หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 พาดหัวข่าวว่า “พม่าโละไอทีดีพ้นทวาย”
ไอทีดีที่ว่านี้ก็คือบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหุ้นของประเทศไทย และมีคำร่ำลือว่า นักการเมืองคนดังในต่างประเทศเป็นเจ้าของในปัจจุบัน มีการระบุข่าวว่า “พม่าเตรียมยึดพื้นที่ทวายคืนจากไอทีดี หวังเปิดประมูลนานาชาติ ญี่ปุ่นจ่อเสียบ”... ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเอาหน้าไปไว้ไหน? และจะรู้สึกอับอายขายหน้าต่อชาวโลกเขาหรือไม่? หรือว่าจะใช้วิชาหน้าด้านเหมือนกับที่ใช้กับคนไทยไปรับมือ...
เหตุที่กล่าวอย่างนี้ ก็เพราะว่าโครงการทวายเป็นโครงการสำคัญ ซึ่งเดิมทีบริษัทไอทีดีเป็นผู้ได้สัมปทานในการพัฒนาพื้นที่เมืองทวาย รวมทั้งท่าเรือน้ำลึกทวาย แต่ในที่สุดมีข่าวซุบซิบว่าไม่สามารถหาเงินลงทุนมาในโครงการนี้ได้ จึงเป็นเหตุให้นักการเมืองคนดังได้เข้ามามีบทบาท จนเป็นเหตุร่ำลือว่ามีการเปลี่ยนมือเป็นเจ้าของกิจการ หลังปรากฏข่าวดังกล่าว ท่าทีของรัฐบาลนางยิ่งลักษณ์ก็มีความพิลึกพิลั่น พิลึกกึกกือมากขึ้น เพราะอยู่ดีๆโดยไม่มีแผนงานอะไรของรัฐบาลใดๆเลย รัฐบาลนี้กลับไปโปรโมทโครงการทวายกันยกใหญ่ ใครต่อใครในรัฐบาลพากันเดินทางไปพม่ากันจ้าละหวั่น โหมประโคมโปรโมททวายกันดังสนั่นลั่นโลก มิหนำซ้ำยังประกาศสนับสนุนโครงการนี้โดยการตัดถนนระดับมาตรฐานเชื่อมจากชายแดนไทยไปยังเมืองทวาย และจะให้เงินสนับสนุนค่าทำถนนดังกล่าว
มีการเดินสายเจรจากับรัฐบาลพม่าเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนและในการบริหารจัดการเมืองทวาย จนราวกับว่าทวายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย และการพัฒนาทวายก็เป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่าการพัฒนาใดๆของประเทศไทย
ผู้รู้ก็หมั่นไส้แล้วก็แฉโพยให้ได้รู้ทั่วกันว่า
ประการแรก นักการเมืองเข้าไปมีส่วนเป็นเจ้าของโครงการทวายและกำลังขนเอาเงินทองงบประมาณและผลประโยชน์ของประเทศไทยไปลงทุนในทวาย เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองครอบครัวเดียวเท่านั้น เป็นการประจานนักการเมืองตัวเอ้ครั้งใหญ่ ให้รู้ทั่วไปในประเทศไทยอีกเรื่องหนึ่งว่า เรื่องนี้กำลังจะเป็นมหากาพย์แห่งการโกงชาติ เช่นเดียวกับการโครงการให้พม่ากู้ยืมเงินแล้วรัฐบาลไทยแบกดอกเบี้ยแทน ดังที่ศาลได้ออกหมายจับผู้ทุจริตอยู่ในขณะนี้
ประการที่สอง โครงการทวายเป็นโครงการที่ทำลายผลประโยชน์ของประเทศไทยโดยตรง โดยเฉพาะการลงทุนในภาคตะวันออก รวมตลอดทั้งท่าเรือแหลมฉบัง และบรรดานิคมอุตสาหกรรมทั้งหลายในภาคตะวันออก เพราะถ้าพัฒนาทวายสำเร็จ บรรดากิจการผลิตที่ต้องส่งออกไปยังอินเดีย อาฟริกา และยุโรปก็จะโยกย้ายกิจการไปทวาย เนื่องจากต้นทุนจะถูกกว่า และระยะทางขนส่งใกล้กว่า จะทำให้ฐานเศรษฐกิจการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่เพียรสร้างมาร่วม 50 ปีในภาคตะวันออกพินาศลงกว่าครึ่ง
ทั้งสองประการนี้เป็นการเปิดโปงโฉมหน้าการโกงชาติและการทำลายชาติครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง จึงเกิดกระแสต่อต้านขึ้นในภาคอุตสาหกรรมการลงทุนและประชาชนผู้รักชาติ เมื่อเกิดกระแสต่อต้านขึ้นอย่างกว้างขวาง จึงทำให้รัฐบาลไม่สะดวกที่จะขนเอาทรัพย์สินเงินทองและงบประมาณของชาติไปลงทุนในทวายเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง และบรรดาผู้ให้กู้ยืมเงินทั้งหลายก็ตะขิดตะขวงใจเพราะละอายต่อบาปที่จะกลายเป็นผู้ร่วมโกงชาติและประชาชนชาวไทย ทั้งมีความเสี่ยงภัยเกิดขึ้น จึงไม่เต็มใจให้กู้ยืมเงิน
มีข่าวคราวปรากฏว่านักการเมืองดังได้พยายามวิ่งเต้นรัฐบาลจีนให้มาร่วมลงทุนเมืองทวาย แต่ทางจีนนั้นดุจนกรู้และกลัวคนขี้โกงเหมือนกับคนทั้งปวง ที่สำคัญจีนรู้ดีว่า ความสัมพันธ์จีน-พม่าในขณะนั้นไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก อาจจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงได้ จีนก็ชะลอหรือเตะถ่วงการเจรจาไปจนกระทั่งถึงวันนี้ ผลจากการหาเงินไปลงทุนในเมืองทวายไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด ระยะเวลาปฏิบัติตามสัมปทานก็เร่งรัดตัว ในที่สุดก็ล่วงพ้นเวลา ซึ่งในตอนแรกก็จะมีการเจรจาคืนโครงการให้พม่าไปครึ่งหนึ่ง จะดันทุรังต่อไปอีกครึ่งหนึ่ง มีการติดต่อวิ่งเต้นผู้นำพม่าหลายครั้ง และมีทีท่าว่าจะก้าวหน้าไปได้ แต่ในที่สุดสวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ คลิปถั่งเช่าหลุดออกมากลางเมือง กล่าวหาผู้นำพม่ารับสินบาทคาดสินบนผ่านคนใกล้ชิด ซึ่งเป็นเรื่องที่พม่ายอมไม่ได้
ผู้นำพม่าสั่งให้ถอดเทปดังกล่าวแจกจ่ายไปทั่วประเทศ เพื่อประจานเสียงปีศาจให้คนพม่าได้รู้ทั่วกัน ซึ่งเป็นการเตรียมการปฏิบัติการครั้งสำคัญเกี่ยวกับโครงการทวาย จนกระทั่งเกิดปฏิบัติการพิเศษ นั่นคือความที่ปรากฏตามข่าวในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ดังกล่าวนั่นเอง
นี่ก็คือความพ่ายแพ้อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเสียทั้งหน้า เสียทั้งเงิน เสียทั้งเครดิต ทำให้วงการที่เกี่ยวข้องชี้หน้าตราว่า “ไม่แน่จริงนี่หว่า!”
http://www.naewna.co.../columnist/9691