หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
หลวงปู่หลุย จันทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
......................................................................
เรื่องราวพระอรหันต์ทั้งสอง กับ พระเจ้าอยู่หัว
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ และหลวงปู่หลุย จันทสาโร
ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์เอกหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตทั้งสิ้น
พระคุณเจ้าทั้งสององค์ได้เพียรอบรมธรรม
จากองค์หลวงปู่มั่นมาอย่างเข้มแข็ง
กระทั่งท่านทั้งสองสิ้นอาสวะกิเลส ถึงที่สุดแห่งธรรม
คัดบางตอนมาจาก : หนังสือชีวประวัติหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
วัดป่าอรัญญวิเวก (ป่าลัน) ต.ปงน้อย กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย
เรื่องของหลวงปู่หลุย จันทสาโร
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่หลุยท่านได้มาพักที่วัดดอยแม่ปั๋ง
กะว่าจะอยู่กับหลวงปู่แหวนไปสักพักนึงก่อน
เพราะว่าเป็นคนจังหวัดเลยด้วยกัน
พออยู่ต่อมาหลวงปู่หลุยได้ยินข่าวว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จมากราบหลวงปู่แหวน
หลวงปู่หลุยได้ยินดังนั้นก็รีบไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ที่อำเภอแม่แตง
หลวงปู่หลุยท่านกลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น
หลวงปู่หลุยท่านพูดว่า
“พูดกับพระราชาไม่เป็น นี่คอขาดบาดตายนะเรา
เป็นพระป่าพระดงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร”
ท่านพูดเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแล้ว
หลวงปู่แหวนท่านก็พูดกับในหลวงว่า
“ท่านหลุยก็มาอยู่นี่แหละ แต่หนีไปอยู่ที่แม่แตงแล้ว
กลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น
กลัวคอขาดบาดตาย ว่าอย่างนั้น”
สมเด็จพระราชินีก็พูดออกมาว่า
“ไม่เป็นอย่างนั้นดอกพระเจ้าข้า
พวกดิฉันไม่ได้ถือยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรหรอกเจ้าข้า
พูดแบบนี้เป็นกันเองนี้แหละเจ้าข้า”
แล้วพระราชินีก็พูดกับหลวงปู่แหวนว่า
“เมื่อดิฉันกลับจากที่นี้ไปแล้ว
จะไปกราบหลวงปู่หลุยให้ได้ ไม่ต้องกลัวเจ้าข้า”
ในหลวงท่านเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแต่ละครั้ง
ตั้งแต่บ่ายสองโมง จนถึงหนึ่งทุ่มสองทุ่มเป็นประจำ
การเสด็จมาวัดดอยแม่ปั๋งแต่ละครั้ง ถือเป็นการส่วนตัวพระองค์เอง
ครั้นต่อมาสมเด็จพระราชินีได้ให้ราชเลขาไปตามหาหลวงปู่หลุย
ว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็ทราบว่าหลวงปู่หลุยท่านไปพักอยู่ที่วัดหลวงปู่ตื้อ
หรือว่าวัดพระอาจารย์เปลี่ยน ผู้เขียนก็จำไม่ค่อยได้
สมเด็จพระราชินีก็ได้เสด็จไปกราบหลวงปู่หลุย
ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่หลุยก็ได้เข้าๆ ออกๆ อยู่กับพระราชวังตลอดมา
ตราบเท่าหลวงปู่หลุยมรณภาพ
อันนี้คือด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
ที่เป็นพระมหากษัตริย์ไทยของเรา
ได้เข้าไปถึงประชาชนทุกที่ทุกแห่งหนตำบลใดก็ตาม
มีพระเจ้าพระสงฆ์ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติ
อยู่ในป่าในเขาที่ไหนๆ ก็ตาม ท่านก็ย่อมเข้าถึงที่ทุกๆ แห่ง
เรื่องของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เมื่อครั้งหลวงปู่แหวนอาพาธหนัก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้อาราธนาให้หลวงปู่
ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ตึกสุจิณฺโณ
ในหลวงได้รับเอาหลวงปู่ไว้เป็นคนไข้ของพระองค์เอง
ที่สุดเมื่อวันอังคารที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘
หลวงปู่แหวนก็ได้ละขันธ์อย่างสงบนิ่ง ในเวลา ๒๑.๕๓ น.
ข่าวการมรณภาพของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
ความก็ได้ทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาท
ในหลวงของเรา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เหมือนกับว่าดินฟ้าถล่มไปทั่วเมืองไทย
ในหลวงก็ได้พระราชทานโกศหลวง และน้ำหลวงอาบศพ
ที่สถานพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น
ก็ได้มีบุคคลทั่วทิศานุทิศไปเคารพศพหลวงปู่แหวน เป็นครั้งสุดท้าย
แล้วก็ได้นำศพของหลวงปู่มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดดอยแม่ปั๋งตามเดิม
สิริอายุหลวงปู่แหวนได้ ๙๙ ปี
ในหลวงท่านขออายุหลวงปู่แหวนให้ได้ ๑๒๐ ปี
แต่หลวงปู่ก็พูดกับในหลวงว่า เอาเพียง ๙๙ ปี ก็พอเถอะ
มันลำบากผู้อยู่ แล้วก็ได้ ๙๙ ปี ตามที่ว่าเอาไว้จริงๆ
อันนี้คือพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาแท้จริง
ขอให้พวกเราทุกๆ คน จงนำเอาเป็นตัวอย่างของหลวงปู่แหวนนี้
ไว้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
ศาสนาของเราจะได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปข้างหน้า
ที่มา http://www.dhammajak...opic.php?t=5816