ปู จิตกร บุษบา
3 hrs · Edited ·
:: คนครัวหัวใจเพชร ::
พวกเขาไม่ใช่ "ผู้ก่อตั้งครัวระนอง" เขายืนยันว่าเป็นแค่ "คนระนอง" ที่มาช่วยด้วยหัวใจ จากวันแรกๆ ไล่ลำดับกันมา และยืนหยัดอยู่จนถึงวันสุดท้ายของการ "ทำครัว" ขณะที่ผู้ก่อตั้งกลับไปหมดแล้ว
....
ซ้ายสุดคือ "บ่าว" ทำงานเหมือน "ทาส" แต่เป็นทาสที่เต็มใจ ใครใช้ให้ทำอะไร บ่าวทำหมด เขาถือว่าเขาอาสามาแล้ว ตั้งใจมาบำเพ็ญประโยชน์แก่มวลมหาประชาชน อาจพูดจาไม่หวานหู บุคลิกลักษณะไม่จับตาจับใจ แต่เขามีหัวใจที่งดงามมาก
บ่าวเป็นที่รักของการ์ดและหลายๆ คน มืดค่ำดึกดื่น ใครหิวมา บ่าวติดเตา เจียวไข่ ผัดโน่นผัดนี่ให้ ทั้งๆ ที่ควรเป็นเวลาพักผ่อนของเขา ยามผมผ่านไปหรือแวะไป เขาจะถามทันทีว่า "พี่ปูหิวมั้ย" และเป็นเขานี่เอง ที่บอกอยู่เสมอว่า "พี่ปูมาครัวบ่อยๆ นะ ถ้ามาชุมนุมต้องแวะมานะ"
.....
สองคนตรงกลางคือ ป้าสาวกับจุ๊บ ป้าสาวมีร้านขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว และขนมหวาน อยู่หน้าแขวงการทางระนอง จุ๊บเปิดร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ กัน
ป้าสาวขึ้นมาช่วยน้องๆ ที่มาตั้งต้น "ครัวระนอง" และไม่เคยกลับบ้านเลยเป็นเวลา 4 เดือนกว่า จนสามีสงสัยว่า ป้าสาวได้แฟนใหม่ 555...
การเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในครัว ทำให้ป้าต้องอดทนหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอดทนต่อการถูกนินทาและมองในแง่ร้ายจากบางคนที่ "เสียประโยชน์" เลยหาว่าป้าสาวได้ประโยชน์จากการทำครัว จนกีดกันไม่ให้คนอื่นมาทำ
ในความเป็นจริง ป้าสาวเหนื่อยสายตัวแทบขาด ดีว่าได้ "บ่าว" คอยผ่อนเบางานทุกอย่าง โดยเฉพาะงานเก็บล้าง บ่าวจะไม่ยอมให้ป้าทำเลย
ครัวระนองไม่เคยขอเงินสนับสนุนจาก กปปส. ส่วนกลาง เขาได้เสบียงกรังและเงินสนับสนุนจากพี่น้องที่ระนองส่งมาให้ จากคนใจดีที่แม่กลอง เอากุ้งหอยปูปลามาส่ง ที่แป๊ะพี่เจี๊ยบตลาดไท เอาข้าวเอาผัก เอาแทบจะทุกสิ่งมาให้ และนายกฯ เอ (นายก อบจ.ระนอง) สนับสนุนทุกๆ อย่างโดยไม่เคยมาสมอ้างเอาหน้า บวกกับรายได้จากการขายกะปิ น้ำพริกแกง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ส่วนนี้พอจะแบ่งกันเป็นเงินติดกระเป๋ารายเดือนของแต่ละคน
พวกเขาทิ้งรายได้จากงานประจำมาอยู่ครัว อย่างป้าสาวมีรายได้เดือนละเป็นหมื่นเป็นแสน นอกจากขายข้าวแกงที่ร้าน ยังรับจัดอาหารตามงานต่างๆ เช่น งานบวช 4 เดือนเต็มๆ ที่ป้าสาวไม่เคยนึกถึงสิ่งเหล่านั้น คิดแต่ว่า "มาช่วยชาติ" มาในนาม "คนระนอง" ต้องไม่ให้เสียชื่อ
จุ๊บตามมาดูแม่ เพราะแม่ไม่กลับบ้าน เดิมตั้งใจจะปิดร้านแค่ 1 สัปดาห์ ทว่าเธอก็อยู่ยาว เพราะเห็นแม่ทำอาหารทั้งวัน ต้องมีคนช่วย ร้านเธอผมไปเห็นมาแล้ว ปิดตาย ฝุ่นเขรอะ ต้นไม้ตายหมด มันบ่งบอกว่า เจ้าของร้านเขาเลือกงานอาสา มากกว่ามุ่งหากินส่วนตัว
.....
ขวาสุดคือ น้องตุ๊ พูดน้อย ทำงานมาก ล่าสุดป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ นอนซมอยู่สองวันก็ลุกขึ้นมาทำครัวทั้งๆ ที่ป่วย เขาบอกว่า "ถ้านอน มันก็ซมอยู่อย่างนั้น มาทำอะไรบ้าง มีประโยชน์กว่า" ผมไม่เคยถามว่าอยู่ระนองเขาทำอาชีพอะไร แต่ทราบจากป้าสาวและเท่าที่เห็นมาตลอด เขาขยันมาก และช่วยกันกับบ่าวเก็บล้าง เพื่อให้ป้าสาวเหนื่อยให้น้อยที่สุด
.....
"คนก้นครัว" เหล่านี้ ทำงานด้วยใจ ซ่อนตัวอยู่ในมวลหมู่มหาประชาชนเงียบๆ ไม่มีชื่อไม่มีเสียง แต่ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบข้าวกล่องของเต็นท์ศิริราชและข้าวกล่องสำหรับการ์ดและทีมงานผู้ใหญ่สาทิตย์ วงศ์หนองเตย บางวันก็ทำอะไรอร่อยๆ ให้ลุงกำนันเป็นพิเศษ
.....
ผมรักพวกเขามาก จริงใจ ไม่เสแสร้ง ไม่ซับซ้อน ไม่หลอกลวง ตุ๊ไม่สบาย ผมแบ่งเงินให้ติดตัว 3,000 บาท โดยยัดใส่มื้อจุ๊บ (ตอนนั้นเข้าใจว่าเขาเป็นสามีภรรยากัน 5555) จุ๊บรีบเอาไปยื่นให้ป้าสาว และบอกว่าผมให้ (นี่คือความโปร่งใสที่ผมประทับใจมาก)
....
เช้าวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. ผมคงได้ร่วมทำครัวกับพวกเขาเป็นมื้อสุดท้ายกลางท้องถนน เราจะก้มนำ ชงกาแฟแจกคนที่เหลืออยู่ ก่อนเก็บของ แยกย้ายกันกลับบ้าน
....
4 เดือนกว่าๆ ที่พวกเขามาทำครัวกัน เขาคง "ขาดรายได้" ไปไม่น้อย แต่ไม่เคยได้ยินพวกเขาปริปากบ่น ยังมี "น้องวัน" อีกคน ที่กลับระนองไปเพราะ "ไม่ไหว" แล้วจริงๆ ร้านเขาที่โน่นแย่แล้ว
ผมฝันของผมส่วนตัวว่า จะพยายามหาเงินให้ได้สักก้อน แบ่งปันเป็นกำลังใจให้พวกเขา โดยที่พวกเขาไม่เคยร้องขอ ผมเชื่อว่ามันจะเป็นกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขากลับไปเริ่มต้นงานที่ทิ้งมา
....
ยังคิดไม่ออก จะหามาจากไหน ลำพังตัวเองก็ยังต้องหาอยู่เหมือนกัน 555 แต่จะหาให้ได้ เพราะน้ำใจไมตรีที่เรามีต่อกัน มันเสมือนกับว่า "ทุกเราคือทุกข์เขา ทุกข์เขาคือทุกข์เรา" ก็อย่างที่มวลมหาประชาชนพูดกันอยู่ทุกวัน --- "เราจะไม่ทิ้งกัน"
ครับ, ผมจะพยายามทำให้สำเร็จ
See Translation
Edited by Jedihan, 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 06:33.