***ลือสะพัดพรรคเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์มีอาการคล้ายคนเป็นโรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์ 2 ขั้น เตรียมส่งไม้ต่อสมชายนั่งนายกฯ***
สถานการณ์ของยิ่งลักษณ์ในเวลานี้ จึงเรียกว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่ง และเป็นการคาดการณ์ผิดพลาด
ตั้งแต่การประกาศยุบสภา ด้วยหวังว่าจะยุติการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. แต่กลับเป็นการยกระดับให้มวลชนเข้าร่วมกับ กปปส.มากขึ้น
ส่วนการจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือการจัดการม็อบด้วยความรุนแรงก็ทำไม่ได้สะดวก
เพราะทหารก็ไม่เอาด้วยกับรัฐบาลหากมีการทำร้ายประชาชน แม้กระทั่งล่าสุดที่ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ได้ยอมรับกับ
กมธ.ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ในวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา
ว่าไม่สามารถควบคุมตำรวจชั้นผู้น้อยไม่ให้พกปืนประจำกายเข้าไปในสถานที่ควบคุมฝูงชนได้
ก็เป็นเรื่องที่ชัดแล้วว่ามีแนวโน้มจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 17 มกราคม 2557
ที่มีเหตุคนร้ายปาระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และยังมีเหตุประทัดยักษ์หรือระเบิดป่วนตามจุดต่างๆ ของผู้ชุมนุม
จนกระทั่ง กปปส.ต้องประกาศเสริมการ์ดในหลายๆ จุดโดยเฉพาะจุดแจ้งวัฒนะที่มีหลวงปู่พุทธอิสระ เป็นแกนนำ
เหตุการณ์ป่วนจุดชุมนุมดังกล่าวยิ่งจะเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมที่ต่อต้านความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลอยู่แล้ว
ยิ่งโกรธแค้นรัฐบาลมากขึ้น และเป็นผลเสียไปที่รักษาการรัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยตรง
อย่างไรก็ดี ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวยอมรับว่า การประเมินสถานการณ์จากพรรคเพื่อไทย
เห็นว่าม็อบ กปปส.นั้นไม่มีทางที่จะเอาชนะฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้
แต่พรรคเพื่อไทยจะพ่ายแพ้จากองค์กรอิสระอย่างแน่นอน เพราะสัญญาณจาก ป.ป.ช.ชัดเจนยิ่ง
“คดีใน ป.ป.ช.ในส่วนของคุณยิ่งลักษณ์ถือเป็นข่าวร้าย เพราะถ้าจับความจากที่คุณวิชา มหาคุณ
พูดจะเห็นได้ชัดว่าการไต่สวนคุณยิ่งลักษณ์นั้นอยู่บนพื้นฐานว่ามีความผิด
เพราะ G-to-G นั้นไม่มีข้อมูลว่าเกิดขึ้นจริง เพียงแต่ต้องให้โอกาสคุณยิ่งลักษณ์ไปชี้แจงตามขั้นตอนเท่านั้น
ตอนนี้ก็เหมือนได้แค่ซื้อเวลา” ดังนั้น พรรคเพื่อไทยประเมินว่า “นางสาวยิ่งลักษณ์”
ไม่มีทางรอดจากคดีรับจำนำข้าวแน่นอน! และนี่อาจเป็นจุดจบ และจุดระส่ำที่สุดของพรรคเพื่อไทยด้วย
“ส.ส.ของพรรคหวั่นไหวมาก โดยเฉพาะตอนที่ไปรับทราบคดีที่ ป.ป.ช. โอกาสพรรคแตกมีสูงมาก
สูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เรากำลังถูกเล่นงานหนักมาก ถูกเล่นงานอย่างที่เรียกว่าถอนรากถอนโคน”
เพราะตอนนี้ ส.ส.ทุกคนกำลังรู้สึกแล้วว่า ไม่มีทางไปต่อแล้ว “หัวขบวนก็โดนเล่นงาน คนกลางๆ
ก็โดน ส.ส.ทุกคนก็กำลังจะหนีไม่พ้นด้วย ตอนนี้กำลังใจของ ส.ส.เหลือน้อยมาก”
แถมรู้กันดีว่าคนต่อไปที่ต้องถูกเชือด! คือ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ในมาตรา 157 “ยิ่งคุณยิ่งลักษณ์ไม่น่ารอดจากคดี ป.ป.ช.
เราจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์เกิดขึ้นให้ได้
และหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคุณยิ่งลักษณ์ในช่วงนี้พอดี ก็เดาว่าคนที่จะขึ้นเป็นผู้นำให้พรรคต่อคือคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์
แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ตอนนั้นด้วย เพราะกระแสมวลชนที่แรงอาจทำให้เกิดการต่อต้านคนตระกูลชินวัตรอย่างหนัก
จนเกิดความเสียหายทางการเมืองได้ ซึ่งท่านทักษิณอาจจะเปลี่ยนใจให้คนอื่นขึ้นแทน เพราะยังมีคนที่ไว้ใจได้อีกหลายคน”
แต่ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ ส.ส.ของพรรคก็หวั่นไหวอย่างมากที่จะอยู่พรรคเพื่อไทยต่อไป
นับเป็นปัญหาใหญ่ที่นางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเผชิญหน้าอยู่ด้วย ความกดดันทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นมวลชนต่อต้านรัฐบาลที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพการก่อความรุนแรงโดยตำรวจ
ที่ผู้มีอำนาจคุมไม่อยู่ การไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ราชการสำคัญๆได้
ตัวเองก็กำลังจะโดนคดีความ ขณะที่พี่ชายก็ไม่ยอมให้ลาออกเพื่อรักษาสภาพ
ของความเป็นรัฐบาลรักษาการไปจนกว่าจะเลือกตั้งกลับมาถืออำนาจรัฐได้สำเร็จ
สถานการณ์กดดันนางสาวยิ่งลักษณ์ไปเต็มๆ
จนเวลานี้ข่าวลือเรื่องนางสาวยิ่งลักษณ์มีอาการคล้ายคนเป็นโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder)
หรือโรคอารมณ์ 2 ขั้วนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ “คุณยิ่งลักษณ์มีหลายบุคลิกมากตอนนี้
เวลาพูดออกทีวีจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่ในเวลาประชุมพรรค บางทีก็ร้องไห้ บางทีก็ตัดพ้อ
แต่หลายครั้งก็ตวาดออกมาในที่ประชุม น่าสงสาร เพราะเหมือนคนที่เป็นคุณหนูมานาน
พอมาเจอสถานการณ์ที่รุนแรงขนาดนี้ก็เหมือนคนที่รับมือไม่ได้” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เล่าให้ฟัง