Jump to content


Photo
- - - - -

ประเทศไทย ไปยังไงต่อดี


  • Please log in to reply
ยังไม่มีผู้แสดงความเห็นในกระทู้นี้

#1 Pasitnat

Pasitnat

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 594 posts

ตอบ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:17

ผมข้ามกลไกและขั้นตอนตั้งแต่ตอนนี้จนไปถึงเลือกตั้งใหม่นะครับ เพราะกลไกและขั้นตอนเหล่านี้มีคนอภิปรายกันมากอยู่แล้ว

 

สิ่งที่เขียนคือความคิดของผมล้วน ๆ ครับ ทั้งนี้ความคิดดังกล่าวได้อิทธิพลมาจากคนหลาย ๆ คนครับ

 

เมืองไทยควรจะก้าวต่อไปอย่างไร เอาเฉพาะประเด็นที่เร่งด่วนและสำคัญ

1. รธน ปี 50 นอกจากถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองแล้วยังมุ่งเน้นไปยังการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง เหตุใดกลไกดังกล่าวคือการป้องกันการทุจริตจึงล้มเหลว ผมคิดว่ามีสาเหตุใหญ่ ๆ คือ มีการซื้อเสียง คนไม่ออกไปเลือกตั้ง และหน่วยงานที่ทำงานตรวจสอบการคอรัปชั่นและการทำงานของนักการเมืองไม่ได้อิสระจริง ซึ่งประเด็นหลังนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ปปช สตง DSI สตช สำนักงานอัยการ สวและสื่อ อีกทั้งการตรวจสอบการคอรัปชั่นจากภาคประชาชนเองก็ดูเหมือนจะไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะทำให้นักการเมืองมีหิริโอตัปปะต่อการโกงกินบ้านเมือง สิ่งที่ต้องทำ ผมเน้นว่าต้องทำนะครับ คือการปลดปล่อยให้หน่วยงานเหล่านี้เป็นอิสระจากนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นกลวิธีใดก็ตาม และให้มีการถ่วงดุลระหว่างหน่วยงานที่ทำการตรวจสอบเหล่านี้ อีกทั้งต้องออกแบบกลไกให้ภาคประชาชนสามารถยื่นเรื่องให้หน่วยงานตรวจสอบการทุจริตได้อย่างรวดเร็วและเปิดเผย หากเพิ่มความเป็นอิสระและศักยภาพขององค์กรเหล่านี้ เชื่อได้ว่าการคอรัปชั่นและทุจริตคงจะลดลงอย่างรวดเร็ว

2. เนื่องด้วยนักการเมืองไทยบางคนหน้าหนากว่าที่ควรจะเป็น ไม่ละอายต่อการทำผิดและละเลยการประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างและสมศักดิ์ศรีของสส สว รมตและนายกฯ จึงเห็นว่า จะต้องมีการตรากฎหมายว่า หากปปชรับเรื่องเมื่อไหร่ ไม่ต้องรอให้มีการชี้มูล ให้นักการเมืองเหล่านั้นต้องแขวนตำแหน่งโดยทันที (จริง ๆ อยากให้แค่โดนยื่นก็ต้องแขวนแล้ว แต่กลัวจะมีการกลั่นแกล้งมากเกินไป) 

3. ตำรวจ อันนี้เห็นได้ชัด ตำรวจต้องมีการยกเครื่องครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการจริงจังกับการบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้น รวมถึงเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนได้ง่ายหากพบการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จากตำรวจ ตำรวจที่ตั้งตนเป็นมาเฟียเสียเองต้องมีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว ตำรวจทุกระดับต้องพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบหากมีเรื่องร้องเรียนดังกล่าว หากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและมีช่องทางให้ตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายนั้น ย่อมทำให้พลเมืองมีระเบียบวินัยกันมากขึ้นและสังคมมีความปลอดภัยมากขึ้น

4. สื่อ สื่อถืออำนาจที่สำคัญคือการชี้นำสังคม โดยเฉพาะสื่อหลักที่มีผู้เสพเป็นจำนวนมาก สื่อที่เสนอความจริงไม่รอบด้าน ไม่เป็นอิสระย่อมนำมาซึ่งความแตกแยกของสังคม ผมไม่ต้องการสื่อแดกด่วนหรือ fast news ที่นำเสนอโดยไม่ผ่านการวิเคราะห์ เอาเร็วเข้าว่า ขอเสนอก่อนเป็นพอ ทุกวันนี้อ่านข่าวต้องใช้สมองเป็นพิเศษจนทำให้รู้สึกว่าสื่อหลักไม่น่าเชื่อถือเสียแล้ว ปล่อยให้ fast news เป็นหน้าที่ของ social media แล้วสื่อหลักจงทำหน้าที่เป็นกระจกหกด้าน สื่อความจริงให้ครบรอบด้านมากที่สุด จะต้องมีการตรากฎหมายให้สื่อเป็นอิสระจากนักการเมืองและรัฐบาลให้ได้ ซึ่งผมเห็นว่าหาก กสทช เองเป็นหน่วยงานอิสระจากนักการเมืองคงจะดีไม่น้อย อย่างไรก็ตามหน่วยงานอิสระก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบเช่นกัน เรื่องละครอะไรผมไม่ขอพูดถึงนะครับ ถือว่าเป็นวัฒนธรรมของเราไปเสียแล้ว

5. ไม่ควรปล่อยให้รัฐบาลดูแลราคาพืชผลการเกษตรมากไป แต่ควรให้กลไกการตลาดเป็นผู้กำหนด รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลไม่ให้เกษตรกรเสียเปรียบนายทุนใหญ่ ลดการกีดกันสินค้าการเกษตรจากประเทศอื่น ๆ สนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศ สนับสนุนให้เกษตรกรเติบโตสามารถพึ่งตนเองได้ เชื่อมโยงการพัฒนาผลิตผลการเกษตรกับอุตสาหกรรมจากผลิตผลการเกษตรและอื่น ๆ การเข้าไปยุ่งกับรายได้ของเกษตรกรคือการไปกดเกษตรกรไม่ให้โตและต้องงอมืองอเท้าพึ่งพาแต่รัฐบาล

ุ6. อันนี้สำคัญที่สุด คือประชาชนเอง ต้องพัฒนาตนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ อันนี้ไม่เกี่ยงระดับการศึกษา พลเมืองคุณภาพในความหมายของผมคือ เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ด้วยความสุจริตคือประกอบสัมมาอาชีพ เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต มีระเบียบวินัยต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม รักษาทรัพย์สมบัติส่วนรวม ไม่เบียดเบียนสิทธิของผู้อื่น (เช่น แทรงคิว) เคารพกฎหมาย รักเกียรติแห่งตน ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้สมบูรณ์ตามบทบาทที่ตนเองมีอยู่ เป็นแบบอย่างที่ดีต่อลูกหลาน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานเป็น และต้องไปเลือกตั้ง เยอะไปไหม ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันสรรค์สร้างระบบที่จะสนับสนุนการพัฒนาพลเมืองที่มีประสิทธิภาพและให้มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด หากจะเน้นการพัฒนาให้ไปที่คนยากจนก่อนเลย หากพลเมืองมีประสิทธิภาพ ประเทศชาติก็จะไปโลด

ผมคิดว่าห้าล้านกว่าคน คูณสาม (ผมคูณให้เองสำหรับคนที่ออกมาวันนั้นไม่ได้) ก็เป็น สิบห้าล้านคน บวกไทยเฉยและคนไทยทุกคน หันมามองตน ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดและพัฒนาตนเองเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ครอบครัวและสังคมมากขึ้น เมื่อทำได้ประเทศชาติพัฒนาแน่นอน ไม่ต้องง้อนักการเมืองด้วย


ผมเกลียดนักการเมืองเลวๆ นายทุนเลวๆ มาเฟียและคนทำตัวกักขฬะครับ




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน