สุภาพชน
บทบรรณาธิการ
แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของญี่ปุ่นที่มีผู้หยิบยกให้เป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศประชาธิปไตยก็คือ ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
ญี่ปุ่นยุบสภาและเลือกตั้งบ่อยครั้ง เช่น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 5 คน 5 ครั้ง
แต่การเมืองของญี่ปุ่นกลับมีเสถียรภาพสูงและเป็นตัวอย่างของประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชีย
เพราะใช้กลไกทางประชาธิปไตยอันเป็นที่ยอมรับของโลกสากล
นั่นคือการยุบสภาและเลือกตั้ง เป็นไปตามครรลองและบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ
ไม่เคยเรียกร้องอำนาจนอกระบบ หรือมีอำนาจนอกระบบใดๆ เข้ามาแทรกแซง
ผลการเลือกตั้งของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2498 พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ชนะการเลือกตั้งมาเกือบทุกครั้ง และครองอำนาจฝ่ายบริหารยาวนาน
ในขณะที่พรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น หรือ ดีพีเจ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ต่อสู้ด้วยนโยบาย ที่แตกต่างออกไป และเคยชนะใจประชาชนจนได้เป็นรัฐบาลในบางช่วง
ทั้งสองพรรคต่างต่อสู้และยอมรับผลการเลือกตั้งด้วยน้ำใจนักกีฬาตลอดมา
ที่สำคัญคือการเมืองญี่ปุ่นยึดความเป็นสุภาพชน
ความเป็นสุภาพชนของญี่ปุ่นเกิดจากการยอมรับความเท่าเทียมกันของประชาชน
แม้ว่าญี่ปุ่นเองก็เคยมีสังคมศักดินา เคยมียุคที่ชาวนาต่ำต้อยกว่านักรบและผู้ปกครอง
แต่เมื่อประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว 1 คะแนนเสียงของประชาชน ก็เท่ากัน
หากไทยมองญี่ปุ่นเป็นแบบอย่างของประชาธิปไตย ในฐานะที่เป็นสังคมตะวันออกเช่นเดียวกัน
ต้องตั้งต้นจากความเป็นสุภาพชน
เมื่อมีการแสดงออกทางประชาธิปไตย ไม่ว่าการประท้วง หรือปราศรัย ต้องแสดงออกโดยไม่หยาบคาย ไม่หยามเหยียด หรือก่อให้เกิดความเกลียดชังในสังคม
ยิ่งเมื่อแสดงตนเป็นกลุ่มผู้มีการศึกษา มีฐานะทางสังคมเป็นที่ยกย่อง ยิ่งต้องแสดงถึงความเป็นสุภาพชน
ความเป็นสุภาพชนจะช่วยกล่อมเกลาให้สังคมใช้สติ กลั่นกรองข้อมูลข่าวสารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และหาทางแก้ไขปัญหาได้ไม่มีประโยชน์ใดที่จะต้องด่าทอกันด้วยเสียงตะโกนอันหยาบคาย เพราะรังแต่จะทำลายโอกาสความเป็นมิตร
การพัฒนาประเทศให้มีวุฒิภาวะทางประชาธิปไตย ประชาชนต้องเป็นสุภาพชน
ไม่รู้ว่า สุภาพแบบนี้
จะพอไหวมั๊ย...
"สุภาพชน คนเสื้อแดง"
Edited by Suraphan07, 11 December 2013 - 10:24.