สำนักข่าวเนชั่น --“Thaiflood” ถอนตัวจวกศปภ.กั๊กข้อมูลยันจุดยืนช่วยเหลือประชาชนไม่เลือกขั้วการเมือง นายปราเมศ มินศิริ ผู้ก่อตั้งเวปไซด์
www.thaiflood.com เป็นการทำงานของภาคประชาชนที่ร่วมกับศูนย์ ศปภ. มาตั้งแต่แรก เปิดเผยเหตุผลขอถอนตัวจากศูนย์ ศปภ.ที่ดอนเมือง ว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อเพราะถูกกีดกั้นด้านข้อมูล และ ศปภ.ไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึงขนาดมีการโทรศัพท์มาขอเซ็นต์เซ่อร์ข้อมูลก่อนที่จะแถลงข่าว นอกจากนี้ยังเห็นว่า การบริหารจัดการที่ไม่เป็นเอกภาพ ไม่มีการแจ้งข้อมูลต่อประชาขนอย่างเป็นระบบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้กลุ่ม Thaiflood ต้องขอแยกตัวจาก ศปภ. ไปยังตึกสำนักงาน “ไซเบอร์เวิร์ล” ที่รัชดา พร้อมเตือนว่าภัยธรรมชาติเมื่อบวกกับการบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบก็จะกลาย เป็นภัยพิบัติ
เหตุการณ์ที่ Thaiflood ได้ตัดสินใจ ไม่รวมงานกับ ศปภ. คือการที่Thaiflood ออกแถลงการเตือนสถานการณ์น้ำท่วม กทม. ออกไป กลับมีการโทรศัพท์จากภาครัฐบาลเข้ามาแสดงความไม่พอใจ อยากให้ปรับเปลี่ยนท่าทีในการออกแถลงการณ์ เช่นข้อมูลบางอันก็ขอให้ส่งผ่าน ศปภ. ก่อนที่จะมีการนำเสนอ ซึ่งตนบอกว่าทำไม่ได้ เพราะยามวิกฤติประชาชนกำลังรอข้อมูลเพื่อความอยู่รอด แต่ศปภ. จะเอาข้อมูลไปกรองก่อน ตนเกรงว่า ข้อมูลอาจถูกบิดเบือนได้ เพราะมีความพยายามจะขอเซ็นต์เซ่อร์ข้อมูลของ Thaiflood อย่างไรก็ตาม เราพยายามเตือนประชาชนด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการให้ข้อมูลจริงที่นำไปสู่การตัดสินใจได้
สิ่งที่ประชาชนไม่เคยได้รับคือมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐในการรองรับปัญหา เช่นมีการประกาศแผนอพยพ แต่ไร้แผนรองรับ ทั้งที่ควรจะบอกชัดเจนก่อนว่าให้อพยพไปไหน ไม่ใช่อยู่ ๆ น้ำเข้ามาแล้ว ผู้คนแตกตื่นแต่ไม่รู้ว่าจะต้องอพยพไปไหน
“วานนี้ (21 ต.ค.) นายกฯ แถลงว่าจะปล่อยน้ำให้ระบายผ่าน กทม. เราก็อยากฟังแผนการระบายน้ำเพื่อที่จะได้ช่วยคิดช่วยทำ แต่ ศปภ.กลับแถลงแค่ขอเครื่องสูบน้ำจากภาคเอกชน ผมเองยังเคยเสนอแผนการระบายน้ำอย่างเป็นระบบที่คลองเปรม ฯ มาแล้ว ก็เห็นว่าที่ประชุม ศปภ. เอาไปพิจารณาและเอาไปทำ ผมก็อยากจะเห็นแผนในลักษณะเดียวกันออกมาจากรัฐบาล ผมไม่อยากเห็นเพียงว่าพอแก้ปัญหาไม่ได้เพราะไม่เป็นระบบ สุดท้ายก็มาพูดแค่ว่าเราได้ทำเต็มความสามารถแล้วเท่านั้น” ผู้ก่อตั้งไทยฝลัดกล่าว
ต่อข้อถามว่าคาดการณ์ว่าคน กทม. จะพบกับอะไรในอนาคตภายใต้การบริหารจัดการของรัฐแบบนี้นั้น นายปรเมศกล่าวว่า ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ยังมาไม่ถึง เมื่อบวกกับการบริหารจัดการที่แย่มันก็จะกลายเป็นภัยพิบัติ
_________________________________
นันทิดา พวงทอง
twitter@nuntida_nna