กัมมุนา วัตตติโลโก...สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมแต่กรรมในที่นี้ หมายถึงการกระทำนะครับ
ไม่ใช่เรื่องราวในอดีตชาติอย่างละครทวิภพ
วันนี้ขออนุญาตท่านผู้อ่านขึ้นต้นบทด้วยคำพุทธสุภาษิตนะครับ
ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากอยากที่จะย้ำเตือน
บรรดาสัตว์โลกทั้งหลายที่กำลังร้อนรุ่มกันทางการเมือง
ความร้อนในวันนี้ก็ทราบกันดีใช่ไหมครับว่า
....กรณีความเห็นต่าง ในเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มี 2 เวอร์ชั่นนั้น
ปะทะความคิดเห็นกันอย่างมากมายความเห็นนั้นเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้
แต่ก็เป็นของร้อนได้เสมอถ้าใจของผู้ที่คิดนั้นตั้งมั่นอยู่บนความเห็นที่แค้นเคือง
หรือเต็มไปด้วยการผูกเวร เวร...ทางพระพุทธศาสนานั้น ท่านว่าไม่ต้องคอยนาน
แต่สามารถล้างได้ด้วยอารมณ์ปัจจุบัน คือ การให้อภัย ไม่ผูกเจ็บหรือพยาบาท
ผลลัพธ์ของการไม่จองเวรนั้น ถ้าเป็นเรื่องราวระหว่างบุคคลกับบุคคลชีวิตของทั้งคู่
ก็จะพบประสบสุข ถ้าเป็นเรื่องกลุ่มคนต่อกลุ่มคน
สิ่งที่เป็นความวุ่นวายจากการรบราฆ่าฟันกันก็หมดไป
สิ่งตามมาคือทำให้ลูกหลานอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข
แต่...ถ้าเป็นเรื่องของสังคมต่อสังคม ผลลัพธ์ที่ตามมา
คือ ความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง
ประชาชนในชาติก็จะมีความสุขจากการทำมาหากิน
เวร...ระดับชาติที่มีการผูกพยาบาทกันนั้น
มีอิทธิพลแทรกซึมเข้าไปสู่กลุ่ม บุคคลนั้นง่าย
เพราะเป็นเวรที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง
และการเมืองโดยธรรมชาตินั้นเป็นของร้อน
เมื่อความเห็นร้อนต่อร้อนปะทะกันขึ้นมา
ก็เกิดเพลิงโทสะอาฆาตพยาบาท เพราะ...เชื้อที่เติมไปนั้นคือ
การปกป้องผลประโยชน์ของพวกตนไม่ให้ถูกแย่งชิงไป
สำหรับ 2 เวอร์ชั่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ปะทะความเห็นต่างกันนั้น
เมื่อหาสาระแห่งหัวใจของเรื่องราวแล้วจะเห็น...
ฝ่ายแรก...เสนอครึ่งซอย เน้นเฉพาะกลุ่มต้นซอยฉบับนายวรชัย เหมะ
ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ตอกย้ำหลักการว่า
"นิรโทษกรรมให้เฉพาะประชาชน"
ให้น้ำหนักแก่ผู้ที่ถูกพิษจากการชุมนุมทางการเมืองเป็นสำคัญ
จะเหลือก็เพียงครึ่งซอยหลังไม่รวมแกนนำที่อยู่ก้นซอย
ฝ่ายหลัง...เสนอสุดซอย เน้นทุกกลุ่มพูดง่ายๆ คือ ล้างซอยไม่ให้เหลือผู้ผิดเลยแต่ก็เป็นฉบับของนายวรชัย
เช่นเดียวกัน ที่ผ่านเข้าสู่การพิจารณาชั้นกรรมาธิการมีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์
รองประธานคณะกรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย
นำโหวต "หักดิบ" เปลี่ยนจากนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน เป็นการนิรโทษกรรมถึงผู้สั่งการ
และแกนนำด้วยรวมทั้งเพื่อปูทางกลับบ้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรีและเหมารวมถึงการล้างผิดให้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานีเป็น 2 บุคคลที่
“คนเสื้อแดงเชื่อว่าอยู่ในฐานะผู้สั่งการ – ต้นทางแผนสั่งฆ่าประชาชน”
จากกรณีดังกล่าวข้างต้น เชื่อว่า...ถ้าทุกฝ่ายไม่เข้าใจเป้าหมายใหญ่และรวมของประเทศ
หรือการรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกันแล้วพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนี้ก็จะเป็นเชื้อจองเวรอย่างดี
ให้แก่ผู้คนในสังคมได้ทะเลาะกันอย่างสนุกสนานบนความซากความพินาศของประเทศ
แล้วท่านผู้อ่านคิดว่า...เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...นั้น
กับสถานการณ์วันนี้ จะสร้างคุณและโทษแก่บ้านเมืองด้านใดมากกว่ากันครับ