ย้อนรอย 5 ปี 'เสื้อแดง' บุกล้มเวทีประชุมผู้นำอาเซียนพัทยา!
หากจะกล่าวว่า วันที่ 11 เมษายน 2552 เป็นวันที่ยากจะลืมเลือนของคนไทย คงไม่ผิดอะไรนัก เพราะวันนั้นเกิดการชุมนุมประท้วง นำมาซึ่งความล้มเหลวของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับนานาชาติ ทำลายภาพลักษณ์ของชาติอย่างย่อยยับ ทุกฝ่ายต่างตราหน้าความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลในชุดนายกอภิสิทธิ์ และกล่าวหาความไร้ซึ่งอารยธรรมของกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้สร้างความปั่นป่วนให้การประชุมครั้งสำคัญ
เป็นที่มาของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ทำให้ทั่วโลกจับตามองความล้มเหลวนี้อย่างใกล้ชิด
'10 เมษายน' ปฐมบทของเหตุการณ์
ความตึงเครียดของสถานการณ์ เริ่มต้นขึ้น เมื่อฝูงชนที่ใช้เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ หรือกล่าวง่ายๆ ว่าเป็น "ผู้สนับสนุน" ของ "อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร" นับพันคน รวมตัวกันในวันที่ 10 เม.ย. แล้วเดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งใช้เป็นสถานที่การประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของกองกำลังหลายฝ่าย หลังทราบข่าวความเคลื่อนไหวครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ความพยายามสกัดกั้นขบวนชุมนุมของเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะสูญเปล่า เพราะ สุดท้ายกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก็มาถึงหน้าโรงแรม รอยัล คลิฟฯ ปักหลักสกัดกั้นรถที่สัญจรผ่านไปมาไม่ให้เข้าในโรงแรม เว้นเพียงรถของเจ้าหน้าที่ทูตที่เข้าร่วมประชุมและเจ้าหน้าที่บางส่วนเท่านั้น พร้อมทั้งยื่นเงื่อนไขขอมีส่วนร่วมกับประชุมอาเซียนครั้งนี้ด้วย
ฝ่ายต่อต้านเริ่มลุกฮือขึ้น!!
หลังเกิดการพยายามยับยั้งการประชุม ชาวพัทยาจำนวนหนึ่งไม่พอใจที่กลุ่มเสื้อแดงทำให้เสียหายต่อบรรยากาศทางสังคมและธุรกิจของเมืองพัทยา จึงมีการรวมตัวโดยใส่เสื้อสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ ชูป้ายเรียกร้องความสงบ ประกาศให้ชาวชลบุรีทุกคนออกมาปกป้องแผ่นดินเกิด และร่วมกันเป็นเจ้าภาพการประชุม จนเกิดการกระทบกระทั่งกับฝ่ายคู่กรณี มีการตะโกนด่าทอและขว้างปาข้าวของใส่กัน สุดท้ายทั้งสองฝ่ายยอมถอย และนายอริสมันต์ยื่นข้อเสนอให้ตัวแทนแต่ละประเทศที่มาประชุมออกมารับหนังสือประท้วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หลังการยื่นหนังสือประณามรัฐบาลไทยแล้ว มวลชนเสื้อแดงก็ถอยกลับไปอย่างเป็นระเบียบ เหตุการณ์จึงจบลงอย่างสงบเกินคาด
แต่ทว่าการกระทำนี้ไม่ถูกใจ 'ทักษิณ'
"ผมแพ้ไม่ได้ ประท้วงแล้ว ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา" คำพูดจากปากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่พอใจนายอริสมันต์ หลังนำม็อบบุกถึงโรงแรมแต่กลับใช้วิธีเจรจาจบลงอย่างง่ายดาย เสมือนดังคำสั่งประกาศเปิดศึก ปลุกความฮึกเหิมของมวลชนเสื้อแดง แม้จะเป็นเพียงคำพูดผ่านจอภาพวิดีโอที่เจ้าของเสียงอยู่นอกเขตแผ่นดินไทย แต่สิ่งใดที่ออกจากปากคนผู้นี้ ย่อมศักดิ์สิทธิ์ต่อชาว นปช.เสมอ
เค้าลางของความรุนแรงเริ่มต้นขึ้นแล้ว...
'11 เมษายน' นปช.เผด็จศึก เฮลั่นประกาศชัย
การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 11 เมษายน ยังคงดำเนินไปตามกำหนดการที่วางไว้ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงขู่ว่าจะเคลื่อนผู้ชุมนุมไปยังโรงแรม รอยัล คลิฟฯ สถานที่ประชุมอีกครั้ง หลังสามารถทำได้สำเร็จเมื่อวันก่อนหน้า โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณที่เดินทางมาจาก กทม. เริ่มทยอยมารวมตัวกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาก่อนหน้านี้ รอคอยเวลาเผด็จศึก กระทั่งเสียงสั่งการเริ่มต้นขึ้น
ปฏิบัติการล้มประชุมอาเซียน
08.00 น. กลุ่มรถแท็กซี่หลายสิบคัน ใช้รถปิดถนนบริเวณแยกเขาพระตำหนัก ทางขึ้นโรงแรม รอยัล คลิฟฯ สถานที่จัดการประชุมอาเซียน ก่อนเคลื่อนตัวไปชุมนุมต่อต้านนายกรัฐมนตรี ทว่าห่างออกไปไม่ไกล มีกลุ่มเสื้อสีน้ำเงิน จำนวนหลายร้อยคนปิดทางขึ้นโรงแรมเช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร หลายกองร้อยตรึงกำลังเข้ม
09.00 น. กลุ่มเสื้อแดงประจันหน้ากับกลุ่มเสื้อน้ำเงิน บริเวณทางเข้าโรงแรม รอยัล คลิฟฯ ต่อมา เกิดการปะทะกลางแยกพระตำหนัก เมืองพัทยา เสียงปืน ระเบิดปิงปองดังลั่นขึ้น หลังเสียงสงบพบผู้บาดเจ็บหลายราย
10.15 น. นายกรัฐมนตรีที่อยู่ในโรงแรม รอยัล คลิฟฯ ฯ เรียกประชุมด่วนฝ่ายความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง จากนั้นโฆษกรัฐบาล แถลงเลื่อนประชุมสุดยอดอาเซียนกับผู้นำจีน หลังม็อบเสื้อแดงป่วนหนักขัดขวางการเดินทาง
11.50 น. แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวหาว่า รัฐบาลอยู่เบื้องหลังการปะทะกันของฝ่ายตนกับกลุ่มเสื้อน้ำเงิน จึงแถลงเรียกร้องให้ยุติการประชุมอาเซียน และให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อรับผิดชอบ กรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้น
12:30 น. กลุ่มเสื้อแดงระดมพลอีกครั้ง บริเวณทางขึ้นโรงแรม รอยัล คลิฟฯ พร้อมกระจายกำลังล้อมปิดเส้นทางขึ้นโรงแรมทุกเส้นทาง และแบ่งกำลังบางส่วนไปต้านกลุ่มเสื้อน้ำเงินในที่ปักหลัก ต่อมาได้ยกพลปีนกำแพงเข้าสู่สถานที่ประชุมอาเซียน โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ไม่สามารถสกัดกั้นได้
13.15 น. กลุ่มเสื้อแดงคลั่งทุบกระจกโรงแรมเสียหาย ก่อนบุกเข้ายึดและจัดโต๊ะแถลงข่าวเบ็ดเสร็จ โดย นายอริสมันต์ แถลงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี จับผู้ที่ทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงเช้าให้ได้ภายใน 1 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น เสื้อแดงจะตอบโต้อย่างรุนแรงทันที และไม่รับผิดชอบความปลอดภัยผู้ที่อยู่ในอาคารศูนย์ประชุม ฝ่ายผู้นำประเทศต่างๆ เร่งเดินทางออกจากโรงแรมหลังผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามา
13.26 น. รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดร.ปณิธาน วัฒนายากร แถลงเลื่อนการประชุมอาเซียน ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่นายกรัฐมนตรี เตรียมแถลงมาตรการจัดการกลุ่มเสื้อแดง
13.47 น. นายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่เมืองพัทยา และ จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่อันตรายขั้นร้ายแรง โดยมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงเป็นผู้กำกับดูแลสถานการณ์
สุดท้ายการประชุมระดับโลกก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า !?
การที่รัฐบาลประกาศยกเลิกการประชุมอาเซียน ย่อมหมายความถึงเป้าหมายของกลุ่ม นปช.บรรลุแล้ว ดังนั้นจึงมีการฉลองประกาศชัยชนะไปตามถนนสายต่างๆ ทั่วเมือง แต่ความล้มเหลวครั้งนี้จะเรียกว่าชัยชนะได้อย่างไร เมื่อต้องแลกมากับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ซึ่งต่างชาติเรียกว่าเป็น “โศกนาฏกรรมของไทยและอาเซียน” เพราะการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญมากกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ความหวังว่าข้อตกลงของผู้นำชาติต่างๆ จะช่วยแก้ปัญหา ค่อยๆ ปลิวหายไปกับเสียงการบุกรุกเข้ามาในโรงแรมของผู้ชุมนุม ทุกอย่างต้องชะงักงัน อาเซียนต้องหยุดกระบวนการทำงานที่สำคัญที่สุดในรอบ 42 ปี
รัฐบาลในชุดนายกฯ อภิสิทธิ์คงต้องหันมองตัวเองว่าทำไมถึงปล่อยให้มีเหตุการณ์น่าอับอายเช่นนี้ และกลุ่มคนเสื้อแดงก็ต้องฉุกคิดว่าชัยชนะบนซากปรักหักพังของประเทศ สมควรแล้วหรือที่จะแห่ฉลองอย่างเริงร่า เพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่ต้องรับกรรมกับความอัปยศนี้ คือคนไทยทุกคนที่อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้เลยก็เป็นได้
การกู้ภาพลักษณ์กลับคืนคงไม่ง่ายเหมือนตอนก่อขึ้นเสียแล้ว...
http://www.thairath..../content/415896