หัวใจจะวาย…เกมส์การเมืองประเทศไทย ไฉนจึงพลิก…ได้ตลอดเวลา
หักปากกาเซียนเป็นว่าเล่น เพราะเดาทางกันไม่ถูก เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนเปลงแทบทุกวัน
วันก่อน “สั่งลุย” อีกวันต่อมา กลับส่งสัญญาณให้ “ชะลอ” สะงั้น
หลังจาก “พรรคเพื่อไทย” เช็คกระแสแรงต้าน แรงหนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อยู่นานสองนาน ก็ได้ความตาม
ที่ปรากฏ ผลสรุปก็อย่างที่เห็น คือ ดันกัน “สุดซอย” ไม่ถอยอีกแล้ว
เพราะถอยมานาน…ถอยมามาก ถอยมันแทบทุกเรื่อง ขนาดสุนัขเห่ายังออกอาการผวา สุดท้ายก็ถอย…
2 ปีกับอีก 2 เดือนกว่าๆที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เข้ามาบริหารประเทศอย่างประคับประคอง
มิให้สถานการณ์เกิดความรุนแรงขึ้น…และ“นายกฯยิ่งลักษณ์” ก็ยอมมาตลอด ถูกรุมสกัม รุมด่า สารพัด
น้ำตาตกในยากที่จะบอกผู้ใดได้
ก็อย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่าเธอมาเพียงเพื่อทำภารกิจสำคัญประการเดียว คือ พาพี่ชายกลับบ้านอย่างเท่ๆ
ดังนั้นแม้ว่าจะเกิดเรื่องราวใดๆ?ภารกิจแรกจะต้องไม่ล้มเหลวอย่างเด็ดขาด…
เกมส์การเมืองก็เป็นเยี่ยงนี้…ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร ดังนั้น บทบาทของผู้นำจะต้อง
“แกร่ง” และ “อดทน”ในทุกสถานการณ์ ซึ่งเธอก็เล่นบทนั้นได้ดี แม้จะถูกเสียดสีที่แรงยิ่ง
ฉะนั้นเมื่อวันเวลา “สุกงอม”…ภารกิจสำคัญจึงถูกเร่งให้จบก่อนเกมส์จะสิ้นสุด “พรรคเพื่อไทย”
จึงเดินหมาก “รุกฆาต” ตามสั่ง ซึ่ง เซียนการเมือง ต่างก็ลงความเห็นว่า ภารกิจ “นายกฯยิ่งลักษณ์”
น่าจะลุล่วงไปด้วยดี เพราะเธอดูสวยขึ้นมาทันทีที่ประกาศเดินหน้า “ปฏิรูปการเมือง”
โดยมีบุคคลสำคัญหลายท่านร่วมสังฆกรรม
แต่สุดท้าย…กลับมาสะดุดขาตัวเองกับการรีบเร่งผลักดัน “นิรโทษสุดซอย”
เรียกแขกเกลื่อตบเท้ามากันให้คึก มากันพร้อมเพรียง ทันทีที่ “เสี่ยสั่งลุย”
กระแสต่อต้านกระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ…แน่นอนว่า “ขาประจำ” ย่อมออกมาครบทุกกลุ่ม ทุกคน
ซึ่งหากมาเพียงหน้าเดิม กลุ่มเดิม รัฐบาลเช็คกระแสแล้วว่า “เอาอยู่” ชัวร์
ทว่า…ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กลับประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เพราะกระแสต่อต้านครั้งนี้
กลับมี กลุ่มใหม่ หน้าใหม่ แถม “มิตร” ยังกระโดดร่วมต้าน กระทั้ง “ชาวอีสาน” ฐานเสียงสำคัญของ
“พรรคเพื่อไทย” ก็ยังไม่เห็นด้วยกับ “นิรโทษสุดซอย” ของ “หัวเขียง”
ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ รองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ. นิรโทษกรรม
เล่นเอาคะแนนนิยม “พรรคเพื่อไทย” แกว่ง…เพราะลดฮวบจาก 44% เหลือเพียง 34% …
ทุกกลุ่มต้องเข้าสู่กระบวนยุติธรรม เว้นแต่กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง นี่คือความต้องการของชาวอีสาน
ซึ่งก็เห็นตรงกับอีกหลายๆฝ่าย
ทั้ง ส.ว.สรรหา “สมชาย แสวงการ”
ก็ออกมายอมรับหลักการที่ให้นิรโทษกรรมประชาชนทั้งสีเหลืองและสีแดง 1,800 คน
โดยไม่เกี่ยวข้องกับแกนนำ หรือ คนสั่งการ ส่วนจะให้ล้างความผิดคดีทุจริต คดีอาญา
หรือ คดีสังหารประชาชนนั้น บอกคำเดียวว่า ยากส์…ยากส์จะยอมรับได้
“วิชา มหาคุณ” คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
ก็ออกมาคัดค้านประเด็นการล้างผิดคดีทุจริตเช่นกัน
เพราะหากปล่อยให้กฎหมายผ่าน 25,331คดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
และเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ลอยนวลเช่นกัน…
เมื่อสถานการณ์แรงต้านกระจายทั่วไปทุกสารทิศ ทั้งภาคประชาชน เอกชน และหน่วยงาน
ต่างพร้อมใจออกมาแสดงท่าทีต่อต้าน ซึ่งดูว่าน่าจะ แรงขึ้น แรงขึ้น…
ดังนั้น เพื่อหยุดกระแสต่อต้าน ที่จะลุกลามบานปลาย “พรรคเพื่อไทย”จึงต้องเปลี่ยน
“เกมส์”…เปลี่ยนจากเดินหน้า “ลุย” มาเป็นการโยน “เผือกร้อน” ให้ “วุฒิสภา” ตัดสิน
เพราะถ้อยแถลงของ “นายกฯยิ่งลักษณ์” เมื่อ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา บ่งบอกชัดว่า “ยอมรับ” ใ
นการตัดสินของ “วุฒิสภา” ไม่ว่าจะ“ยับยั้ง” หรือ “แก้ไข” ก็ยอมรับการตัดสินใจ ด้วยเหตุ
ด้วยผล เพื่อความปรองดองของคนในชาติ…
ส่งไม้มา…รับไม้ไป…
ไม่ทันข้ามวัน…นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) ก็จูง บรรดา ส.ว.เลือกตั้ง อาทิ ดิเรก ถึงฝั่ง
ส.ว.นนทบุรี,ประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ร่วมแถลง ยืนยัน “ไม่รับ”หลักการ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ต้องรอลงการลงมติอีกครั้งในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 11 พ.ย. นี้
สรุปได้ว่า “วุฒิสภา” คว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
โดยส่งคืนให้สภาผู้แทนราษฎรไปแก้ไข…สุดท้ายก็กลับมาใช้บริการ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ฉบับ วรชัย เหมะ ที่ นิรโทรกรรมเฉพาะประชาชน ไม่รวม “แกนนำ” หรือ “คนสั่งการ”
ซึ่งน่าจะลากยาวไปถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนสมัยหน้าในปี 2557
ระหว่างรอ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ก็คงปรับคณะรัฐมนตรีอีกสักรอบ…เบ็ดเสร็จแล้วรัฐบาลก็น่าจะเข็นไปถึงปลายปี 2557
… เผลอๆเลือกตั้งใหม่ “พรรคเพื่อไทย” ชนะอีกรอบ…
เป็นห่วงก็แต่ “ม็อบ” …อย่ามัวแต่ “เป่านกหวีด” เรียกแขกกันเพลินนะพ่อนะ…
“แมนเมือง”