชงเองกินเองตลอด
ดังนี้ แม้นายเอกจะปฏิเสธว่าไม่ใช่พวกใคร เป็นแค่ประชาชนคนหนึ่งอย่างที่อ้างในวันนั้น แต่สุดท้ายแล้วนายเอกก็สังกัดสีอยู่ดี เพราะหากไปไล่อ่านข้อความในเฟซบุ๊กของเขา
จะเห็นได้ชัดว่าเกลียดประชาธิปัตย์เข้าไส้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เข้าไปป่วนประชาธิปัตย์
การบุกป่วนครั้งนี้ เชื่อได้แน่ว่านายเอกไม่พอใจม็อบ กปปส. ที่ไปเป่านกหวีดใส่ (รักษาการ) นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีอีกหลายคน ซึ่งนายเอกบอกว่า เป็นการคุกคามคนอื่น
นายเอกคงเจ็บใจที่คุณยิ่งลักษณ์โดนเป่านกหวีดใส่ แต่นายเอกแกล้งลืมไปหรือเปล่าว่า ตอนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ได้เจอเสียงนกหวีด แต่เจอไม้หน้าสาม แป๊บเหล็ก
กระถางต้นไม้ ก้อนอิฐปูถนน ของฝ่ายเดียวกับนายเอก ฟาด-ขว้างใส่ เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้ง ล่าสุดไม่กี่วันมานี้ถูกปาระเบิดใส่บ้านพักที่สุขุมวิท
ส่วนกรณีที่บอกว่าทำไมตอนประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่ปฏิรูปนั้น ที่จริงมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาแล้วเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2553 หลังจากมีเวลาหายใจหายคอจากการป่วน
ดึงแข้งดึงขาจากคนเสื้อแดงตลอด 2 ปี ยังไม่นับการต้องต่อสู้กอบกู้ภาวะเศรษฐกิจที่โคม่าจากวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในสหรัฐรอบ 80 ปี
คณะกรรมการปฏิรูปดังกล่าวมี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน กำหนดกรอบเวลาทำงาน 3 ปี แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยก็ยุบสภาเสียก่อนและประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้ง
ไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลเพื่อไทยก็ไม่ได้มีการขับเคลื่อนหรือสานต่องานปฏิรูปชุดของนายอานันท์ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเบื้องต้นของชุดนายอานันท์
ได้เสนอแนวทางลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เช่น ให้มีการเก็บภาษีทรัพย์สิน-ที่ดิน แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้นำมาสานต่อแต่อย่างใด
การตั้งคณะกรรมการปฏิรูปชุดนายอานันท์ ก็สืบเนื่องมาจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่มักอ้างเรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องไพร่-อำมาตย์ (ไพร่-อำมาตย์ ต่างหากที่เป็นวาทกรรม
เพราะไม่มีอยู่จริง) ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าพรรคใดริเริ่มการปฏิรูปก่อน
ส่วนเรื่องที่นายเอกระบุว่า การที่ฝ่ายค้านมักพูดย้ำเรื่องการโกง (ของฝ่ายคุณทักษิณ) เป็นเพียงแค่การสร้างวาทกรรมนั้น อันที่จริงไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นความจริงที่เป็นรูปธรรม
เพราะคุณทักษิณถูกคำพิพากษาของศาลว่ากระทำการทุจริตจนมีการยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทมาแล้ว และพรรคของคุณทักษิณถูกยุบมาแล้ว 2 ครั้ง เพราะทุจริตเลือกตั้ง
ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ ยังไม่เคยถูกศาลพิพากษาให้มีความผิดเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยก็ยังยอมรับเองไม่ใช่หรือว่าไม่สามารถหา "แผล"
เรื่องนี้จากนายอภิสิทธิ์ ถ้าหาได้ มีหรือจะปล่อยไว้
ด้วยเหตุนี้ พอมีเรื่องหนีทหารมาให้เล่น พรรคเพื่อไทยจึงเข้าขย้ำเป็นการใหญ่ จนทำให้กระทรวงกลาโหมยุคที่มี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็น รมว. ได้รับฉายาว่า
"กระทรวงถอดยศอภิสิทธิ์" เพราะไม่ทำงานทำการอย่างอื่น นอกจากถอดยศนายอภิสิทธิ์ ทั้งที่ตอนนั้นปัญหาภาคใต้ลุกเป็นไฟ
ส่วนเรื่องการสร้างโรงพัก ที่ตอนนี้มวลชนของเพื่อไทยยังนำมาเป็นประเด็นโจมตีประชาธิปัตย์นั้น ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2556 อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีฉ้อโกงและฮั้วประมูล
ที่บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด พร้อมผู้บริหาร ผู้ต้องหาในคดีก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นผู้สรุปสำนวน
เหตุที่ไม่ฟ้องเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสัญญาแพ่ง ไม่ผิดทางอาญาและไม่มีเจตนาฉ้อโกง ขณะที่ขั้นตอนประมูลอี-อ็อกชั่นของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถูกต้อง
มวลชนของพรรคเพื่อไทยอาจอยากให้มีการดำเนินคดีเรื่องสร้างโรงพักจนถึงที่สุด แต่พรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องการแน่ๆ เพราะสาวไปสาวมา คนที่จะโดนหนักก็คือพวกเดียวกัน
คือเพื่อไทยและ สตช. นั่นเอง เพราะคนที่เป็นประธานกำหนดเงื่อนไขการประมูลในตอนนั้นก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ (รอง ผบ.ตร. ที่ต่อมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. สังกัดเพื่อไทย)
ที่ลงนามรับรองว่าการประมูลถูกต้องทุกอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นเพียงแต่ลงนามตามที่ สตช. เสนอมา
ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ตอนหลัง ทั้งดีเอสไอและอัยการจะแผ่วเรื่องนี้ลง
เรื่อง Respect my vote ที่ตอนนี้กลายเป็นกระแสและมีคนเสื้อแดงนำไปใช้ประโยชน์ เช่น พิมพ์เป็นข้อความบนเสื้อ และแม้แต่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกเพื่อไทย
ก็ออกมาโหนกระแสด้วยนั้น อันที่จริง นายเอกน่าจะนำป้ายนี้ไปชูใส่รัฐบาลเพื่อไทยให้ respect vote ของคนเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย เพราะถ้า respect
แล้วทำไมจึงออกกฎหมายนิรโทษกรรม
ความจริงถ้าจะให้ถูกต้องและเป็นธรรม รัฐบาลต้อง respect โหวตหรือเสียงของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะโหวตของคนที่เลือกเพื่อไทย และจะดียิ่งขึ้นถ้าเคารพ "สิทธิ" ของประชาชนทุกคน
เพราะคนที่เลือกหรือไม่เลือกเพื่อไทยล้วนถูกเก็บภาษีหมด
ต้องถามพรรคที่นายเอกเลือกด้วยว่าเคารพเสียงโหวตของคนเลือก ปชป. หรือไม่ เพราะปิดปากฝ่ายค้าน (ที่เป็นตัวแทนประชาชนเหมือนกัน) ไม่ให้อภิปรายเลยเวลาเสนอร่างกฎหมายต่างๆ
นายเอกอาจทนได้ที่ถูกรัฐบาลปิดหูปิดตาไม่ให้ดูละคร "เหนือเมฆ" ตอนจบ ทนได้ที่ฟรีทีวีแทบไม่มีการเสนอข่าวที่ไปแตะต้องรัฐบาล ทั้งที่เป็นสิทธิของประชาชนที่จะรับรู้ข่าวสารตามจริง
นายเอกอาจทนได้กับ ส.ส. ที่ทุจริตด้วยการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ทนได้ที่รัฐบาลนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลอมแปลงขึ้นทูลเกล้าฯ
แต่สำหรับม็อบนกหวีดพวกเขาทนไม่ได้ ดังนั้น นายเอกก็ต้อง respect สิทธิการแสดงออกของพวกเขาเช่นกัน
สําหรับกระแส "สีขาว" ที่อ้างว่าเป็นพวกไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และออกมาสนับสนุนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาความรุนแรง ที่จัดกิจกรรมทั้งจุดเทียน
ปล่อยลูกโป่งสีขาวนั้น คนก่อตั้งกลุ่มอาจจะเจตนาดี แต่กลายเป็นแนวร่วมของเสื้อแดงไปโดยปริยาย ความน่าเชื่อถือจึงแทบไม่มี เพราะเอาเข้าจริงมี "แดง" จ
ำแลงแปลงกายไปใส่เสื้อขาวเสียเยอะ จนมีบางคนล้อเลียนว่าเป็นพวก "ทับทิมกรอบ" (ในขาวนอกแดง) หรือไม่ก็ "แดงชุบแป้ง" (ในแดงนอกขาว)
และก็มีคนตั้งข้อสังเกตแบบแอบน้อยใจว่า ทำไมตอน นปช. ชุมนุมด้วยความรุนแรงปี 2552-2553 คนกลุ่มนี้จึงไม่ออกมาจุดเทียนบ้าง
แกนนำเสื้อแดงหมดความชอบธรรมที่จะไปเรียกร้องให้คนอื่นสันติ เพราะตัวเองมีประวัติว่าเป็นพวก "รุนแรงตัวพ่อ" ต้นตำรับมาแล้ว
คนเขาเห็นนายณัฐวุฒิจุดเทียน ก็สะดุ้งแล้ว เพราะไม่ชวนให้นึกถึงสันติภาพ-สงบ แต่ชวนให้นึกถึงการเผาเมื่อปี 2553 มีคนแซวว่าถ้าโยนยางรถยนต์ให้ นายณัฐวุฒิอาจตกใจ
โยนเทียนใส่ก็เป็นได้ ถ้าจะให้ครบชุดใหญ่ต้องมี อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมกับขวดน้ำมันเบนซิน
(ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ประจำวันที่ 24- 30 มกราคม 2557)
-------------------------------------------------------------------------------
ตามไปอ่านมา ขอนำมาลง เพราะ โดนเหลือเกิน