นี่เป็นคำพูดจากใจที่ผมจะพูดครับ เรื่องนี้ผมเองไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนแม้แต่คนในครอบครัวผม
ผมไม่เคยสนใจบ้านเมือง ไม่เคยสนใจแม้แต่จะฟังเพลงชาติไทย
ในทีวีตอนหกโมงเย็น แม้ขึ้นเพลงชาติมาผมก็เลื่อนไปดูช่อง mtv หรือ ช่องกีฬา พึ่งมารู้ได้ว่าตอนนี้
ชาติไทยที่ผมรักกำลังจะล่มสลายลง จากคนบางกลุ่มไม่กี่คน
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วสมัยผมอยู่ประถม
ตอนนั้นเคยไปเที่ยวห้างแล้วมีร้านเกมส์เปิดใหม่ ผมเองตอนเด็กเองเคยโขมยเงินย่า 100 บาท
ขี่จักรยานไปเล่นเกมส์ที่ร้านกับเพื่อน ออกไปตั้งแต่บ่ายสี่กลับถึงบ้านสามทุ่ม เพราะเงินหมด
พอกลับมาถึงบ้านย่าก็รอที่หน้าบ้านทำหน้าถ*คุณ*ทึงใส่ แล้วเดินมาถามผมว่า
"เอ็งเอาเงินย่าไปหรือเปล่า"
ด้วยความที่กลัวถูกลงโทษ เลยตอบไปว่า "เปล่าครับ"
สักพักแกคว้าเอาไม้เรียวหน้าบ้าน คว้าแขนผมฟาดผมจนหลังและก้นลายเป็นรอย
แล้วแกก็ขว้างไม้เรียวลงกับพื้น ผมเองน้ำตาแตกและโมโหมากรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนแล้วล็อคประตู
นอนก้มหน้ากับที่นอนน้ำตาคลอเบ้า
คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าเรื่องแค่นี้ต้องตีต้องฟาดกันด้วยหรือ แถมตีต่อหน้าเพื่อนอีก พรุ่งนี้จะมองหน้าเพื่อนติดไหม
ไปโรงเรียนจะมีใครมาล้อไหม จะนอนก็นอนไม่ได้เจ็บก้น
ด้วยความเจ็บทนไม่ไหวเลยแอบย่องจากห้องจะไป
เอายาทาแผลข้างล่างมาทา เลยค่อย ๆ ย่องบันไดลงไป สักพักผมได้ยินเสียงร้องไห้
ค่อย ๆ เหลือบมามอง เห็นย่ากำลังร้องไห้ ผมก็ค่อย ๆ เข้าไปหาแก ถามว่าแกว่าทำไมต้องร้องไห้
ผมเองรู้สึกผิดมากเลยพูดกับย่าออกไปว่า ผมจะหาเงินมาคืนให้ย่าครับ ย่าหันกลับมาบอกว่า
"ลูกเอ้ย ย่าไม่ได้เสียใจเพราะเงินนั้นหรอก
แต่ย่าเสียใจที่ทำให้เอ็งเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ เป็นคนขี้ขลาด
ไม่กล้ายอมรับความจริง ทั้ง ๆ ที่เอ็งเป็นลูกผู้ชาย"
ผมน้ำตาแตกอีกครั้งแล้วก้มลงกราบขอโทษแก หลังจากนั้นก็เข้าไปกอดย่า
แล้วบอกกับย่าไปว่า
"ย่าผมผิดเอง ผมขอโทษครับ แต่ผมก็ผมอายเพื่อนไม่อยากไปเจอหน้าเพื่อน"
"คนที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดต่างหาก ที่น่าอาย ทุกคนย่อมเคยทำผิด
พลาดด้วยกันทั้งนั้น."
วันนี้ผมกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกรอบในวันที่ แกไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว
ผมจำเรื่องนี้ได้ฝังใจ
ขอบคุณมากครับที่อุตส่าห์ทนฟังผมระบายมาจนถึงบรรทัดนี้
ขอให้ชัยชนะเป็นของประชาชนครับ
ขอบคุณมากครับ