มาถึงขั้นนี้แล้วผมว่าเรื่องเงินซื้อเสียงไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว
แต่เป็นเรื่องการสร้างวาทะกรรมทางการเมืองแล้วล้างสมอง
พวกเสื้อแดงมากกว่า พูดอีกก็ถูกอีกนะ ในเมื่อคัดกรองเรื่องวัยวุฒิแล้ว
ทำไมไม่คัดกรองเรื่องคุณวุฒิบ้าง ไม่ใช่ว่าเกี่ยวกับการเรียนสูงเรียนน้อย
แต่มันเป็นวุฒิภาวะทางความคิดในการตัดสินใจ บางคนก็แย้งว่าถึงเค้าอยู่บ้านนอก
เรียนน้อยแต่สามารถมีอาชีพรวยกว่าพวกในเมืองซะอีก อันนี้ผมว่ามันเป็นความสามาร
ทางอาชีพของเค้า ผมไม่รู้เรื่องเกษตรก็ไม่กล้าที่จะไปวิจารณ์เรื่องเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ได้
เฉกเช่นเดียวกับเรื่องกฎหมาย การเมือง คนต่างจังหวัดไม่ได้รู้รายละเอียดลึกซึ้ง
แต่กับดราม่ามองเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่รู้จัก สิทธิและหน้าที่ที่ถูกต้องของตัวเอง
ไม่งั้นเค้าจะมีอาชีพทนายความไปทำไมกัน
ส่วนเรื่องการคัดกรองผู้สมัคร ต่อให้กำหนดผู้สมัครต้องจบปอเอกเชื่อไหมว่า
พวกนี้ก็จะพากันซิกแซกเป็นดร.กันมาได้แบบง่ายๆกันเหมือนเดิม
วิธีทำลายระบอบทักษิณ คือ คัดกรองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
#101
ตอบ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 03:14
- Huligan, คนปลูกต้นไม้, Lucas Leiva Benitez Rodger and 1 other like this
ผมคนกลางเอียงข้างความถูกต้อง
#102
ตอบ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 04:35
สำหรับคนที่ไม่เสียภาษี และ ไม่มีวุฒิการศึกษา สามารถมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้ ด้วยการไปสอบคัดเลือกครับ
การเลือกตั้งในอเมริกา ไม่ใช่ทุกคนมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเหมือนในอังกฤษ อเมริกามีการคัดกรองคน
คนจนตามต่างจังหวัด มีการศึกษาน้อย ชาวบ้านไม่รู้ว่ารับเงินแค่ไม่กี่ร้อยแล้ว ประเทศชาติเสียหายอย่างไร ระบอบทักษิณอยู่ได้เพราะอาศัยจุดโหว่ตรงนี้ วิธีแก้ด้วยการคัดกรองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการประกวดหมา ถ้ากรรมการไม่รู้เรื่องหมา ก็จะตัดสินมั่วซั่ว กรรมการแบบนี้จึงควรถูกตัดสิทธิ์ คนที่คลุกคลีกับชาวบ้าน จะรู้ดีว่า การให้การศึกษากับคนกลุ่มนี้เป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่สอนเด็กรุ่นหลัง
ที่จริงสมัยได้อิสรภาพจากอังกฤษใหม่ๆอเมริกาก็เคยใช้ระบบคัดกรองคุณภาพคนที่มีสิทธิเลือกตั้งนะครับไม่ใช่พอตั้งประเทศก็หนึ่งคน-หนึ่งโวตกันเลย เขาเริ่มจากคนที่มีการศึกษาก่อนและเมื่อประชาชนได้เริ่มเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นก็ค่อยๆขยายสิทธินี้ออกไปสู่กลุ่มอื่นๆไปเรื่อยๆ ส่วนในปัจจุบันเราก็คงกลับไปทำแบบนั้นไม่ได้
ทำไมถึงกลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้ล่ะครับ แค่แก้รัฐธรรมนูญก็เปลี่ยนได้แล้ว อย่างอเมริกาซึ่งคนเยอะกว่าเรายังทำได้ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เขาก็ยังปรับกันอยู่เรื่อยๆ เช่น เวลามีความกลัวเรื่องคอรัปชั่น เขาก็กีดกันไม่ให้คนผิวดำและคนอาเซียนโหวตบ้าง หรือถ้าเป็นแค่ resident แต่ไม่ใช่ citizen ก็ไม่ให้โหวต (ตอนนี้อังกฤษก็ยังเป็นอย่างนี้)
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ อเมริกกรองคนยังไง บอกหน่อย
ส่วนที่ไม่ให้คนที่ไม่ใช่คนเมกันเลือกตั้งก็ถูกแล้วนี่ มาอาศัยอยู่ (resident) ไม่เหมือนกับเป็นเจ้าบ้าน (citizen) หรอกนะ
You can't fix stupid - Ron White
You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan
"A society is judged by how it treats its animals and elderly"
#103
ตอบ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 06:55
ความคิดใหม่ๆมันก็ดี แต่มันก็จะไม่ได้ผลเหมือนเดิม
ของเดิมที่มีอยู่ มันไม่ดีจริงหรือ หรือ มันไม่ได้ผลเพราะเราไม่สามารถนำมาใช้ได้เต็มที่ เพราะจนท.ไม่เอาจริง จนท.เองก็ถูกซื้อด้วย
ตย.ที่เห็น การไม่สวมหมวกกันน็อก รถบรรทุกน้ำหนักเกิน มอร์เตอร์ไซไม่วิ่งเลนซ้าย เด็กขายของตามไฟแดง มันผิดกฎหมายทั้งสิ้นแต่มันมีให้เห็นทุกวัน
จนท.ข้าราชการที่ดีก็มี แต่เมื่อเข้าจะทำดีเขาก็เดือดร้อน มันมีอะไรปกป้องเขาไหม? ระบบทางกฎหมายก็ช้ามาก เช่นกรนีคุณถวิน เปลี่ยนสี
เมื่อทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องแล้ว มันไม่ควรเดือดร้อน
เมื่อพูดถึงอเมริกา อีกอย่างที่ต่างคือ เขาได้เลือกส.ส. และเขาได้เลือกคณะรมต.และประธานาธิบดีด้วย คนลงสมัครเขาต้องแสดงคณะที่จะเข้ามาทำงานกับเขาด้วย
เราคงไม่เลือกหาก คณะทำงานไม่มีคุณภาพ เช่นเอาคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์หรือยามาเป็นรมต.สาธารณะสุข หรือรมต.ต่างประเทศควรรู้ว่า"เขมร"อยู่ในเอเซีย
เราไม่เคยได้เลือกนายกฯหรือรู้ว่าใครจะมาเป็นผู้บริหารประเทศ เราได้แต่เลือกฝ่ายนิติฯ แต่ไม่ได้เลือกฝ่ายบริหาร อันนี้คือสิ่งที่ขาด
ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา สตรีคนแรกที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิสตรีในการลงคะแนนเสียง คือ นางมาร์กาเร็ต เบร็นท์ ในปี ค.ศ. 1647 ซึ่งเป็นยุคอาณานิคมอเมริกาเหนือ โดยนางเบร็นท์ เป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่หลายแปลงในรัฐแมรี่แลนด์ เธอต้องการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในการประชุมสมัชชาอาณานิคมหรือ “The Colonial assembly” แต่ได้รับการปฏิเสธจากผู้ว่าการรัฐฯ ทำให้เธอไม่ยอมรับการประชุมในครั้งนั้น
ความจริงเดิมทีในรัฐ ธรรมนูญของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้บัญญัติห้ามสตรีลงคะแนนเสียง แต่เนื่องจากมีนักกฎหมายของรัฐที่เกือบพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่สตรีสนับสนุนลง คะแนนเสียงให้ ทำให้เกิดการออกกฎหมายมายับยั้งไม่ให้สตรีและคนผิวดำในสหรัฐอเมริกาได้รับ สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในปี ค.ศ.1807
และจากสาเหตุที่มีกฎหมายมายับยั้งไม่ให้สตรีและคนผิวดำใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนี้เอง จึงเป็นที่มาของกลุ่มนักเคลื่อนไหวสตรีที่เมือง SYRACUSE รัฐนิวยอร์ก โดย Lucretia Mott และ Elizabeth Cady Stanton และเพื่อนสตรีอีกหลายคน ที่มีความคิดเห็นคล้ายคลึงกัน ได้จัดงานประชุมอย่างไม่เป็นทางการขึ้นที่ Stanton’s hometown of Seneca Falls เพื่อพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสตรี ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางสังคม สิทธิการเป็นพลเมืองและศาสนา ตลอดจนสิทธิสตรี
ในที่ประชุมได้มีการอ่าน “ประกาศแห่งจิตวิญญาณและความตั้งใจอันแน่วแน่” หรือ “Declaration of Sentiments and Resolutions” เพื่อเรียกร้องสิทธิความเสมอภาคให้กับสตรี โดยเฉพาะประเด็นการได้รับสิทธิการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพื่อสร้างความมั่น คงให้แก่สถานภาพของสตรี
http://www.manager.c...D=9530000096256
อย่าอ้างอิงเฉยๆ อย่าลอกเลียนมาโดยไม่พิจารณาไตร่ตรอง...
มิฉนั้นจะสำลักสิทธิเสรีภาพจนเป็นโรค'กรดไหลย้อน'......ฮา
บางทีคุณสมบัติของผู้ลงคะแนน ผู้ลงสมัครอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ความเจริญทางความคิด สังคมด้วย....
- Manners likes this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#104
ตอบ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 07:06
การที่พรรคเพื่อแม้วได้คนชนะเลือกตั้งมากกว่า เพราะ ภาพลักษณ์ดีกว่า
ไม่เกี่ยวกับว่า เพราะ ควายเลือกมาหรอก
และก็ไม่เกี่ยวกับเงินซื้อเสียงด้วย
เนื่องจากอดีต แม้วมันมองว่า เลือกตั้ง ก็เหมือนขายของ เอาเงินไปลงทุนกับการประชาสัมพันธ์มากกว่าซื้อเสียง
สร้างภาพว่าติดดิน นั่งจ้วงข้าวเหนียวกับประชาชน ใช้ภาพลักษณ์ ตากฝน เพราะ คนไทยชอบดราม่า
ทำให้แบรนด์ที่ชื่อ ทักษิณ เสมือน ผู้นำที่เคียงข้างคนจน
แล้วให้ พรรคเล็กๆ เสมือนหุ้นส่วน ให้ประโยชน์ต่างตอบแทน
พอมีอำนาจ ก็ปรับโครงสร้าง เอื้อประโยชน์ในแต่ละหน่วยงาน
สมัยต่อๆไป ไม่ต้องใช้เงินมากมาย หาใครลงก็ได้ ใช้แบรนด์ทักษิณ ก็พอ
หานักปลุกระดม แกนนำคอมมิวนิสต์ ซื้อสื่อสร้างภาพลักษณ์ก็พอ
ส่วน ปชป. ก็ชอบมองแนววิชาการ มองภาพรวม มองการทำงานให้เป็นรูปธรรม ทำให้ประชาสัมพันธ์ด้อย
การบิรหารเลยไม่คุ้นหู ไม่น่าจดจำ ไม่ถูกใจคนส่วนใหญ่
พอเอา มาร์ค เข้ามาทำให้ภาพลักษณ์ดูคล้ายๆหนุ่มไฟแรง นักการเมืองซื่อสัตย์
ฝ่ายแม้วก็แก้เกม เอาปูมาสร้างภาพลักษณ์ วีรสตรีสาวไฟแรง พร้อมแบรนด์ทักษิณอีกแล้ว
ก่อนนั้น วิธีจะทำให้ คนซื้อสัตย์สุจริต ให้ภาพลักษณ์เสียไป คือ ให้เป็นฆาตกร
ต่อให้ เพื่อแม้ว โกงแสนล้านยังไง แค่สร้างภาพลักษณ์ดีๆ ทำการตลาดให้เป็นนโยบายสุดโต่ง
ต่อให้ไม่ต้องแจกตังค์ซื้อเสียง ก็ชนะ
โครงการ ค่าแรง 300 บาท ผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี 15,000 บาท และโครงการจำนำข้าว 15,000 บาทบทแผ่นใบปลิว แบนเนอร์ มีความสำคัญกว่า....
เพราะผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้พิการทางสมอง พูดได้ไม่กี่ประโยค ก็ชูใบปลิวเย็บติดธนบัตรแล้ว......!
- Huligan likes this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#105
ตอบ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:14
การที่พรรคเพื่อแม้วได้คนชนะเลือกตั้งมากกว่า เพราะ ภาพลักษณ์ดีกว่า
ไม่เกี่ยวกับว่า เพราะ ควายเลือกมาหรอก
และก็ไม่เกี่ยวกับเงินซื้อเสียงด้วย
เนื่องจากอดีต แม้วมันมองว่า เลือกตั้ง ก็เหมือนขายของ เอาเงินไปลงทุนกับการประชาสัมพันธ์มากกว่าซื้อเสียง
สร้างภาพว่าติดดิน นั่งจ้วงข้าวเหนียวกับประชาชน ใช้ภาพลักษณ์ ตากฝน เพราะ คนไทยชอบดราม่า
ทำให้แบรนด์ที่ชื่อ ทักษิณ เสมือน ผู้นำที่เคียงข้างคนจน
แล้วให้ พรรคเล็กๆ เสมือนหุ้นส่วน ให้ประโยชน์ต่างตอบแทน
พอมีอำนาจ ก็ปรับโครงสร้าง เอื้อประโยชน์ในแต่ละหน่วยงาน
สมัยต่อๆไป ไม่ต้องใช้เงินมากมาย หาใครลงก็ได้ ใช้แบรนด์ทักษิณ ก็พอ
หานักปลุกระดม แกนนำคอมมิวนิสต์ ซื้อสื่อสร้างภาพลักษณ์ก็พอ
ส่วน ปชป. ก็ชอบมองแนววิชาการ มองภาพรวม มองการทำงานให้เป็นรูปธรรม ทำให้ประชาสัมพันธ์ด้อย
การบิรหารเลยไม่คุ้นหู ไม่น่าจดจำ ไม่ถูกใจคนส่วนใหญ่
พอเอา มาร์ค เข้ามาทำให้ภาพลักษณ์ดูคล้ายๆหนุ่มไฟแรง นักการเมืองซื่อสัตย์
ฝ่ายแม้วก็แก้เกม เอาปูมาสร้างภาพลักษณ์ วีรสตรีสาวไฟแรง พร้อมแบรนด์ทักษิณอีกแล้ว
ก่อนนั้น วิธีจะทำให้ คนซื้อสัตย์สุจริต ให้ภาพลักษณ์เสียไป คือ ให้เป็นฆาตกร
ต่อให้ เพื่อแม้ว โกงแสนล้านยังไง แค่สร้างภาพลักษณ์ดีๆ ทำการตลาดให้เป็นนโยบายสุดโต่ง
ต่อให้ไม่ต้องแจกตังค์ซื้อเสียง ก็ชนะ
โครงการ ค่าแรง 300 บาท ผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี 15,000 บาท และโครงการจำนำข้าว 15,000 บาทบทแผ่นใบปลิว แบนเนอร์ มีความสำคัญกว่า....
เพราะผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้พิการทางสมอง พูดได้ไม่กี่ประโยค ก็ชูใบปลิวเย็บติดธนบัตรแล้ว......!
แถวหมุ่บ้านผม (ลำปาง) ไม่เคยเห็นผู้สมัครมาหาเสียง มีแต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมาหาเสียง
เรื่องแจกเงินยังไม่เห็น แต่ในหมู่บ้านมีแต่ป้าย ยิ่งลักษณ์
คนในหมู่บ้านบอกๆกัน ทักษิณเก่งอย่างนู้นอย่างงี้ แต่ไม่ยักพูดถึงยิ่งลักษณ์ ฮา
#106
ตอบ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:08
สำหรับคนที่ไม่เสียภาษี และ ไม่มีวุฒิการศึกษา สามารถมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้ ด้วยการไปสอบคัดเลือกครับ
การเลือกตั้งในอเมริกา ไม่ใช่ทุกคนมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเหมือนในอังกฤษ อเมริกามีการคัดกรองคน
คนจนตามต่างจังหวัด มีการศึกษาน้อย ชาวบ้านไม่รู้ว่ารับเงินแค่ไม่กี่ร้อยแล้ว ประเทศชาติเสียหายอย่างไร ระบอบทักษิณอยู่ได้เพราะอาศัยจุดโหว่ตรงนี้ วิธีแก้ด้วยการคัดกรองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการประกวดหมา ถ้ากรรมการไม่รู้เรื่องหมา ก็จะตัดสินมั่วซั่ว กรรมการแบบนี้จึงควรถูกตัดสิทธิ์ คนที่คลุกคลีกับชาวบ้าน จะรู้ดีว่า การให้การศึกษากับคนกลุ่มนี้เป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่สอนเด็กรุ่นหลัง
ที่จริงสมัยได้อิสรภาพจากอังกฤษใหม่ๆอเมริกาก็เคยใช้ระบบคัดกรองคุณภาพคนที่มีสิทธิเลือกตั้งนะครับไม่ใช่พอตั้งประเทศก็หนึ่งคน-หนึ่งโวตกันเลย เขาเริ่มจากคนที่มีการศึกษาก่อนและเมื่อประชาชนได้เริ่มเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นก็ค่อยๆขยายสิทธินี้ออกไปสู่กลุ่มอื่นๆไปเรื่อยๆ ส่วนในปัจจุบันเราก็คงกลับไปทำแบบนั้นไม่ได้
ทำไมถึงกลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้ล่ะครับ แค่แก้รัฐธรรมนูญก็เปลี่ยนได้แล้ว อย่างอเมริกาซึ่งคนเยอะกว่าเรายังทำได้ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เขาก็ยังปรับกันอยู่เรื่อยๆ เช่น เวลามีความกลัวเรื่องคอรัปชั่น เขาก็กีดกันไม่ให้คนผิวดำและคนอาเซียนโหวตบ้าง หรือถ้าเป็นแค่ resident แต่ไม่ใช่ citizen ก็ไม่ให้โหวต (ตอนนี้อังกฤษก็ยังเป็นอย่างนี้)
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ อเมริกกรองคนยังไง บอกหน่อย
ส่วนที่ไม่ให้คนที่ไม่ใช่คนเมกันเลือกตั้งก็ถูกแล้วนี่ มาอาศัยอยู่ (resident) ไม่เหมือนกับเป็นเจ้าบ้าน (citizen) หรอกนะ
สมัยก่อนโน้นเลยครับ สมัยได้อิสรภาพใหม่ๆจากอังกฤษ เขาให้พวกเทคโนแครทพวกมีการศึกษาได้มีสิทธิก่อน แล้วถ้าเข้าใจไม่ผิดพวกผู้หญิงและคนผิวดำเพิ่งจะมีสิทธิไม่กี่สิบปีมานี่เอง ไม่ใช่ในปัจจุบันแบบที่คุณหมายถึงพวก resident หรือ citizen นะ คนละเรื่องกัน
#107
ตอบ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:25
จริงๆ ทุกวันนี้ก็มีการคัดกรองอยู่แล้ว แต่เป็นการคัดกรองด้วยอายุคือวัยวุฒิอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ได้ผล ก็เห็นกันอยู่แล้ว
ผมเห็นด้วยกับแนวคิด แต่ถ้าปฏิบัติจริงคงต้องรออีกนานมาก ทำตอนนี้ มีแต่จะทำให้ระบอบแม้วแข็งแกร่งขึ้นอีก เพราะมันหากินกับชนชั้นมาโดยตลอด
Edited by naiare, 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:26.
#108
ตอบ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 01:42
ถ้าจะปฏิรูป ต้องยกคำว่า ระบอบ ทิ้งไปก่อน
กฏกติกาต่างๆที่เคยมี ให้ยกออกไปวางข้างๆก่อน ไม่เช่นนั้น ต่างฝ่ายต่างก็จะนำมาอ้างว่า มันขัดกับข้อนั้น ข้อนี้
ให้มาตั้งประเด็นว่า จะแก้ในเรื่องใดบ้าง เอาสำคัญๆก่อน 1,2,3,4.... เช่น แก้ปัญหาที่นักการเมือง จะข้อห้ามอะไรบ้างถ้าได้เป็น สส. และ สามารถสวนมติพรรคได้ หรือ ให้อิสระในความคิด
อะไรก็ว่ากันไป
ส่วนในเรื่องการเลือกตั้ง ที่ ท่าน จขกท.เสนอมา ก็เป็นแนวทางหนึ่ง แต่คงยากไปสักหน่อย เพราะผมก็เคยคิดว่า เฉพาะผู้เสียภาษี มันก็มาติดที่ว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ทุกคนต้องจ่ายอยุ่แล้ว และอย่างที่บางท่านบอก ใช้วิธีคัดกรอง จะมั่นใจได้ยังไงว่า จะ ได้บุคคลที่มีความคิดที่ดีในทางการเมือง เพราะ คนเราที่มีการศึกษา รู้ว่าสิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก และรู้ถึงขนาดที่ว่า ตอนสอบคัด ก็ตอบในสิ่งที่ถูก ก็จะได้ไปเลือกตั้ง พอต้องลงคะแนน ก็กาให้กับคนที่ออกนโยบาย(สมมุติ)ที่เกิดผลเสียต่อประเทศ ก็เป็นไปได้
การเลือกตั้ง นั้นมันคือ ส่วนปลีกย่อยเท่านั้น
ต้องแก้ปัญหาที่ตัวนักการเมือง พรรคการเมือง อันดับแรก ว่าจะมีข้อห้าม และ บทลงโทษที่แรงกว่าประชาชนทั่วไป ไม่มีอายุความ หรืออะไรก็ว่ากันไป
ต่อมาแก้ข้อบังคับ ในเรื่อง นโยบายต่างๆของรัฐบาล ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกนโยบาย และ ต้องมีหลักฐานในการเงิน หรืออะไรก็ว่ากันไป
แล้วค่อยมาเลือกตั้ง
ส่วนที่ผมคิดไว้
เป็นข้อกำหนดบังคับ คือ
ผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองและมีตำแหน่งทางการเมือง ถ้ากระทำความผิด คดีจะต้องไม่มีอายุความ
ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากการเลือกตั้ง ถ้ากระทำความผิด คดีจะต้องไม่มีอายุความ
สส.หรือ ผู้สนับสนุนโครงการในนโยบายที่มิใช่ สาธารณะประโยชน์(เช่น รับจำนำข้าว) ถ้าเกิดความเสียหายต้องร่วมกันรับผิดชอบ ลาออก ในสิ่งนั้นๆ และต้องชดใช้ค่าความเสียหายเต็มจำนวน
ฯลฯ อีกเย้อออออออออออออออออออ!!!
- Huligan likes this
ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน