2549 กับ 2557
หลังจากพล.อ.สนธิ ยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 เขาผู้นี้ได้ไปเชิญพล.อ.สุรยทธ์ จุลานนท์ถึงสองครั้งให้มาดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
จนพล.อ.สุรยุทธ์ยอมรับตำแหน่ง และรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2549
รวมเวลาที่พล.อ.สนธิถืออำนาจอยู่ในมือเพียง 11 วัน ซึ่งแท้จริงแล้วนั้น พล.อ.สนธิ
เคยดำรงตำแหน่งรักษาการนายกฯด้วยในระยะเวลา 11 วันนั้น เพราะคำสั่งคปค.ที่พล.อ.สนธิเป็นหัวหน้า
ประกาศว่าให้อำนาจหน้าที่ของนายกฯ เป็นของหัวหน้าคปค.ด้วย
จากนั้นเมื่อได้รัฐบาลขิงแก่ คปค. ก็แปรสภาพเป็น คมช. โดยประธานก็เป็นคนเดิม
มีหน้าที่ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภา
และรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
คู่ขนานไปกับการที่รัฐบาลใหม่เข้าทำหน้าที่ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่
แล้วรัฐประหารพ.ศ.นี้เล่า ???
พล.อ.ประยุทธ์ ในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ไม่มีคำว่าเรียบร้อยนะครับ อันนั้นมันเมื่อก่อนพฤษภาทมิฬ)
ได้ทำการยึดอำนาจแล้วดังที่ทุกคนทราบ แต่...มาวันนี้ ไม่ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งนะครับ
หมวด2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ยังคงอยู่ วุฒิสภายังอยู่ ศาลและองค์กรตามรัฐธรรมนูญอื่นๆยังอยู่
ยกเว้นรัฐบาลรักษาการที่ต้องพ้นไป และอย่าลืมมารายงานตัวกันด้วย
แสดงให้เห็นว่าต่อจากนี้คงเป็นหน้าที่ของวุฒิสภาในการเดินหน้าสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่
มีนายกฯใหม่ก็มีรัฐบาลใหม่ จากนั้นแน่นอนว่าต้องเดินหน้าปฏิรูป เทียบเคียงง่ายๆคือ
ปี49 - รัฐบาลใหม่ทำงานจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากนั้นยุบสภาแล้วก็เลือกตั้ง
ปี57 - รัฐบาลใหม่ทำงานจนกว่าจะได้ "การปฏิรูป" ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม แล้วจากนั้นยุบสภา
เลือกตั้ง แล้วเดินหน้าปฏิรูปตามที่รัฐบาลที่กำลังจะมาถึงนี้กรุยทางไว้
และสำหรับกองทัพ ทำทั้งทีเอาให้เด็ดขาดไปเลยครับ นานกว่า 11 วันก็ได้ ไม่ต้องรีบ
เอาให้ปลอดภัย ขุดรากถอนโคนให้สิ้น อย่าหน่อมแน้ม เมตตาปรานีเหมือนเมื่อแปดปีที่แล้ว
จนคนเป็นหัวหน้าเสียผู้เสียคนไปดังที่ทุกท่านเห็นกันอยู่
และสำหรับพี่น้องมวลมหาประชาชน...
ในระหว่างที่ท่านกำลังเดินทางกลับบ้าน จงหลับตานึกถึงครึ่งปีที่ผ่านมา
จงอย่าเศร้าใจในการจากลาแบบกะทันหัน แต่จงภูมิใจที่ท่านได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว
ขามาท่านต้องการให้รัฐบาลหุ่นเชิดนักโทษนี้หมดอำนาจ
ขามาท่านต้องการขจัดทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง
ขามาท่านต้องการปฏิรูป
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นแล้วในขากลับนี้
เป็นการเดินทางที่ถึงเส้นชัยแล้วครับ