Jump to content


Photo
* * * * - 4 votes

กฎฟิสิกส์ที่ตอบโจทย์การลุกฮือต้านพรบ.ล้างผิดตระกูลโกงชาติ : อ่านสนุกมากครับ


  • Please log in to reply
12 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:42

*
POPULAR

ผมไปเจอบทความเกี่ยวกับหลักฟิสิกส์และการชุมนุม  ได้ความรู้และอ่านสนุกจังครับ ก็เลยเอามาแบ่งเพื่อนๆกัน

เหมาะสำหรับคนชอบวิเคราะห์ และซุกซนในการคิด

มี 2 บทความนะครับ

 

ผมขออนุญาตตัดตอนมาเฉพาะที่กล่าวถึงหลักฟิสิกส์  ฉบับเต็มๆสามารถอ่านได้ตามลิงก์ครับ

 

http://www.manager.c...D=9560000137038

ประเทศไทยมาถึง “จุดพลิกผัน” ที่สำคัญแล้ว! blank.gif โดย ประสาท มีแต้ม 3 พฤศจิกายน 2556 18:13 น.

 
 
 

  blank.gif

       1. คำนำ
       
        สัปดาห์นี้ขอพักเรื่องพลังงานไว้ชั่วคราวก่อนทั้งๆ ที่มีประเด็นโต้แย้งที่กำลัง “มัน” แต่ขอมาพูดเรื่องสถานการณ์การเมืองไทยที่กำลังมีปัญหากับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมลบล้างความผิดในคดีอาญาและคดีคอร์รัปชันให้กับนักการเมืองที่ประชาชนทั่วประเทศออกมาคัดค้านอยู่ในขณะนี้ โดยจะหยิบเอาแนวคิด “The Tipping Point” หรือ “จุดพลิกผัน” มาให้กำลังใจในการคัดค้านครั้งนี้
       
       2. ความจำเป็นที่ต้องคัดค้าน       
             
        การผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของระบบรัฐสภาไทยครั้งนี้กำลังนำประเทศไปสู่จุดพลิกผันที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาติไทย หากร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถออกมามีผลบังคับใช้ได้จริง สังคมไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร ระดับจริยธรรมของสังคมก็จะตกต่ำลงไปอีก ซึ่งขณะนี้ก็มีสัญญาณบ่งชี้แล้วว่า คนไทยยอมรับคนโกงมากขึ้น คนไทยที่เคยถูกกล่าวขานด้วยทัศนะที่เป็นบวกโดยคนต่างชาติว่า “ยิ้มสยาม” ก็จะถูกตราว่า “เป็นคนขี้โกง” และนานไปในสังคมไทยเราเองก็คงไม่ต่างจากสังคมสัตว์ที่เมื่อตัวใดมีกำลังมากกว่าก็เป็นผู้ชนะและรับประโยชน์ไปแต่ฝ่ายเดียว
       
        แต่หากการคัดค้านของประชาชนครั้งนี้สำเร็จ ร่างกฎหมายฉบับนี้ต้องตกไปด้วยพลังของประชาชน ระดับจริยธรรมของสังคมไทยที่มีแนวโน้มตกต่ำก็จะพลิกผันกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะพัฒนาด้านอื่นๆ ให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
       
        สถานการณ์ปัจจุบันนี้จึงเป็นสถานการณ์ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นสถานการณ์ที่จะตัดสินอนาคตอันใกล้ๆ นี้ว่า สังคมไทยจะเคลื่อนไปทางไหน ขึ้นหรือลง สดใสหรือสุ่มเสียงต่อหายนะ

       
       3. ลักษณะของจุดพลิกผัน
       
        ในฐานะนักคณิตศาสตร์ ผมขอกล่าวถึงลักษณะของจุดพลิกผันในมุมที่กว้างแต่มีความหมายลึกซึ้งกว่าที่ได้กล่าวมาแล้วสักเล็กน้อย ในวิชาคณิตศาสตร์เรียกจุดพลิกผันว่า “จุดวิกฤต (Critical Point)” ซึ่งคำว่า วิกฤต แปลว่าช่วงเวลาที่เป็นอันตรายยิ่ง ถ้าผลการศึกษาของนักศึกษาอยู่สภาพวิกฤตก็หมายความว่ามีโอกาสที่จะถูกรีไทร์
       
        วิชาคณิตศาสตร์นิยมเขียนกราฟเพื่อบอกลักษณะของจุดวิกฤตหรือจุดพลิกผัน ซึ่งสามารถ....

  • พลิกจากจากกำลังดีขึ้น (มีมาก) ไปสู่แย่ลง (รูป ก.)
  • พลิกจากกำลังตกต่ำไปสู่ดีขึ้น (รูป ข.)
  • พลิกจากลงเร็วไปสู่การขึ้นอย่างรวดเร็ว (รูป ค.)
  • รวมทั้งไม่พลิกผันเลยก็ได้ (แต่ก็ยังคงเรียกว่าจุดวิกฤต ดังรูป ง.) แต่ค่อยๆ ขึ้น (หรือเลวลง) ไปอย่างช้า แต่ไม่พลิกผัน และยังเป็นจุดวิกฤตเหมือนกัน
     

556000014347401.JPEGblank.gif        

ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” จึงเป็นวลีที่มีความถูกต้องและจำเป็นในเชิงจังหวะการตัดสินใจเป็นอย่างยิ่ง มนุษย์สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองได้จากการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเมื่อจุดพลิกผันมาถึง ความยากไม่ได้อยู่ที่จะเปลี่ยนอย่างไร แต่อยู่ที่ว่าเรารู้แล้วหรือยังว่าสถานการณ์ได้มาถึงจุดวิกฤตแล้ว
       
        ตรงนี้แหละยาก แต่ก็คงไม่ยากเกินที่จะใช้ปัญญาเรียนรู้
       
        ภาพข้างล่างนี้เป็นการแสดงจุดพลิกผันชนิดในรูป ก. ผมได้รูปนี้มาจาก http://www.rvbooktha...-tipping-point/ ซึ่งเป็นเว็บของหนังสือแปลของผู้เขียนฉบับภาษาอังกฤษ (Malcolm Gladwell) แต่ตัวหนังสือภาษาไทยเป็นคำอธิบายของผมครับ
  556000014347402.JPEGblank.gif

      

 4. ทำอย่างไรจึงจะเกิดจุดพลิกผัน
       

        ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ (Gladwell) ได้แนวคิดมาจากกลไกการทำงานของเชื้อโรคระบาด ที่เริ่มต้นจากเชื้อโรคจำนวนน้อยนิด (ย้ำ จำนวนน้อยนิด) แต่สามารถแพร่ระบาดและส่งอำนาจการทำลายได้อย่างมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว
       
        Gladwell เชื่อว่า การแพร่ของข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนความนิยมในตัวสินค้าบางยี่ห้อก็มีกลไกที่เหมือนกับกลไกการแพร่ของโรคระบาด เพียงแต่เป็นการระบาดทางสังคม
       
        Gladwell เรียกกฎเกณฑ์ดังกล่าวว่า “Law of the Few” ซึ่งอาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ แห่งกลุ่ม Civic Net แปลว่า “กฎของคนหยิบมือเดียว”
       
        การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ของโลกก็ล้วนเกิดจากคนส่วนน้อยหรือคนหยิบมือเดียวทั้งนั้น บางครั้งเกิดจากคนคนเดียวเสียด้วยซ้ำ เช่น ศาสดาของแต่ละศาสนา เป็นต้น
       
        การลุกขึ้นสู้ของประชาชนชาวอียิปต์ครั้งล่าสุด ก็เกิดจากคนเพียง 8 คนที่ลุกขึ้นมาประท้วงการตัดต้นไม้เพื่อนำพื้นที่มาสร้างศูนย์การค้า แต่น่าเสียดายที่ทหารมาฉวยโอกาสไปทำรัฐประหาร เหมือนกับเหตุการณ์ของไทยปี 2549
       
        การทำลายกำแพงเบอร์ลินที่ปิดกั้นความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของชาวเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตกจนนำไปสู่การรวมชาติกันใหม่ เมื่อปี 2533 ก็เกิดจากการคุยกันของคนเพียง 3-4 คนเท่านั้นในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง
       
        คนที่ทำความชั่ว ความเลวต่อบ้านเมืองและส่งผลเสียหายต่อบ้านเมืองก็เป็นคนส่วนน้อยอีกเช่นกัน กฎข้อนี้จึงใช้ได้กว้างขวางมากพร้อมมีสถิติยืนยันจริง
       
        เราจะเห็นได้ว่าจุดพลิกผันซึ่งเป็นจุดวิกฤตที่มีโอกาสจะนำไปสู่ความตกต่ำหรือรุ่งโรจน์นั้นเกิดจากคนส่วนน้อยหรือคนหยิบมือเดียวทั้งนั้น
       
        แต่กฎของคนหยิบมือเดียวไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการจัดการหรือการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ  ที่ประกอบด้วยคนที่มีลักษณะ 3 กลุ่มประกอบกันขึ้น คือ ผู้ประสานงาน (Connector) ที่รู้จักคนจำนวนมาก มีเครดิตในสังคมและประสานงานได้ดี นักวิชาการ (Maven-ภาษาอิสราเอล) ที่รู้ลึกซึ้งแตกฉานในแต่ละสาขา และ นักการตลาด (Salesman) ที่มีความสามารถแปลงานวิชาการที่หลากหลายและเข้าใจยากมาเป็นภาษาง่ายๆ ให้ติดตลาด ให้คนติดใจ เป็นต้น
 

556000014347403.JPEGblank.gif        

พูดถึงผู้ประสานงาน เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ได้ให้ข้อคิดในเวทีพลังงานว่า กลุ่มคนก็เหมือนกับกลุ่มนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว นิ้วที่ประสานได้ดีที่สุดคือนิ้วหัวแม่มือ ไม่เชื่อก็ลองขยับนิ้วตนเองแต่ละนิ้วไปสัมผัสนิ้วอื่นๆ ดูซิครับ แม้ว่านิ้วอื่นๆ ก็ประสานได้ แต่ยากส์
       
        ดังนั้น เราต้องหานิ้วหัวแม่มือของสังคมให้เจอนะครับ ยิ่งเป็นสังคมที่มีความซับซ้อน (คอลัมน์นี้ชื่อ “โลกที่ซับซ้อน” ) ก็ยิ่งหาได้ยากขึ้น แต่คำว่ายากก็ไม่ได้แปลว่า หาไม่ได้
       
        ความเป็นไปได้ของจุดพลิกผันจึงขึ้นอยู่กับความเนียนของการหาองค์กรผู้ประสานงานเป็นอย่างมาก
       
        นอกจากกฎของคนหยิบมือเดียวหรือกฎคนส่วนน้อยเป็นผู้สร้างกระแสสังคมแล้ว ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ (Gladwell) ยังได้ให้ความสำคัญกับอีก 2 กฎ เพื่อทำให้จุดพลิกผันเกิดขึ้น คือ
       
        ความหนักแน่น (Stickiness) ของข้อมูลข่าวสาร 
หรือตัวสาระของข่าวสารหรือ “เชื้อไวรัสทางสังคม” นั่นแหละ
       
        ในทัศนะของผมเองแล้ว สาระสำคัญของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ คือสาเหตุสำคัญที่จะนำสังคมไทยพลิกผันไปสู่สังคมที่ป่าเถื่อน เป็นสังคมที่ใครใหญ่ใครอยู่ ไม่ยึดหลักความเป็นธรรม ไม่ต่างจากสังคมของสัตว์****** ผมไม่ได้ใช้อารมณ์ หรือเสกคำที่ฟังแล้วรุนแรงให้สะใจเล่น
       
        แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
       
        ส่วนกฎข้อสุดท้าย คือ ความสำคัญของสภาพแวดล้อม ซึ่งในทัศนะของผมแล้ว ผมเห็นว่าสถานการณ์แวดล้อมของบ้านเมืองไทยในขณะนี้นั้นมีความชัดเจนมากพอแล้ว ที่จะสรุปได้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลที่จะพลิกสังคมไทยไปสู่ความตกต่ำไม่เพียงแต่ในด้านจริยธรรมที่ได้กล่าวมาแล้วเท่านั้น
       
        แต่ยังมีทั้งด้านนำสิ่งแวดล้อมที่จะไปสู่หายนะจากโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพราะนอกจากจะไม่เคารพต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้ว ยังไม่เคารพต่อกฎของธรรมชาติที่เป็นกฎเหนือหัวของมนุษย์ทั้งปวงด้วย ในด้านเศรษฐกิจ มีผู้รู้ที่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดได้ออกมาเตือนเป็นระยะๆ แล้วว่า มีสัญญาณหลายตัวที่มีแนวโน้มตกต่ำลงอย่างน่าเป็นห่วง
       
       5. สรุป
       
        การออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้นอกจากจะขัดกับหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างที่กล่าวมาแล้ว ยังพบว่ากระบวนการผ่านกฎหมายในขั้นวาระ 2-3 ก็ยังขัดกับหลักการที่ตนได้รับหลักการในวาระแรกอีกต่างหาก พูดง่ายๆ ก็คือหลอกลวงประชาชนตลอดมา
       
        ดังนั้น ในทัศนะของผมแล้ว ประเทศไทยได้เดินทางมาถึงจุดพลิกผันหรือจุดวิกฤตอันตรายที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าประชาชนต้านไม่อยู่ สังคมไทยในอนาคตจะตกต่ำทางจริยธรรมถึงขั้นป่าเถื่อน แต่หากประชาชนสามารถต้านทานไว้ได้ สังคมไทยก็จะพลิกกลายไปเป็นดี
       
        และโดยส่วนตัว ผมเชื่อมั่นว่าประชาชนสามารถต้านได้ ประชาชนต้องชนะ แล้วแรงเหวี่ยงหรือโมเมนตัมจากการชนะครั้งนี้จะส่งผลให้เราสามารถปฏิรูปประเทศไทยได้อีกหลายอย่าง เชื่ออย่างนี้จริงๆ ครับ โดยเริ่มต้นจากคนหยิบมือเดียวแต่ต้องมีกระบวนการดังที่กล่าวมาแล้ว

 

*****************************************************

 

เมื่อเอ่ยถึงหลัก Momentum แล้ว  คห.ต่อไปก็จะเสนอหลัก "แรงเฉื่อย/Inertia" กับการชุมนุมครับ


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:45.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#2 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:50

*
POPULAR


http://www.manager.c...D=9560000140043 ทฤษฎีฟิสิกส์กับการลุกขึ้นสู้ของประชาชน blank.gif โดย ประสาท มีแต้ม 10 พฤศจิกายน 2556 17:36 น.
  blank.gif

       ปรากฏการณ์ที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าและทุกเพศทุกวัยได้ลุกขึ้นมาคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกงอย่างกว้างขวางในครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญมากในประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งของประเทศเรา นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์และนักเคลื่อนไหวสังคมได้ออกมาอธิบายกันมากแล้ว
       
        ผมในฐานะนักวิทยาศาสตร์จะขอเสนอคำอธิบายบ้างนะครับ โดยหยิบเอาทฤษฎีฟิสิกส์เบื้องต้นมาอธิบาย คือทฤษฎีเกี่ยวกับ โมเมนต์ความเฉื่อย (Moment of Inertia) ที่ผมคิดว่ามีปัญหาในคำแปลภาษาไทย กล่าวคือเมื่อแปลแล้วทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนไปจากความหมายที่แท้จริง จนถึงขั้นผมมีประเด็นที่จะกล่าวถึงรวมทั้งเสริมบทความเมื่อสัปดาห์ก่อน ดังนี้
       
        หนึ่ง เรื่องคนส่วนน้อยเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลง
       
        สถานการณ์บ้านเมืองไทยในขณะนี้มีความคล้ายคลึงกันมากกับเหตุการณ์บนเรือสปีดโบตหรือเรือความเร็วสูงซึ่งผมโดยสารเมื่อไม่นานมานี้
       
        ในเรือลำนั้นมีผู้โดยสารประมาณ 20 คน แต่ละคนกระจายกันนั่งบนที่นั่งแถวนั่งยาวๆ ตามลำเรือ แต่เมื่อมีผู้โดยสารเพียง 2 คนเท่านั้นเปลี่ยนที่นั่งเพื่อไปชมวิวอีกฝั่งหนึ่ง คนขับเรือจึงรีบตะโกนขอให้กลับไปนั่งที่เดิมในทันที เพราะว่าเรือมันเอียงซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
       
        หลังจากทุกอย่างเข้าสู่ปกติแล้ว ผมก็อธิบายในหมู่เพื่อนร่วมเดินทางทันทีเช่นกันว่า
       
        “นี่ไง ปรากฏการณ์ที่คนส่วนน้อยเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง” 
       
        เรือสปีดโบต เมื่อมันแล่นด้วยความเร็วสูง ท้องเรือจะสัมผัสน้ำทะเลเพียงนิดเดียว ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กๆ น้อยๆ ทั้งจากภายใน (คน 2 คนเปลี่ยนข้าง) หรือจากภายนอกด้วยคลื่นจากเรือลำอื่นหรืออื่นๆ โอกาสที่จะพลิกคว่ำหรือ “พลิกผัน” จึงเป็นไปได้สูงมาก ในขณะที่เมื่อวานนี้ เหตุการณ์เดียวกันในเรือหัวโทง(เรือประมงพื้นบ้านฝั่งอันดามัน) ไม่เป็นอย่างเรือสปีดโบตครับ
       
        ในบทความเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ชื่อ “ประเทศไทยได้มาถึงจุด “พลิกผัน” ที่สำคัญแล้ว!” ผมได้นำเสนอว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์นั้นมีหลัก 3 ประการคือ 

หนึ่ง เริ่มต้นจากคนส่วนน้อยที่มีการจัดตั้งของคน 3 กลุ่มคือ ผู้ประสานงาน นักวิชาการ และนักการตลาด 

สอง ความหนักแน่นของประเด็น

และ สามปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางสังคม

       
        สอง เรื่องโมเมนต์ความเฉื่อย (Moment of Inertia) 
       
        ย้อนหลังไปไม่นานมานี้ เรามักจะได้ยินคำว่า “ไทยเฉย” จากเวทีชุมนุมทางการเมืองกันอยู่บ่อยๆ เพราะผู้ชุมนุมมีจำนวนน้อย มีแต่คนแก่ หาคนหนุ่มคนสาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถาบันการศึกษาแทบไม่ค่อยได้
       
        ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะผ่านร่างดังกล่าวในลักษณะที่เรียกกันว่า “ลักหลับ” เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 อาการของคนไทยก็ยังคงเป็นไทยเฉยอยู่ ตรงนี้แหละครับที่เกี่ยวกับทฤษฎีเรื่องโมเมนต์ความเฉื่อย ซึ่งผมจะขออธิบายด้วยการทดลองดังนี้
       
        นำไข่ไก่ 2 ฟอง ฟองหนึ่งเป็นไข่ดิบ อีกฟองหนึ่งเป็นไข่ต้ม มาวางบนโต๊ะที่มีความลื่นพอสมควร เริ่มต้นให้ไข่หยุดนิ่ง จากนั้นลองเอาปลายนิ้วแหย่เบาๆ ไข่แต่ละใบในทิศทางที่ขนานกับพื้นโต๊ะ
       
        ลองจับไข่มาหมุน (เบาๆ ทีละใบ) เมื่อหมุนแล้วใช้ฝ่ามือแต่ไข่ให้หยุด จากนั้นก็ยกมือออกในทันที เราจะพบความแตกต่างอย่างชัดเจน
       
        ถ้าเป็นไข่ดิบ เมื่อเราเอามือออกแล้ว (หลังจากหมุนแล้วนะ) ไข่ดิบจะหมุนต่อไป ในขณะที่ไข่ต้มสุกแล้วจะหยุดอยู่กับที่ครับ ปรากฏการณ์นี้เป็นเรื่องของโมเมนต์ความเฉื่อยครับ
       
        ในตอนเริ่มต้นที่เราเอามือแหย่ไข่ ไข่ดิบจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คือมันเฉื่อยที่จะเคลื่อนที่ เราต้องออกแรงเยอะๆ มันจึงจะเคลื่อน แต่เมื่อมันเคลื่อนที่แล้ว เมื่อเราสั่งให้หยุด (หลังจากยกฝ่ามือออก) มันจะไม่ยอมหยุดหรือขี้เกียจจะหยุด จึงขอเคลื่อนที่ต่อไป ในขณะที่ไข่สุกจะหยุดเลย
       
        ดังที่ผมกล่าวตั้งแต่ต้นว่า คำว่า “โมเมนต์ความเฉื่อย” เราแปลผิดจึงทำให้เข้าใจผิด เพราะคำว่าเฉื่อยเรามักจะเข้าใจว่าเฉยๆ เย็นชา ไม่ทุกข์ไม่ร้อน หรือไม่ขยับ
       
        ความจริงแล้ว คำว่า inertia มาจากภาษาละติน แปลว่า “ขี้เกียจ” ซึ่งมีความหมายสองด้าน คือ ถ้าหยุดอยู่ก็ขี้เกียจจะเคลื่อนที่ แต่ถ้าเคลื่อนที่อยู่แล้วก็ขี้เกียจจะหยุด
       
        ครั้นเรามาแปลเป็น “เฉื่อย” จึงทำให้เข้าใจผิด เพราะในสภาวะที่กำลังเคลื่อนที่อยู่แล้ว มันขี้เกียจจะหยุด นั่นก็คือขยันนั่นเอง
       
        แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการลุกขึ้นสู้ของประชาชนในขณะนี้
       
        ก็เพราะตอนแรก ประชาชนมีความเฉื่อย ขี้เกียจจะเคลื่อนที่ แต่เมื่อเจอรัฐบาล “ลักหลับ” ตลอดจนเจอเล่ห์กลที่รัฐบาลที่ใช้วุฒิสภาเป็นเครื่องมือพยายามหยุดการเคลื่อนไหว ประชาชนที่ตื่นแล้วก็ไม่ยอมหยุด เหมือนกับไข่ดิบที่ถูกกดให้หยุดไปชั่วขณะ ฉันใดก็ฉันนั้น
       
        สาม ปรากฏการณ์เพาะถั่วงอก
       
        คนที่เคยเพาะถั่วงอกจะทราบดีว่า หลังจากนำเม็ดถั่วไปแช่น้ำแล้ว ในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกแทบจะไม่เห็นผลอะไรเลย บางครั้งแม้วันแรกผ่านไปก็ไม่เห็น “หน่ออ่อน” แต่เมื่อวันที่ 2 วันที่ 3 ผ่านไป เมื่อหน่อโผล่แล้ว คราวนี้แหละมันจะเติบโตอย่างรวดเร็ว 
       
        สังคมก็เช่นเดียวกันครับ ในช่วงฟักตัวเราแทบจะไม่เห็นดอกผลอะไรเลย แต่เมื่อเลยค่าหนึ่งซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า Threshold Value หรือค่าที่น้อยที่สุดที่จะได้รับการตอบสนอง ผลของการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันที
       
        ผมวาดภาพปรากฏการณ์ดังกล่าวมาให้ดูด้วยครับ
 

556000014660001.JPEG blank.gif

       

 

สรุป สิ่งที่สังคมนี้ต้องคิดให้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิชาการ องค์กรของประชาชน รวมทั้งประชาชนทุกหมู่เหล่าจะใช้ประโยชน์จากการตื่นตัวและห่วงใยบ้านเมืองในขณะนี้ได้อย่างไร และทำอย่างไรอย่าให้มันฟุบลงมาอีก พร้อมๆ กับขับเคลื่อนไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างเป็นระบบรวมถึงเรื่องพลังงานที่ผมสนใจเป็นพิเศษมายาวนาน


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#3 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:51

ปลอดบัตรเติมเงิน ฟันธง
ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#4 Kaizer

Kaizer

    Warlord

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,317 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 19:02

มันจะอ่านเข้าใจมั้ยเนี่ย

 

ไม่เห็นมีคำว่าประชาธิปไตยซักคำ

 

*** บทความอำมาตย์


สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ

 

ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ

 

ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม


#5 centrino14

centrino14

    อำมาตย์ตัวพ่อ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,146 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 19:34

ใครอ่านแล้ว เอาลองเอานิ้วแต่ละนิ้วแตะกันดูยกมือ

ผมลองแล้ว นิ้วหัวแม่มือมันแตะได้ทุกนิ้วจริงๆ

ถ้าจะเอานิ้วอื่นๆ แตะกัน ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือช่วย


เบื่อพวกเสื้อแดงตอแหล

#6 บาดทะยัก

บาดทะยัก

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 114 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 19:41

โอ้ววววว ได้ความรู้เพิ่ม มาทางสายศิลป์ไม่ค่อยมีความรู้สายวิทย์เท่าไหร่

 

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ



#7 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 00:31

ใครอ่านแล้ว เอาลองเอานิ้วแต่ละนิ้วแตะกันดูยกมือ

ผมลองแล้ว นิ้วหัวแม่มือมันแตะได้ทุกนิ้วจริงๆ

ถ้าจะเอานิ้วอื่นๆ แตะกัน ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือช่วย

 

ลองมั่งๆๆ

โย่ะ จริงด้วยครับ :o


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#8 Tatiana

Tatiana

    แทนคุณแผ่นดินเกิด

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,063 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 01:57

วันนี้ดึกมากแล้ว ฟังบลูสกายจนเพลียด้วย ขอพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยอ่านนะคะคุณผึ้งน้อยฯ  เพราะคงต้องใช้สมองเยอะหน่อย


กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ


#9 ธรรมรักษา

ธรรมรักษา

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 140 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 08:59

ขอบคุณคุณผึ้งมาก ชอบบทวิเคราะห์แบบเนี่ยะแหละบำรุงสมองดี ได้ใช้สมองคิดตาม วิเคราะห์ตาม

เป็นการบริหารสมอง บริหารความคิด อย่างดีเรยย

ประชากรฉลาด ชาติเจริญ เย้ เย้ เย้



#10 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 09:19

ขอบคุณสำหรับบทความครับ  :)

 

กฎของคนหยิบมือเดียวผมนึกถึง อ.ศศิน ต่อต้านเขื่อนแม่วงศ์ครับ 


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#11 want09

want09

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 24 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 10:03

เกิน เจ็ด บรรทัด ไปเเล้วครับ ท่านผึ้ง เขาจะอ่านกันบ้างไหม มันวิชาการ เกินไป ตามสไตล์ ของ พวก เขาคือ แกน นำบอก เชื่่อหมด ไม่ต้องคิดอะไร เพราะ พวกเรา ชาบูๆ อยู่เเล้ว



#12 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 12:05

เกิน เจ็ด บรรทัด ไปเเล้วครับ ท่านผึ้ง เขาจะอ่านกันบ้างไหม มันวิชาการ เกินไป ตามสไตล์ ของ พวก เขาคือ แกน นำบอก เชื่่อหมด ไม่ต้องคิดอะไร เพราะ พวกเรา ชาบูๆ อยู่เเล้ว

 

มาแปะให้พวกเราอ่านกันฮับ  เพราะเชื่อว่าหลายๆท่านคงชอบ :P


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#13 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 12:16

ขออนุญาตเก็บไว้ก่อนนะคะ

วันนี้มีเรื่องลุ้นหลายเรื่อง

สัญญาค่ะว่าจะกลับมาอ่าน






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน