Jump to content


Photo
- - - - -

ปลายอ้อกอแขม ตอแหลสุดซอย

พระวิหาร

  • Please log in to reply
13 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:02

...หากเราต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ให้กัมพูชาไปคราวนี้ ต้นตอก็คือพรรคประชาธิปัตย์ !.
Today, 07:30 AM (This post was last modified: Today 07:53 AM by ปลายอ้อกอแขม.)
posted_.png Post: #1
  ปลายอ้อกอแขม buddy_online.gif 
Senior Member

 

...หากเราต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ให้กัมพูชาไปคราวนี้ ต้นตอก็คือพรรคประชาธิปัตย์ !.

ผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า ณ บัดนี้ (10 พย.56) ก่อนวันตัดสินของศาลโลก กรณีคดีเขาพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพรวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ กำลังคิดหา “ชุดคำพูด”แก้ต่างให้กับตัวเอง และขณะเดียวกันก็กำลังคิดหา “ชุดคำพูด”ใส่ร้าย เพื่อโยนกลับให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นฝ่ายผิดเสียเอง หากศาลโลกตัดสินเป็น “ผลลบ”กับไทยในวันที่ 11 พย.56 นี้ จากนั้นก็จะพามวลชนขับไล่รัฐบาล..ผมเชื่ออย่างนั้น !


แต่หากศาลโลกตัดสินให้เป็น “ผลบวก”กับไทย ก็เชื่ออีกเช่นกันว่า คนทั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียม “ชุดคำพูด”หรูๆเอาไว้ เพื่อยกยอปอปั้นตัวเอง เก่งกล้า สามารถ ฉลาดล้ำเหนือมนุษย์ จนชาวบ้านที่ฟังอยู่อาจอ้วกแตกเป็นลมคาม็อบ จากนั้นก็ชวนมวลชนขับไล่รัฐบาล..เหมือนเดิม


ผมยังเชื่อโดยสุจริตใจอีกว่า 2 คนนี้ คือนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพนั้น สามารถทำอะไรก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้เสมอโดยไม่มีอาการเคอะเขินแ​ม้แต่น้อย เพราะทั้ง 2 คนนี้ ได้บรรลุแล้วซึ่งความ “ไร้ยางอาย”ทุกอย่าง และเข้าถึงแล้วซึ่ง “ความหน้าด้าน”ทุกชนิด อย่างที่ไม่เคยมีใครๆเคยได้สัมผัส ..เลวแบบไร้สารตะกั่ว !


เขาพระวิหาร ถูกศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชาไปแล้วเมื่อปี 2505 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยสมัยนั้นรัฐบาลแต่งตั้งให้ มรว.เสนีย์ ปราโมทย์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นทนายแก้ต่างฝ่ายไทย เพราะถือว่าเป็นนักกฎหมายที่เก่งที่สุดในขณะนั้น สุดท้ายก็เสียท่าแพ้คดีหลุดลุ่ย เสียเขาพระวิหาร..เพราะพรรคประชาธิปัตย์


ในปี 2543 สมัยนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามใน MOU43 กับกัมพูชา ยอมรับพื้นที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นเหตุทำให้ไทยเสียดินแดนในทางนิตินัยอย่างสมบูรณ์แบบ แม้โดยพฤตินัยไทยจะยังครอบครองอยู่ก็ตาม แต่ต่อมา เขมรก็ค่อยๆลำเลียงชาวบ้านรุกเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตของ MOU43 รอบๆเขาพระวิหาร (พท.4.6 ตร.กม.) โดยที่รัฐบาลนายชวน ก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุให้ไทยเสียดินแดนไปโดยปริยายอีก..เพราะพรรคประชาธิปัตย์


ในปี 2550 สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชนโดยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เขมรจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกพร้อมพื้นที่รอบๆ แต่นายนภดล ปัมทะ รมต.ต่างประเทศ ได้เจรจาขอให้เขมรนำไปขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น แต่พื้นทีโดยรอบนั้นถือว่ายังเป็นพื้นที่ทับซ้อน จึงตกลงจะทำเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นข้อตกลงเรียกว่า “แถลงการณ์ร่วม(JOINT COMMUNIQUE)” ซึ่งถือว่าเขมรตกหลุมพรางไทย เพราะยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น เป็น “พื้นที่ทับซ้อน”อยู่ ทำให้ MOU43 ที่นายชวนลงนามไว้มีน้ำหนักน้อยลง เพราะขณะนั้นเขมรไม่เอามาเป็นข้ออ้าง..เป็นคุณกับฝ่ายไทย



ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่า แถลงการณ์ร่วมของนายนพดล ปัมทะ ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะไม่ผ่านสภาฯ จึงถือเป็นโมฆะ มีผลทำให้นายนภดลพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไป ฝ่ายกัมพูชาจึงกลับมายึดถือเอา MOU43 ของนายชวนเป็นหลัก..เหมือนเดิม


ในปี 2551 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องการจะ “เช็คบิล” พรรคพลังประชาชนและอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และพยายามจะสร้างกระแสชาตินิยมให้กับตนเอง จนเกิดข้อพิพาทครั้งใหม่ มีการยั่วยุ มีคนไทยถูกจับ และมีการปะทะระหว่างทหารตามแนวชายแดน..อุตลุด


นี่เอง จึงเป็นเหตุให้กัมพูชานำคดีเมื่อ 50 ปีที่แล้วขึ้นสู่ศาลโลกอีกครั้ง เพื่อให้ตีความ “พื้นที่รอบเขาพระวิหาร” ให้ชัดเจนว่าควรจะเป็นของใคร และในวันแถลงต่อศาลโลกนั้น กัมพูชาได้กล่าวต่อศาลว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์คืนต้นเหตุที่ทำให้กัมพูชาต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลโลก ในคำบรรยายแถลงศาล กัมพูชาอ้างถึง MOU43 พื้นที่ 1:200,000 ที่เคยลงนามร่วมกับรัฐบาลนายชวน หลีกภัยเป็นหลัก..นี่คือข้อเท็จจริง


เริ่มต้นเมื่อกัมพูชานำคดีขึ้นสู่ศาลโลกใหม่ๆ มีกระแสให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก แต่นายอภิสิทธิ์ก็ได้แต่งตั้งทนายไปยื่นคำให้การต่อศาล ก็เท่ากับว่ายอมรับอำนาจศาลไปอีก ส่วนอีกทางหนึ่ง ก็ทำเป็นส่งคนไปกดดันคณะกรรมการภาคีมรดกโลก จะให้ถอนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารออก แต่เมื่อไม่สำเร็จ ถึงขนาดนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ประกาศกร้าวด้วยการยื่นจดหมายถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถอนจริง..แค่คำโกหก


เมื่อต่อมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแห่งพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เดินตามแนวที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้วางไว้ทุกประการ แม้ทีมทนายที่นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งไว้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ต่างกันที่ความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชาเป็นไปฉันท์มิตร ไม่มีการสู้รบ ปราสาทเขาพระวิหารก็เปิดให้คนขึ้นไปชมได้ตามปกติ ชาวบ้านตามแนวชายแดนก็อยู่กันอย่างสุขสงบ..รอคำพิพากษา


ศาลโลกนัดตัดสินในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 โดยสามัญสำนึกธรรมดาๆ หลายๆฝ่ายเชื่อกันว่า 90 % ศาลโลกจะตัดสินมีผลเป็น “ลบ”กับฝ่ายไทย เพราะ MOU43 ที่กัมพูชาถือไว้เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งสัมพันธภาพที่ดีของศาลโลกกับฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมต่างๆที่ปรากฏทางกายภาพ..ไทยไม่น่าจะรอด !


หากโชคดี ศาลโลกอาจเห็นว่าจะเกิดความขัดแย้งถึงขั้นมีสงครามระหว่างประเทศ ศาลอาจบอกว่า ไม่รับตีความ เพราะไม่มีอำนาจ ให้คงอยู่ในสภาพเดิม และให้ไทยกับกัมพูชาไปตกลงกันเอง จะเอาอย่างไร แล้วค่อยมาบอกศาล อย่างนี้ถือว่าเจ๊ากันไป ..ไทยรอดตัว!

1461752_352155551595461_448182935_n.jpg
ขอบคุณเจ้าของภาพ (ใครก็ไม่รู้)

แต่หากโชคร้ายขีดสุด ถ้าไทยต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ให้กัมพูชาในครั้งนี้ไปอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า “พรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละ คือต้นตอแห่งการเสียดินแดนของไทยในปี 2556” โดยนายชวน หลีกภัย เป็นคนเปิดประตู MOU43 ให้กัมพูชาก่อน ส่วนนายอภิสิทธิ์ เป็นคนจูงมือกัมพูชาเข้ามาในบ้าน โปรดดูหน้ากันไว้ให้ชัดๆ ทั้ง 2 คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ทั้ง 2 คนนี้ยังเป็นนักการเมืองอยู่.. และทั้ง 2 คนนี้ก็อยู่พรรคประชาธิปัตย์ !!!
 

ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#2 thebriza

thebriza

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 618 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:19

เริ่มขบวนการโยนขี้อีกแล้วสินะ...

ออกแนวๆเดียวกันกับตรรกะ อำมาตย์สั่งปล่อยน้ำบนเขื่อน ทำให้น้ำท่วม ใครๆ ก็รู้..



#3 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:20

มันเริ่มวอรูมกันตั้งแต่ไอ้ปิ้ง อีห่านป่า มายันขี้ข้าอย่างปลายอ้อ ขิงว่าเรามีแววจะเสียพื้นที่ 4.6 ตรกมใ นะนี่ 


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#4 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:26

http://www1.tv5.co.t...e/prawihan2.htm

 

 


 

  ๑ ส.ค.๔๔ มีการประชุมระหว่างประเทศ จนท.กต.กับนายวาร์ คิม ฮง ผู้รับผิดชอบกิจการชายแดนของกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาหากกรณีฝ่ายไทยต้องการสร้างศาลาที่พักบริเวณสุดถนนลาดยางบริเวณทางขึ้นปราสาท พระวิหาร ผลการประชุมให้ฝ่ายไทยชะลอการสร้างไว้ก่อนและเสนอปัญหาต่อ กต.ต่อไป

 

           ๕ พ.ย.๔๔ ได้มีการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเสียระหว่าง ผวจ.ศก. ผู้แทนฝ่ายไทยกับนายวาร์ คิม ฮง ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาแต่ผลการปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลง

 

           ๑๔.ธ.ค.๔๔ ฉก.กรม ทพ.๒๓ ขออนุมัติระงับการให้ประชาชนเข้าชมปราสาทพระวิหารเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุผลที่ประชาชนกัมพูชาบริเวณตลาดเชิงเขาพระวิหารได้มีการเพิ่มจำนวนขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมากเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากน้ำเน่าเสียไหลลงสู่เขตไทยบริเวณสระตราวทำให้ราษฎรไทยไม่น้อยกว่า ๕ หมู่บ้านในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับความเดือดร้อน

           กลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและจัดการของกัมพูชาที่ประจำอยู่บนเขาพระวิหารจำนวนไม่น้อยกว่า ๖ กลุ่ม แต่ละกลุ่มไม่สามารถปกครองบังคับบัญชากันได้ต่างแสวงหาประโยชน์ทุกรูปแบบจากนักท่องเที่ยวจนส่งผลกระทบในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

 

           ๑๗ ธ.ค. ๔๔ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาและประธานคณะกรรมการเพื่อดูแลและพัฒนาการท่องเที่ยวปราสาทพระวิหาร (ฝ่ายกัมพูชา) ถูกปลดจากตำแหน่งเนื่องจากได้ลงนามในบันทึกการประชุมความร่วมมือในการพัฒนาเขาพระวิหารให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ระหว่างไทย - กัมพูชา เมื่อ ๑ มิ.ย.๔๔

 

           มิ.ย.๔๖ มีการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย – กัมพูชา ที่เมืองเสียมราฐและที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีมติร่วมกันเป็นครั้งแรกให้มีความร่วมมือพัฒนาเขาพระวิหารและบูรณปฏิสังขรณ์ปราสาทพระวิหาร เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่างสองประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนไทยกับกัมพูชาในทุก ๆ ด้าน

 

 

๒๕ พ.ย.๔๗ คณะกรรมการเพื่อพัฒนาเขาพระวิหารได้จัดประชุมที่กรุงเทพ ฯ และได้ตกลงในหลักการเกี่ยวกับความร่วมมือพัฒนาร่วมเขาพระวิหาร โดยกัมพูชาเห็นชอบกับหลักการพื้นฐานในการพัฒนาร่วม เขาพระวิหารตามที่ได้หารือกับฝ่ายไทย และขอว่าความร่วมมือนี้ควรเริ่มดำเนินการหลังจากที่ปราสาทพระวิหารได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว

 

 

๘ มี.ค.๔๘     กัมพูชายื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

 

 

 ปัญหามันไม่ได้เริ่มตั้งแต่นพดล...แต่มันเริ่มตั้งแต่รัฐบาลทรราชย์ทักษิณ แล้วมีพัฒนาการต่อไปเรื่อย ๆ

 

จนความอดทนของคนไทยขาดสะบั้น...หลังจากนพดลไปทำแถลงการร่วม..เพื่อต่อยอด การประชุม เมื่อครั้งรัฐบาลทักษิณ...

 

 

แต่จริงแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าปลายแคมมันจะกลัวอะไรนักหนากับคำพิพากษา

 

ส่วนตัวผมคิดว่าศาลจะพิพากษาให้กลับยังจุดเดิมก่อนเขมรฟ้อง

 

คือไปร่วมกันปักปันดินแดนกันเอาเอง..เหมือนทีเคยทำกันว่าก่อนมีพิพาทย์นั่นแหละ

 

:D


Edited by 55555, 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:32.


#5 thebriza

thebriza

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 618 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:44

มันเริ่มวอรูมกันตั้งแต่ไอ้ปิ้ง อีห่านป่า มายันขี้ข้าอย่างปลายอ้อ ขิงว่าเรามีแววจะเสียพื้นที่ 4.6 ตรกมใ นะนี่ 

 

ผมกลัวว่าเกมส์จะพลิก ออกแนว วินๆ แล้วไอ้เด็จพี่ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าเป็นผลงานของรัฐบาล

ตบด้วยพวกแกนนำแดงก็ไปเป่าหูสาวกฟายๆของพวกมันต่อว่าเป็นเพราะพ่อทักษิณ ทำให้ไทยไม่เสียดินแดน

 

จบ... ประกาศชัยชนะ

 

ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ฟายแดงก็เลือกเข้ามาใหม่อยู่ดี....

 

ตามนั้น !!



#6 ฟ้าเข้ม

ฟ้าเข้ม

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 290 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:48

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผลการตัดสินศาลโลกยังไม่ออกมา ปลายอ้อก็โยนขี้ไปให้ ปชป เรียบร้อย

 

 

 

สรุปเพื่อไทยดีไปหมด เมพสุดๆเลยเนอะ



#7 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:51

ถ้าปลายอ้อมันเขียนด้วยความเชื่ออย่างนี้จริง ถึงจะดูควายมากก็ยังพออภัยให้ได้ แต่ถ้ามันเขียนตามใบสั่ง เขียนเพื่อสร้างความเข้าใจผิดสร้างความวอดวายมันก็เป็นคนที่ชั่วมากค่ะ 


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#8 kaidum

kaidum

    ขาดขา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,125 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 14:17

นี่ไงครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้น และเป็นข้ออ้าง หากเมื่อไทยเสียท่ากรณีศาลโลกพิจารณาคดีพื้นที่รอบเขาพระวิหาร

เนื้อความไม่มีอะไรมากไปกว่าการ โจมตีนายชวน ในเรื่องเอ็มโอยู 43  โจมตีอภิสิทธิ์ ที่ไม่ยอมให้ นพดล ปัทมะ หยิบยื่น

ความเป็นเจ้าของเด็ดขาด ในปราสาทพระวิหาร ต่อเขมร 

 

อันที่จริงผู้ที่ติดตามประเด็นเขาพระวิหาร ต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ขณะนั้น ไม่เคยปฏิเสธคำสั่งศาลใน

ปี 2505 ที่ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร

เพียงแต่การบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ และ การรับรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวของเขมร

ที่ลงนามโดนพดลนั้น มีความสุ่มเสี่ยง ต่อการสูญเสียพื้นที่อีกหลายๆจุดที่เป็นปัญหาอยู่ อีกทั้งยังมีความเคลือบแคลง

ของประชาชนผู้บังเกิดความสงสัยในกรณีผลประโยชน์ต่างตอบแทน ของคนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร และ ฮุนเซน

จนทำให้ รมต. ต่างประเทศ ที่ชื่อนพดล ปัทมะ ผู้ซึ่งเราๆท่านๆ ต่างทราบดีอยู่แล้วว่า คือ "คนของทักษิณ"

กระทำการลุแก่อำนาจ ลงนามรับรองให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว

 

การกล่าวหาของคุณ ปลายอ้อ กอแขม เป็นเสมือนการหยิบเนื้อเรื่องบางจุด มาโจมตีเพื่อสร้างความชอบธรรม

ให้ฟากฝ่ายตัวเองเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงเข้ามาประกอบร่วม อีกหลายๆปัจจัย 

ไม่ว่าเรื่องการรุกล้ำพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติ ในสมัยของรัฐบาลชวน โดยกระทรวงต่างประเทศขณะนั้น

ทำหนังสือแจ้งเขมรอย่างเป็นลักษณ์อักษรหลายครั้งด้วยกัน  เรื่องการบุกรุกพื้นที่ปราสาทตาเมือน ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์

ที่เขมรเหิมเกริมจนถึงต้องจบด้วยการปะทะ เรื่องการบุกรุกพื้นที่พิพาท ในช่วงปี 2541 โดยการสร้างวัด

และ พยายามโยงว่าพื้นที่ 4.5 ตรกม.ไม่ได้อยู่ในบันทึกข้อตกลงทำความเข้าใจ ทั้งๆที่การอ้างเส้นแบ่งเขตใหม่ของเขมร

เป็นการอ้างขึ้น ในปี 2550

 

เหล่านี้ คือการโกหกของเขมรในคราบคนไทย เช่น ปลายอ้อ กอแขม 

ซึ่งผมแนะนำให้คนไทย ต้องใช้เหตผล และ ความจริงในการวิเคราะห์

 

วีรชัยแจงศาลโลกชี้เขมรจงใจรุกล้ำพื้นที่ครอบครองของไทย-อ้างหลักฐานสร้างความเข้าใจผิด

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 เมษายน 2556 17:28:26 น.

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำเนเธอร์แลนด์ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ได้แถลงด้วยวาจาต่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ คดีปราสาทพระวิหาร โดยใช้เวลา 30 นาที ซึ่งเนื้อหาระบุว่า กัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร แม้ว่าไทยจะยอมรับในคำตัดสินของศาลโลกในอดีตให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ซึ่งการบุกรุกดังกล่าวละเมิดข้อตกลงตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก

 

ก่อนหน้านี้ไทยตกลงในกระบวนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมภายใต้บันทึกความเข้าใจเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน มิใช่เป็นกระบวนการทางยุติธรรมครอบคลุมถึงพื้นที่ซึ่งกัมพูชาอ้างในปัจจุบัน แต่กัมพูชากลับมาขอโดยแฝงในคำขอตีความให้ศาลให้ในสิ่งที่ศาลได้ปฏิเสธอย่างชัดแจ้งที่จะชี้ขาดพื้นที่ดังกล่าว คำฟ้องของกัมพูชาเป็นการใช้กระบวนการคดีในทางที่ผิดและไม่เคารพศาล ซึ่งคำขอกัมพูชาไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ภายใต้ข้อ 60 ของธรรมนูญศาลว่าด้วยกระบวนการตีความ เพราะองค์ประกอบของอำนาจศาลภายใต้ข้อนี้ไม่ครบ

ข้อพิพาทปัจจุบันเกิดจากการเรียกร้องดินแดนใหม่ของกัมพูชา เพื่อยื่นเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับคดีเดิมที่เกี่ยวกับอธิปไตยเหนือปราสาทที่ได้รับปฏิบัติแล้วทันทีภายหลังจากการมีคำพิพากษา เพราะไทยได้ถอนกำลังทหารออกจากดินแดนกัมพูชาที่เป็นบริเวณสิ่งปรักหักพังของตัวปราสาท และกัมพูชาไม่เคยคัดค้านการควบคุมพื้นที่อย่างเป็นจริง และความชอบธรรมของไทยในอีกฟากหนึ่งของเส้นมติคณะรัฐมนตรี

และยอมรับเองว่ากัมพูชาได้เริ่มเข้าไปในพื้นที่พิพาทช่วงปลายปี 2541 โดยการสร้างวัด และนับจากปี 2543 การรุกล้ำเส้นมติคณะรัฐมนตรีเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอย่างชัดแจ้งต่อบันทึกความเข้าใจระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทบต่อกระบวนการเจรจาตามบันทึกความเข้าใจฯ และทำให้เกิดการประท้วงอย่างหนักจากไทย

และข้อพิพาทใหม่นี้ตกผลึกในปี 50 เมื่อกัมพูชาเสนอแผนผังขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารฝ่ายเดียวต่อคณะกรรมการมรดกโลกที่รวมดินแดนที่กัมพูชาอ้างล้ำเข้ามาในดินแดนไทยประมาณ 4.5 ตารางกิโลเมตร ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ “บริเวณใกล้เคียง"ปราสาทตามนัยของคำพิพากษาเมื่อปี 05 เพราะในคำร้องในคดีเดิมกัมพูชามิได้เรียกร้องพื้นที่ขนาดนี้ และเรื่องเขตแดน ดังนั้น ศาลไม่สามารถตัดสินเกินคำร้อง และให้ในสิ่งที่กัมพูชาไม่ได้ขอ ไม่มีการระบุถึงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่อธิบายความลำบากของกัมพูชาที่จะพิสูจน์ความมีอยู่ของพื้นที่พิพาทดั้งเดิม โดยทำได้อย่างมากก็ปลอมแปลงเอกสารจดหมายเหตุและโต้แย้งด้วยเส้นจากภาคผนวก 49 ของคำให้การแก้ฟ้องของไทยเมื่อปี 04 ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

อนึ่ง ไทยก็เสนอเอกสารหลักฐานมากมายที่สามารถโต้แย้งการกล่าวอ้างของกัมพูชาได้ อาทิ อ้างว่าตนไม่รับรู้เส้นมติคณะรัฐมนตรีจนกระทั่งปี 50 หรืออ้างว่าไทยไม่เคยโต้แย้งเส้นเขตแดนตามแผนที่ภาคผนวก 1 และอ้างต่อศาลในวันนี้ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏว่ากัมพูชาอ้างเส้นนี้ประมาณปลายทศวรรษ 2000 เท่านั้น และไทยก็เพิ่งรับรู้ในเส้นดังกล่าวในปี 50

นอกจากนี้กัมพูชายังอ้างว่าพื้นที่ปราสาทพระวิหารไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้ของบันทึกความเข้าใจฯ ด้วยผลของคำพิพากษาปี 05 กัมพูชาดำเนินการต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมทางกระบวนคดีเพื่อปฏิเสธสิทธิของไทยที่จะได้รับการตัดสินคดีโดยถูกต้องและเป็นธรรม และเพื่อให้ศาลเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ  และแม้ว่ากัมพูชาจะเน้นเรื่องการเคารพต่อศาลแต่กลับดำเนินการที่ไม่เหมาะสมทางคดีเพื่อที่จะทำให้ศาลเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่างๆ อาทิ หลักฐานเดียวที่พิสูจน์พื้นที่ที่อ้างว่าเป็นพื้นที่พิพาทเดิมประมาณ 4.5 ตารางกิโลเมตร คือร่างแผนที่ ซึ่งเป็นการปลอมแปลงแผนที่ฉบับและยังได้แถลงอย่างผิดๆ เกี่ยวกับหลักฐานอื่นๆ

จากนั้นศาสตราจารย์ โดนัล เอ็ม แม็คเรย์ ในฐานะทนายฝ่ายไทย แถลงโต้แย้งคดีที่กัมพูชายื่นคำขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 05 หรือ ปี ค.ศ.1962 และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าคำร้องของกัมพูชามีความคลุมเครือ อีกทั้งที่ผ่านมากัมพูชาพยายามขอให้ศาลตีความใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาในปี 05 ในขณะที่ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ศาลมีการออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว เช่น เรื่องการถอนทหาร

ทั้งนี้ ประเทศไทยขอตั้งถามไปถึงกัมพูชาว่า คำถามที่แท้จริงในการที่กัมพูชาต้องการจะให้ศาลโลกตีความนั้น ขอให้มีความชัดเจนโดดเด่น อย่างไรก็ดี มองว่ากัมพูชาอาจไม่สามารถทำให้คำถามมีความโดดเด่นหรือมีประเด็นที่กระจ่างชัดได้ เพราะหากทำให้เห็นชัดเจนก็จะยิ่งทำให้เห็นความไร้สาระของคำถามที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ดังเช่นหนังสือของกัมพูชาเล่มหนึ่งที่ว่า เนื่องจากศาลในปี 1962 ได้ปฏิเสธคำขอของกัมพูชาที่จะกำหนดว่าเส้นบนแผนที่ภาคผนวก 1 นั้นเป็นเขตแดนระหว่างคู่ความ ศาลจึงได้รับการร้องขอให้ตัดสินและชี้ขาดคำตีความที่ถูกต้องของคำพิพากษาในปี 1962 ว่าเส้นบนแผนที่ภาคผนวก 1 นั้นเป็นเขตชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ แน่นอนกัมพูชาไม่ได้ถามโดยตรง แต่ซ่อนคำถามไว้ โดยคำถามแต่ละข้อที่สับสน แปลกประหลาด และไม่อาจเป็นตรรกได้ เพื่อจะให้นำไปสู่สิ่งที่ตัวเองต้องการ

"นี่เป็นการพูดอย่างปกปิดโดยอ้อม มีนัย และไม่ได้เป็นคำขอออกมาอย่างชัดเจน เพราะคำขอที่ชัดเจนจะขัดกับข้อเท็จจริงที่ว่า ศาลในปี 1962 ได้ปฏิเสธที่จะกำหนดตัดสินในเรื่องนี้ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่ไทยได้แจ้งไว้ในคำให้การ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับเส้นเขตแดนของ 2 ฝ่าย และเป็นสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งทำให้เกิดเป็น MOU ปี 2000 ขึ้นมา" ศาสตราจาย์ แม็คเรย์ ชี้แจงต่อศาล

 

http://www.ryt9.com/s/iq02/1631604


Edited by kaidum, 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 14:18.

ประชาธิปไตยของผม ไม่ได้เกิดจากอารมณ์และการอุปถัมป์ โดยใคร

#9 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 14:19

ปลายแคมมันรู้จัก คำจำกัดความของ MOU หรือปล่าว ที่ไปกล่าวหาว่าเค้ายอมรับแผนที่ หนึ่งต่อสองแสน

 

ถ้าไม่รู้จักจริง ให้ไปดูตัวอย่าง นังยิ่งลักษณ์ทำ MOU ขายข้าว ให้จีนปีที่แล้ว....ไปเช็คดูสิ ว่าจีนซื้อตามที่เซ็นต์ไว้ใน MOU หรือปล่าว..

 

หรือไม่ก็ลองไปดู MOU รถ เรือ ดับเพลิง แลกไข่ ที่ ประชาโดนคุก...ลองไปเช็คดูสิ ว่า ออสเตรีย ซื้อไข่เราไปซักใบมั๊ย

 

:lol: 



#10 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 14:35

น่าขยะแขยงครับ คนแบบไอ่ปลายdอ


  • LOP likes this

#11 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 19:55

จะบิดเบือนทั้งที ไปอมน้ำลายแป๊ะ กับ ปานเทวี มาพ่นอีก..

 

ไม่ได้รู้จักอายมั่งเลยจริง ๆ ท่านเทพแห่งปัญญาของชาวกระบือแดง

 

:lol:



#12 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 20:09

น่าเสียดายนะครับที่คุณ ปลายอ้อกอแขม เลิกเล่นบอร์ดนี้ไปแล้ว

 

ไม่งั้นผมเชื่อว่าเขาต้องออกมาชี้แจง ทุกๆประเด็นแน่เลย  :)


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#13 koong

koong

    ใช้ชีวิตกลางดงแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,147 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 20:11

ตอนนี้ ถนนประชาอุทิศ เส้นไป สถานฑูตเขมร ห้ามรถวิ่งผ่านค่ะ

พี่โฟร์แมน จะกลับบ้าน ตรง ซ.23 ไม่ว่าจะเข้าทางไหน ก็ไม่ให้ไป ขนาดไปอ้อมเข้าเส้นห้วยขวาง ยังบอกให้เดินเข้าไป

แล้วรถกรูล่ะ

เครื่องมื่อช่างเต็ม หลังรถกะบะ เชี่ยยยยยยยยยยยย

ด่าแทนพี่เขาน่ะค่ะ <_< 

ระยะทาง ก็ประมาณ 1 ป้ายรถเมล์ กับอีกครึ่งระยะทางป้ายรถเมล์ (ไม่รู้ว่า ระยะห่าง 1 ป้าย รถเมล์ มันเท่าไรอ่ะ )

รู้จากแฟนพี่เค้าว่าต้องวนรถไปนอนที่ไซค์ ก่อสร้าง แถว พหล 30 :rolleyes:



#14 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 20:41

น่าเสียดายนะครับที่คุณ ปลายอ้อกอแขม เลิกเล่นบอร์ดนี้ไปแล้ว

 

ไม่งั้นผมเชื่อว่าเขาต้องออกมาชี้แจง ทุกๆประเด็นแน่เลย  :)

 

ดุจดังบาทาลูบหน้าปลายอ้อทีเดววว


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน