กรณีตากใบ
กรณีตากใบ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ในอำเภอตากใบจังหวัดนราธิวาส ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน
เหตุการณ์
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อชายท้องถิ่นหกคนถูกจับกุม และได้มีการเดินขบวนเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทั้งหกคนดังกล่าว [/size]
และตำรวจได้เรียกกำลังเสริมจากกองทัพ หลังจากผู้เดินขบวนบางคนได้ขว้างปาก้อนหินและพยายามปิดล้อมสถานีตำรวจแล้ว
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ใช้แก๊สน้ำตาและยิงตอบโต้
ประชาชนท้องถิ่นหลายร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายวัยรุ่น ได้ถูกจับกุม กลุ่มคนเหล่านี้ถูกถอดเสื้อ ผูกมือไพล่ติดกับหลัง
และถูกจัดท่าให้นอนราบลงกับพื้น คลิปวิดีโอได้แสดงภาพทหารเตะและทุบตีประชาชนที่ถูกจับมัดไว้เรียบร้อยแล้วและ
นอนอยู่บนพื้นโดยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้ที่ถูกจับกุมถูกทหารโยนเข้าไปในรถบรรทุก
ซึ่งจะนำไปส่งยังค่ายทหารในจังหวัดปัตตานี ผู้ที่ถูกจับกุมนอนทับกันถึงห้าหรือหกชั้นในรถบรรทุก และเมื่อรถบรรทุกดังกล่าว
มาถึงค่ายทหารในอีกสามชั่วโมงถัดมา หลายคนก็เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากขาดอากาศหายใจ
รายงานอ้างว่ามีผู้เสียชีวิต 7 คนจากบาดแผลกระสุนปืน ส่วนที่เหลือเชื่อกันว่าเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจหรือถูกทุบตี
ผลที่ตามมา
เหตุการณ์ดังกล่าวจุดประกายให้เกิดการประท้วงอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ วีซีดีซึ่งจัดทำโดยกลุ่มมุสลิม
ได้แสดงให้เห็นถึงภาพเหตุการณ์เช่นเดียวกับเสียง วีซีดีเหล่านี้ได้ถูกส่งเวียนไปตามกลุ่มมุสลิมในประเทศไทย
รัฐบาลกล่าวว่าเป็นการผิดกฎหมายในการครอบครองวีซีดีดังกล่าวและกล่าวว่ารัฐบาลสามารถฟ้องร้องผู้ที่มีไว้ใน
ครอบครองได้
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ ปฏิกิริยาแรกของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ออกมากล่าวว่าชายเหล่านี้เสียชีวิต
"เพราะพวกเขายังอ่อนแอจากการอดอาหารระหว่างเดือนรอมฎอน
กระทั่งวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 ไม่มีสมาชิกกองกำลังความมั่นคงที่มีส่วนรับผิดชอบถูกนำมาเข้าสู่กระบวน
การยุติธรรม ต่อมา นายกรัฐมนตรี สุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวแสดงความขอโทษอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
http://th.wikipedia.org/wiki/กรณีตากใบ
กรณีมัสยิดกรือเซะ
ผู้เรียบเรียง อรอนงค์ และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
เหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อกรณีมัสยิดกรือเซะเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547
บริเวณมัสยิดกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ อำเถอเมือง จังหวัดปัตตานี มัสยิดกรือเซะเป็นโบราณสถานและมัสยิด
เก่าแก่ของจังหวัดปัตตานี ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยดำเนินมาอย่าง
ต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547
ซึ่งเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว
ความเป็นมา
ก่อนเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะในวันที่ 28 เมษายน 2547 นั้น ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการก่อนหน้านั้น
โดยในวันที่ 26 เมษายน 2547 กลุ่มคนประมาณ 30 คนได้ประชุมวางแผนเตรียมการโจมตีจุดตรวจมัสยิดกรือเซะ
ที่บ้านนายฮามะ สาและ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี โดยมีบุคคลระดับแกนนำเข้าร่วม
ประชุมหลายคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบในหลายพื้นที่ในเขตจังหวัดปัตตานี ในวันที่ 28 เมษายน 2547
ในระหว่างการประชุมเตรียมการได้มีการกำหนดพื้นที่โจมตีหลายจุด ซึ่งรวมถึงจุดตรวจมัสยิดกรือเซะด้วย
ลำดับเหตุการณ์
วันที่ 27 เมษายน 2547 เวลาประมาณ 15.00 น. กลุ่มบุคคลประมาณ 30 คนแต่งกายในลักษณะบุคคลทั่วไป
ที่เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ได้เดินทางโดยรถกระบะและรถเก๋ง พร้อมด้วยกระเป๋าสัมภาระไปยังมัสยิดกรือเซะ
และได้นำกระเป๋าสัมภาระเข้าไปไว้ในมัสยิด ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 ถึง 20.00 น. กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้
ทำละหมาดร่วมกัน โดยอุสต๊าซโซ๊ะได้พูดปลุกระดมให้มุ่งมั่นในการปฏิบัติการประกาศเอกราช และได้ทำการ
นัดหมายอีกครั้งว่า จะโจมตีจุดตรวจกรือเซะในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 28 เมษายน 2547 เพื่อแย่งชิงอาวุธปืน
ของเจ้าหน้าที่และให้หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในมัสยิด
เวลาประมาณ 20.00-20.30 น. กลุ่มชายประมาณ 20 คนแต่งกายในชุดดะอ์วะฮ์ได้เข้าไปรับประทานอาหาร
ที่ร้านชื่อ “มะกาแม” ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านข้างมัสยิดทางทิศเหนือ ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวเดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ กัน
จากจังหวัดสงขลาและจังหวัดยะลา เวลาประมาณ 23.00 น. ได้มีชาย 2 คน ออกมาจากมัสยิด และนำรถจักรยานยนต์
ขี่วนเวียนไปมาตามเส้นทางระหว่างมัสยิดและจุดตรวจกรือเซะ และหลังจากที่ได้กลับเข้าไปในมัสยิดแล้วชายทั้งสอง
ก็ไม่ได้ออกมาจากมัสยิดอีก
ช้าตรู่วันที่ 28 เมษายน 2547 เวลาประมาณ 02.30 น. กลุ่มบุคคลที่เดินทางไปยังมัสยิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2547
ประมาณ 15-18 คนได้ออกมานั่งรวมกลุ่มกันที่ลานหน้ามัสยิดด้านทิศตะวันออก โดยคนในกลุ่มได้พูดคุยและแสดง
ท่าทางในลักษณะของการวางแผน โดยคนอีกกลุ่มจำนวน 6-8 คน ได้รวมกลุ่มกันที่ระเบียงทางขึ้นมัสยิดด้านทิศใต้
จากนั้นได้มีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ สีน้ำเงินดำได้แล่นเข้ามาจอดบริเวณมัสยิดและมีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งลงมา
จากรถโดยบางคนแต่งกายชุดดะอ์วะฮ์เดินเข้าไปในมัสยิด
เวลาประมาณ 04.50 น. มีกลุ่มบุคคลที่มัสยิดประมาณ 30 กว่าคนได้แยกออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มละประมาณเกือบ 20 คน
โดยกลุ่มที่หนึ่งเดินทางไปทางถนนด้านสถานีอนามัย อีกกลุ่มหนึ่งเดินไปทางถนนด้านทิศเหนือฝั่งเดียวกับที่ทำการ
องค์การบริหารส่วนตำบลตันหยงลูโละมุ่งหน้าไปทางจุดตรวจกรือเซะ
ต่อมากลุ่มบุคคลประมาณ 32 คน ได้เดินมุ่งไปยังจุดตรวจกรือเซะฝั่งป้อมยามด้านสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
ขณะเดียวกันนั้น สิบตำรวจเอก อันวาร์ เบ็ญฮาวัน สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 444 ซึ่งปฎิบัติหน้าที่อยู่
ณ จุดตรวจฯ ได้รับแจ้งเตือนจากทหารจำนวน 3 คนที่วิ่งมาจากจุดตรวจฝั่งสถานีอนามัยว่าให้ระวังกลุ่มบุคคล
ดังกล่าวด้วย และต่อมาทหารที่เหลืออยู่อีก 1 คน ที่อยู่ ณ จุดตรวจได้ถูกฟันทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าว ได้โจมตีป้อมตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ กับมัสยิดกรือเซะ และได้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่
ตำรวจทหาร ผลจากการปะทะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บ 17 นาย
หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทั้ง 32 คน ได้หลบหนี้เข้าไปภายในมัสยิดกรือเซะ พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี
รองผอ.กอ.รมน. ได้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ มีประชาชนประมาณ 2,000-3,000 คน รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณมัสยิด
เจ้าหน้าที่ปิดล้อมมัสยิดอยู่นานราว ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 14.00 น.
ทางตำรวจทหารตัดสินใจบุกเข้าไปในมัสยิด ใช้ระเบิดมือและอาวุธ จนเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่อยู่ภายใน
มัสยิดทั้ง 32 คนเสียชีวิต
ผลกระทบจากเหตุการณ์
ข่าวการบุกเข้าไปสังหารกลุ่มบุคคลภายในมัสยิดกรือเซะแพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
เจ้าหน้าที่รัฐถึงการกระทำปราบปรามเกินกว่าเหตุ ดังนั้นเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการอิสระไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมัสยิดกรือเซะ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 104/2547
ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนได้แก่
1. นายสุจินดา ยงสุนทร อดีตเอกอัครราชทูตและอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานกรรมการ
2. นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ทรงคุณวุฒิประจำจุฬาราชมนตรี
3. นายจรัญ มะลูลีม นักวิชาการมหาวิทยาลัย เป็นรองประธาน
4. นายภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นกรรมการ
5. นายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน เป็นกรรมการ
6. นายอาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เป็นกรรมการ
7. นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน เป็นกรรมการ
หลังจากมีการดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ นายอานันท์ ปันยารชุน ประธาน
คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ได้แถลงผลการสอบสวนเหตุการณ์กรณีกรือเซะและตากใบ
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2548