แดงกำลังแชร์ในเน็ต..โจมตีครอบครัวฝ่ายต้านระบอบทักษิณ..คนดีก็โกงและมีผลประโยชน์ทับซ้อน
#1
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:28
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี
1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ
1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง
1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ
1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;
#2
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:31
POPULAR
ถ้าคิดว่าเค๊ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ก็มาร่วมกันปฎิรูปสิครับ จะได้กันคนโกงกิน คอรัปชั่น ให้มันไม่ต้องได้ผุดได้เกิด
ประเทศจะได้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
"ไม่มีพระราชาองค์ใด ยิ่งใหญ่เทียบเท่าเสมอเหมือน พระราชาของพวกเราปวงชนชาวไทย"
Long Live My King
....................................................
#3
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:31
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี
1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ
1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง
1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ
1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;
อย่าให้เอาของชินวัฒมาพูดเลยครับ มากกว่านี้อีก
- Lucas Leiva Benitez Rodger and ornnaka like this
#4
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:35
ทักษิณคนเดียวก็คดีมากกว่าแล้วครับ รวมทั้งในรายชื่อนี้กลับไม่มีใครโดนคดีฉ้อโกงซักคน ขนาดเรื่อง สปก. ที่เอามาหากินตลอดยังเล่นสุเทพไม่ได้เลย เรื่องใหม่อย่างโรงพักก็ไปไม่เป็นเลย
- Lucas Leiva Benitez Rodger, 134340, grand_v and 1 other like this
#5
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:36
-น้อยมากก็คือโกง
-น้อยมากก็ผลประโยชน์ทับซ้อน
-ว่าคนอื่นโกงตัวเองก็โกง
-ถ้าฝ่ายตนไม่รับว่าโกงอีกฝ่ายก็ไม่รับว่าโกงได้
- Sazabi Neozeon and ornnaka like this
#6
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:37
พ่อโกงแล้วลูกจำเป็นต้องโกงเหรอ
ประเทศไทยลูกจับพ่อเข้าคุกเยอะแยะไป
หรือพ่อจับลูกเยอะแยะเหมือนกัน
ถ้าเรื่องแบบนี้คนเอาไปเป็นประเด็นก็ปล่อยมันเหอะ
ไร้สาระ ขนาดตอนรถดับเพลิงด่าอภิรักษ์เสียๆหายๆ
พอศาลตัดสินว่าไม่ผิด ประชาผิดก็เงียบเป็นเป่าสากกัน
ถ้าคิดแบบนี้เอาแม้วตั้งแล้วเอาปูลบ แบบนี้ปูจะไม่เละเลยเหรอ
มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ในเมื่อในครอบครัวมีบทเรียนแบบนี้แล้ว
ตัวบุคคลนั้นๆจะเรียนรู้แบบใหนมากกว่า
ถ้าจะเรียนรู้แบบครอบครัวโกงทั้งบ้านแบบแม้วก็ปล่อยไปเหอะ
Edited by น้องจุบุจุบุ, 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:41.
- ornnaka likes this
#8
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:42
แม้วคนเดียวเยอะกว่าทุกคนรวมกันอีก
- phoebus and Lucas Leiva Benitez Rodger like this
เจตนารมณ์ส่วนตัว
- ไม่ใช้ถ้อยคำที่คำหยาบคาย
- ไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่มีเหตุผล
#9
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:44
POPULAR
ไม่โยงไปที่ สุรนันท์ เวชชาชีวะ ด้วยว่ะ
- so what?, G.Maniac, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and 11 others like this
#10
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:53
ตัวพ่อเลย....ไม่ต้องใช้ญาติไม่ต้องใช้ใช้แสตนด์อิน 555
อย่าได้แคร์
- kukkuk, Sazabi Neozeon and temp like this
#12
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:56
เหอะ เหอะ ที่เขาจาระไนมา 7 รายการนี่ มันผลประโยชน์ทับซ้อนตรงไหนครับ
มันมีกฎหมายอะไรห้ามญาติพี่น้อง ทำธุรกิจครับ เอามาเขียนลอย ๆ มันบ่งบอกว่า
เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนแล้วหรือครับ กฎหมายห้าม สส มีญาติพี่น้องทุจริตก็ไม่มี
นะครับ
ผลประโยชน์ทับซ้อนมีตัวอย่างให้เห็นแล้วทำไมไม่จำครับ
มีหุ้นแล้วเที่ยวเอาไปซุกไว้กับคนรถคนสวน หรือบรรดาญาติพี่น้องแล้วอ้างว่า ผมขาย
ไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว แต่เบื้องหลังไปแก้กฎหมายเอื้อประโยชให้หุ้นของตัวเอง
ที่อ้างว่าขายไปหมดแล้ว พอถูกจับได้ยังหน้าด้านอ้างว่า บกพร่องโดยสุจริตอีก
เอาเงินของประเทศไปให้ต่างชาติกู้ เพื่อให้เขาซื้อของในบริษัทที่อ้างเป็นชื่อลูกหลาน
ของตัวเอง อย่างนี้ก็เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนครับ
ผมสงสัยว่า 7 รายการที่ยกตัวอย่างมานั้น มันทับซ้อนยังไงครับ หรือคนที่มีชื่อเกี่ยวข้อง
เขามีส่วนเข้าไปทุจริตอย่างไรครับ
#13
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:58
POPULAR
1.1) อภิสิทธิ์ : CPF ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับรัฐ แต่บริษัทที่เป็นคู่สัญญาของรัฐ คือ TRUE ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัดและ CPF ก็ไม่ได้เป็นบริษัทแม่ของ TRUE ด้วย CPF เป็นบริษัทลูกอีกบริษัทหนึ่งของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ส่วนอาและลุง เกี่ยวอะไรด้วย ไม่ใช่ญาติสายตรง แล้วสัญญา BTS ที่ต่อไปอีก 30 ปีนั้น เป็นสัญญาว่าจ้างให้เดินรถ ไม่ใช่ขยายสัมปทาน เรื่องง่ายๆ แบบนี้ พวกกาสรสีชาดทำไมไม่เข้าใจซักทีก็ไม่รู้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี
1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ
1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง
1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ
1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;
ตรวจรายชื่อผู้ถือหุ้นได้
CPF : http://www.settrade....PF&selectPage=5
TRUE : http://www.settrade....UE&selectPage=5
1.2) ชวน : น้องชายโกงบริษัทเอกชน แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่มันบริหารประเทศวะ
1.3) บัญญัติ : ลูกมันเปิดภาพโป๊ แล้วเกี่ยวอะไรกับผลประโยชน์ทับซ้อนวะ
1.4) สุเทพ : เรื่องที่ดินเขาแพง กำลังฟ้องอยู่ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครผิดใครถูก
1.5) กรณ์ : คดีพ่อเค้า ศาลตัดสินไปชาติเศษแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีความผิด พวกกาสรสีชาดไปขุดรูอยู่มาหรือไงเนี่ย
http://th.wikipedia....กรศรี_จาติกวณิช
1.6) ชวนนท์ : หาข้อมูลได้เท่านี้ ในข่าวไม่ได้บอกว่าทุจริตต่อหน้าที่
http://info.gotomana...ls.aspx?id=7877
1.7) ศิริโชค : แม่มีคดีฉ้อโกงเช็คเด้ง เกี่ยวกับลูกตรงไหนวะ งั้นทักษิณที่มีคดีฉ้อโกงเช็คเด้ง ศาลตัดสินแล้วด้วย ว่าโกงจริง แต่คดีหมดอายุความเลยฟ้องต่อไม่ได้ ไม่ตรงตัวมากกว่าหรือไงเมื่อประมาณระหว่างปี 2524-2525 ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำลังประสบวิกฤติการณ์ทางการเงินคือขาดเงินหมุนเวียน ไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้ไกรศรีเป็นมือกระบี่ที่ถูกส่งไปเคลียร์ปัญหา ปีแรกเขาไปเป็นกรรมการต่อมาพลเอกอำนาจ ดำริการประธารกรรมการเสียชีวิต ไกรศรีได้รับเลือกให้เป็นประธานแทนในทัศนะของไกรศรีธนาคารนับว่าอยู่ในภาวะที่เลวร้ายมาก เพราะแม้แต่ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด ก็ยังไม่สามารถใช้คืนแก่ผู้ถือได้ตามกำหนดเวลา รวมทั้งการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินอีกมากมาย ซึ่งเมื่อธนาคารไม่มีเงินชำระให้แก่เจ้าหนี้ต่างๆ ย่อมส่งผลกระเทือนถึงรัฐบาล เพราะกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้
ไกรศรีเห็นว่าการที่จะแก้ไขความเสียหายและฟื้นฟูธนาคารนั้น ประการแรกต้องเปลี่ยนตัวผู้จัดการ ไกรศรีเสนอให้ครม.ปลดมานะศักดิ์ อินทรโกมารสุต และแต่งตั้งกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อธนาคารกรุงไทย เพราะไกรศรีเห็นฝีมือกิตติตอนที่กิตติรับผิดชอบโปรเจ็คผาแดงในฐานะตัวแทนของกรุงไทย ไกรศรีกับกิตติได้ร่วมกันบริหารธนาคารกลับคืนมาอยู่ในฐานะที่มั่นคงและมีกำไรจนกระทั่งปัจจุบัน
ปล. เรื่องโง่ๆ ของพวกกาสรสีชาด ไม่มีวันหมดอายุจริงๆ
คำพิพากษา
ในพระประมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ที่ 149/2532 ศาลฎีกา
วันที่ 20 มกราคม 2532
ความ แพ่ง
ระหว่าง นางชม้อย เชื้อประเสริฐ โจทก์
นายสันต์ สมิตเวช จำเลยที่ 1
พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 2
เรื่อง ตั๋วเงิน
จำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2529
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาเชียงใหม่ เลขที่
ลงวันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสนบาทถ้วน) เป็นเช็คออกให้แก่ผู้
ถือจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง
เพื่อรับรองเป็นประกัน สำหรับจำเลยที่ 1 เมื่อถึงกำหนดวันที่ลงเช็ค โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของ
โจทก์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาสยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เรียกเก็บเงินจากธนาคารตาม
เช็ค ปรากฏว่า ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2525 โดยให้เหตุผลในใบคืนเช็คว่า
“โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คหลายครั้ง แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย
เสีย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2525 จนถึง
วันฟ้อง เป็นเวลา 1 ปี รวมเป็นดอกเบี้ย 97,500 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 1,300,000
บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีก 97,500 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่
วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนเงินตามเช็คตามฟ้อง โดยเป็นหนี้เพียง
750,000 บาท จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน โจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละห้าถึงเจ็ดต่อเดือน และนำ
ดอกเบี้ยที่ค้างชำระมาทบรวมเป็นเงินต้นเป็นการไม่ชอบ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องทั้งหมด
ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คตามฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายและได้เช็คมาโดยไม่
สุจริต ลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่โจทก์อ้างว่าเป็นลายมือชื่อผู้ค้ำประกันการจ่ายเงินตามเช็ค
มิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่า โจทก์
ได้เช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้ชนิดใด ทำให้จำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าจะให้การต่อสู้อย่าง
ไรและเกี่ยวข้องกับเช็คตามฟ้องในทางใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้
สั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน
1,300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไป นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2525 จนกว่าชำระ
เงินเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
แทนโจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทน
โจทก์
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบว่า เมื่อเดือนกันยายน
2523 จำเลยที่ 2 ได้ซื้อโรงภาพยนตร์พร้อมที่ดินจากนายธรรมนนท์ สมิตเวช บิดาจำเลยที่
1 ในราคา 8,500,000 บาท แต่ระบุในสัญญาไม่ถึง 8,500,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 ให้นาง
พจมาน ชินวัตร ภริยาลงลายมือชื่อเป็นผู้ซื้อ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ให้ความยินยอม
ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาขายที่ดิน ลงวันที่ 28 กันยายน 2523 เอกสารหมาย จ.3 ได้
ชำระราคาเป็นเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระเป็นเช็คหลายฉบับ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่าย ต่อมา
จำเลยที่ 1 นำเช็คที่จำเลยที่ 2 ออกให้เพื่อชำระค่าโรงภาพยนตร์และที่ดินมาชำระหนี้โจทก์ 3 ฉบับคือ
เช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2524 จำนวนเงิน
1,800,000 บาท และเช็คธนาคารเดียวกัน ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน
1,300,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ส่วนเช็คอีกฉบับหนึ่ง ลง
วันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2526 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท ไม่ได้ถ่ายสำเนาไว้ เมื่อเช็คตาม
สำเนาภาพถ่ายเอกสารหมายเลข จ.4 ถึงวันออกเช็ค โจทก์ได้เรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็ค
ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า บัญชีปิดแล้ว ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบคืนเช็คเอกสารหมาย
จ.4
โจทก์จึงติดต่อให้จำเลยที่ 2 มาชำระเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยที่ 2 นัดให้โจทก์ไปพบที่ห้องทำ
งานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจในวันที่ 16 เมษายน 2525 ครั้นถึงวันนัดโจทก์ นายนภศูล สวัสติเวทิ
น ทนายโจทก์ และจำเลยที่ 1 ไปพบจำเลยที่ 2 ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ได้มีการเจรจากัน ในที่
สุด จำเลยที่ 2 บอกว่า จะออกเช็คให้ใหม่และขอเช็คเก่าคืน แต่ในขณะนั้นจำเลยที่ 2 ยังไม่ได้
เปิดบัญชีใหม่ ขอให้จำเลยที่ 1 ออกเช็คไปก่อน โดยจำเลยที่ 2 สลักหลังเป็นประกันให้ โจทก์
ยอมตกลงในวันนั้น จำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คให้โจทก์ 3 ฉบับ โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังต่อ
หน้าโจทก์และนายนภศูล คือ เช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 29
กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งเป็นเช็ค
ที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ เช็คธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 1
ตุลาคม 2526 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท และเช็คธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวัน
ออกเช็ควันที่ 1 ตุลาคม 2527 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย
จ.7 และ จ.8 ตามลำดับ (โจทก์ขออนุญาตส่งสำเนาภาพถ่ายแทน เพราะต้นฉบับจะนำไปดำเนินคดีที่
ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ครั้นเช็คตามฟ้องถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์เรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวัน
ที่ 5 ตุลาคม 2525 โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คตามฟ้องแล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉยเสีย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 2 รู้จักโจทก์ แต่ไม่เคยมีหนี้สินผูกพันกับโจทก์ และไม่เคยออก
เช็คตามฟ้องให้โจทก์ เมื่อพุทธศักราช 2523 จำเลยที่ 2 ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินจากบิดาจำเลย
ที่ 1 ในราคาบาท ได้ชำระราคาเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน รวม 5 ฉบับ จำนวน
เงิน 1,300,000 บาท 1 ฉบับ, จำนวนเงิน 1,800,000 บาท 4 ฉบับ ลงวันออกเช็คห่างกันฉบับละ 1 ปี
จำเลยที่ 2 ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ให้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ได้มีการนำเช็คมาแลกเงิน
สดไปจากจำเลยที่ 2 แล้วทุกฉบับ วันที่ 26 เมษายน 2525 จำเลยที่ 2 ลาป่วยไม่ไปทำงาน
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คตามฟ้องแล้วมอบให้โจทก์
เมื่อถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์นำเช็คตามฟ้องไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อ
วันที่ 5 ตุลาคม 2525 ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายถึงมูลหนี้
ตามเช็คจึงขาดสาระสำคัญไปนั้น เห็นว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ และตาม
กฎหมายถือว่าผู้ถือเป็นผู้ทรงและบุคคลผู้ลงลายมือชื่อในเช็คย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความ
ในเช็ค โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้
สลักหลัง เมื่อถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์นำเช็คตามฟ้องเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการ
จ่ายเงิน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ แม้มิได้บรรยายถึงมูลหนี้ก็ถือได้ว่า
คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลัก
แห่งข้อหาแล้ว จึงไม่เคลือบคลุมดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง และโจทก์
เบิกความเท็จไม่น่าเชื่อถือ จะเห็นได้จากการที่โจทก์เบิกความในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คและ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้องและเช็คอื่นอีก 2 ฉบับ ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2
ที่กรมตำรวจ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2525 แต่ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัด
เชียงใหม่ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นจำเลย ในข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความ
ผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์ฟ้องและเบิกความว่า จำเลย (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) สั่งจ่ายเช็คตาม
สำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.7 ในคดีนี้ (ซึ่งโจทก์นำสืบในคดีนี้ว่า ออกพร้อมกับเช็คตามฟ้องคดี
นี้) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 และในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญาที่จำเลย
ที่ 2 ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จ นายนภศูล ทนายโจทก์ก็ได้เบิกความว่า โจทก์กับ
นายนภศูล ไปพบจำเลยที่ 2 ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 จำเลยที่ 2 มิได้
ไปทำงานเพราะลาป่วย มีใบลาเป็นหลักฐาน คดีจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลัก
หลังเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2 ไม่เคยสั่งจ่ายเช็คให้จำเลยที่ 1 เพราะผู้ซื้อโรงภาพยนตร์และ
ที่ดินคือนางพจมาน ภริยาจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยนั้น โจทก์มีตัวโจทก์และ
นายนภศูลทนายโจทก์คนเดิมมาเบิกความว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย และ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง และเช็คตามสำเนาภาพถ่ายหมาย จ.7 และ
จ.8 ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2525 ปรากฏรายละเอียดตามที่ศาลฎีกา
ยกขึ้นกล่าวในข้อนำสืบของโจทก์
ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 อ้างใบลาหยุดราชการในวันที่ 26 เมษายน 2525 เป็นพยาน เพื่อแสดงให้
ศาลเห็นว่า โจทก์เบิกความเท็จ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและเชื่อไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ลง
ลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 2 อ้างอิงข้อเท็จจริงในฎีกาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่
1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์บรรยายฟ้องและเบิกความ
ว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 ตามสำเนาภาพถ่ายคำฟ้องและคำให้การพยาน
โจทก์ ท้ายฎีกา เอกสารหมายเลข 1 และหมายเลข 2 และนายนภศูล ทนายโจทก์คนเดิมเบิกความ
เป็นพยานโจทก์ (จำเลยที่ 2 ในคดีนี้) ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญาว่า
โจทก์และนายนภศูลไปพบจำเลยที่ 2 ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจเมื่อวันที่ 26 เมษายน
2525 มิใช่วันที่ 16 เมษายน 2525 ตามสำเนาภาพถ่ายคำให้การพยานเอกสารท้ายฎีกาหมายเลข 3
พิจารณาแล้วเห็นว่า เดิมนายนภศูลเป็นทนายโจทก์ในคดีนี้ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นโจทก์และเรียง
ฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่า ในคดีนี้ เมื่อจำเลยที่ 2
ยื่นฎีกาแล้ว นายนภศูลในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำร้อง ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2530 ขอถอนฟ้อง
โดยอ้างว่า โจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกันแล้ว จำเลยที่ 2 รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ศาล
ชั้นต้นสั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถามเรื่องโจทก์ขอถอนฟ้อง ถึงวันนัด โจทก์และทนายคนใหม่มาศาล
แถลงว่า โจทก์ไม่เคยตกลงหรือยินยอมให้นายนภศูลถอนฟ้อง ดังที่นายนภศูลยื่นคำร้อง
ไว้ และยืนยันขอดำเนินคดีในขั้นฎีกาต่อไป
ศาลฎีกาพิเคราะห์พฤติการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว เห็นว่า คำฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่
52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ และคำเบิกความของนายนภศูลในคดีอาญา หมายเลขดำที่
24358/2527 ของศาลอาญา หาทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและฟังไม่ได้ดังที่จำเลย
ที่ 2 ฎีกาหรือไม่ ที่โจทก์เบิกความในคดีดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525
อาจเกิดจากความหลงถือหรือต้องเบิกความไปตามคำฟ้องก็ได้ อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 1 จะลงลายมือ
ชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 จะลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องในวันที่ 16 หรือวันที่ 26
เมษายน 2525 ก็หาใช่สาระสำคัญไม่
ในปัญหาว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังหรือไม่นั้น จำเลยที่ 2 ก็มิได้นำสืบปฏิเสธว่า
ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องมิใช่ลายมือชื่อของตน ในเรื่องของมูลหนี้นั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้นำ
สืบว่า เมื่อพุทธศักราช 2523 จำเลยที่ 2 ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินจากบิดาจำเลยที่ 1 ในราคา
8,500,000 บาท ชำระราคาเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน 5 ฉบับ จำนวนเงิน
1,300,000 บาท 1 ฉบับ จำนวน 1,800,000 บาท 4 ฉบับ เป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 ข้อนำสืบดัง
กล่าว....กับพยานหลักฐานของโจทก์ แต่ที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 1 นำเช็คดังกล่าวมาแลกเงิน
สดไปจากจำเลยที่ 2 ทุกฉบับแล้วนั้น ข้อนำสืบข้อนี้มีแต่คำเบิกความของจำเลยที่ 2 ลอยๆ เท่านั้น
ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ลง
ลายมือชื่อสลักหลังเช็คตามฟ้อง และเหตุที่จำเลยที่ 1 จะออกเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2
ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังก็เกิดจากมูลหนี้ดังที่โจทก์นำสืบ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดใช้เงิน
ตามเช็คตามฟ้องให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาตั้ง
ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ไว้แล้ว
จึงไม่สั่งซ้ำอีก
พิพากษายืนให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 3,000 บาทแทนโจทก์
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา
นายบุญส่ง คล้ายแก้ว
นายประมาณ ชันซื่อ
นายนิเวศน์ คำผอง
Edited by Ricebeanoil, 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:18.
#15
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 23:38
#16
ตอบ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 23:59
เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ไอ้ควายธนูแดง
ขุดคุ้ยอยู่เกือบสิบปี เจอผลประโยชน์ทับซ้อนของนายอภิสิทธิ์เท่าปลายขนเพชร
- วิท, เชียร์คนดี, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and 2 others like this
#17
ตอบ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 08:37
พ่อโกงแล้วลูกจำเป็นต้องโกงเหรอ
ประเทศไทยลูกจับพ่อเข้าคุกเยอะแยะไป
หรือพ่อจับลูกเยอะแยะเหมือนกัน
ถ้าเรื่องแบบนี้คนเอาไปเป็นประเด็นก็ปล่อยมันเหอะ
ไร้สาระ ขนาดตอนรถดับเพลิงด่าอภิรักษ์เสียๆหายๆ
พอศาลตัดสินว่าไม่ผิด ประชาผิดก็เงียบเป็นเป่าสากกัน
ถ้าคิดแบบนี้เอาแม้วตั้งแล้วเอาปูลบ แบบนี้ปูจะไม่เละเลยเหรอ
มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ในเมื่อในครอบครัวมีบทเรียนแบบนี้แล้ว
ตัวบุคคลนั้นๆจะเรียนรู้แบบใหนมากกว่า
ถ้าจะเรียนรู้แบบครอบครัวโกงทั้งบ้านแบบแม้วก็ปล่อยไปเหอะ
ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ โอ๊ค พจมาน เยาวภา พายัพ.......?
- transformer likes this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#18
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:06
อันนั้นเขามีตั้งหลายคน แต่อันนี้สิ คนๆเดียว ครับ
#19
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:11
ที่แน่ๆ ยังไม่มีใครระยำ ให้โครตเหง้าสักหลาดตรูเป็นหนี้ถึง 50 ปีเป็นอย่างน้อย เหมือนคนตระกูลนี้และขี้ข้ามัน ก็แล้วกัน
#20
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:18
น่าจะบอกที่แชร์ด้วยนะ จะได้่เข้าไปช่วยแก้ไข
แต่เว็บ กับ fb เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ปอดแหก แต๋วแตก
ไปโพสท์ตอบก็ลบ กับรุมด่า เพราะเถียงไม่ออก ที่ป๊อดมากๆ ก็ปิด
ขอสาบแช่งคนเลวร้ายทำลายชาติ ให้ไร้สุข มีแต่ทุกข์ ไร้คนรักดูแล อุดมด้วยคนเกลียดชังรังแก
เจ็บป่วย ทรมาน งานการไม่ก้าวหน้า ทำสิ่งใดให้ฉิบหาย วอดวาย อย่าได้พบความสุขใดในทุกชาติภพ
#21
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:27
ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาตีความคิอ..
-น้อยมากก็คือโกง
-น้อยมากก็ผลประโยชน์ทับซ้อน
-ว่าคนอื่นโกงตัวเองก็โกง
-ถ้าฝ่ายตนไม่รับว่าโกงอีกฝ่ายก็ไม่รับว่าโกงได้
ผมโดนมาแล้ว
เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเค้าจะปฏิรูปกันแบบใหน แต่เห็น อดีต สส.ปชป หลายคนไปเลือกตั้งล่วงหน้า
วันนี้คนนึงออกมายอมรับในช่วงบลูสกายหล่อๆหน่อยผมจำชื่อไม่ได้ แต่ผมว่านะ เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลยต่อกำนัน
เหมือนพวก ปชป กำลังจะออกตัวกันยังไงไม่รู้ หรือเขารู้ว่า ทหารจะไม่ออก
หลังจากวันที่ 2 กพ ผมว่า ทุกอย่างคงจะชัดขึ้นอีกหน่อย รอดีกว่า
แล้วถ้าเค้าปฏิรูปกันจริงๆ ไม่ว่าฝ่ายใหนจะทำ ผมว่าประเทศไทยคงดีขึ้นไม่มากก็น้อย เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
หลังจากนั้นไอ้พวกนักการเมือง มันก็จะหาช่องว่างเจอ แล้วเราก็จะออกมาปฏิรูปกันอีก
คิดต่าง ไม่ใช้ว่าจะเป็นแดงทุกคน
#22
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:31
สุเทพ อภิสิทธิ์ หย่อง ลูกหยี เจิมศักดิ์ เสรี หรือใครจะเคยโกง หรือแม้แต่สมมติว่ามีคดีอะไรก็แล้วแต่ มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องนำมาค้านการปฏิรูปนิครับ
เพราะเราไม่ได้มาชุมนุมเพื่อปฏิรูปเพื่อใครหรือบุคคลใด
และถ้ามันเป็นตามที่พวกนั้นว่าคือ พวกนักการเมืองมีแต่ชั่วๆเลวๆเหมือนกันหมดทุกคน อ้าว แบบนี้ก็ยิ่งต้องรีบปฏิรูปด่วนครับ อย่าปล่อยให้มีเลือกตั้ง
มาช่วยกันร่างกฎหมายจับสเทพ จับอภิสิทธิ์ ตามพยายานหลักฐานที่เห็นว่าเขาคดโกง รวมทั้งคนอื่นๆด้วย ......รีบๆมาเลย มาช่วยกันปฏิรูป เพื่อเอาสุเทพเข้าคุกหลังปฏิรูป
#23
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 01:31
ผมโดนมาแล้วประเด็นที่ถูกหยิบยกมาตีความคิอ..
-น้อยมากก็คือโกง
-น้อยมากก็ผลประโยชน์ทับซ้อน
-ว่าคนอื่นโกงตัวเองก็โกง
-ถ้าฝ่ายตนไม่รับว่าโกงอีกฝ่ายก็ไม่รับว่าโกงได้
เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเค้าจะปฏิรูปกันแบบใหน แต่เห็น อดีต สส.ปชป หลายคนไปเลือกตั้งล่วงหน้า
วันนี้คนนึงออกมายอมรับในช่วงบลูสกายหล่อๆหน่อยผมจำชื่อไม่ได้ แต่ผมว่านะ เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลยต่อกำนัน
เหมือนพวก ปชป กำลังจะออกตัวกันยังไงไม่รู้ หรือเขารู้ว่า ทหารจะไม่ออก
หลังจากวันที่ 2 กพ ผมว่า ทุกอย่างคงจะชัดขึ้นอีกหน่อย รอดีกว่า
แล้วถ้าเค้าปฏิรูปกันจริงๆ ไม่ว่าฝ่ายใหนจะทำ ผมว่าประเทศไทยคงดีขึ้นไม่มากก็น้อย เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
หลังจากนั้นไอ้พวกนักการเมือง มันก็จะหาช่องว่างเจอ แล้วเราก็จะออกมาปฏิรูปกันอีก
ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง หลังปฏิรูปเสร็จ เขาก็ไม่มีสิทธิ์มัครเป็น สส.ครับ มันเป็นอาชีพเขา
คุณน่าจะเข้าใจโดยไม่ยากนะ
#24
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 01:40
ไม่หนีคดี...จบ
#25
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 01:57
คลิปนี้เขารวบรวม การโกงของทักษิณ
#26
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 02:37
กลัวอะไร คนเก่งที่มีคุณธรรมในชาติ น่าจะยังมีอีกเยอะ คุณภาพของคนดีๆน่าจะมีอีกเยอะ สมัครมาเลยจ้าา หาเสียงผ่านโซเชียลเอาเลยเซพได้หลายบาท
#27
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 07:02
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี
1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ
1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง
1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ
1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;
ไม่เห็นใครหนีไปต่างประเทศเหมือนพ่ องเหลี่ยมของเ มิงสักคน
ใครโกงก็ส่งให้ศาลตัดสินดีกว่า ...ไอ่ค วายเอ๊ย
#28
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 07:35
จะแก้เรื่องโกงแต่จะให้คนโกงด้วยสันดานมาแก้ฝันไปเถอะ
คุ้นๆบ้างไหม ใครบอกรวยแล้วไม่โกงสุดท้ายโกงแม่งหนักกว่าเดิม
#29
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 07:54
ผมโดนมาแล้วประเด็นที่ถูกหยิบยกมาตีความคิอ..
-น้อยมากก็คือโกง
-น้อยมากก็ผลประโยชน์ทับซ้อน
-ว่าคนอื่นโกงตัวเองก็โกง
-ถ้าฝ่ายตนไม่รับว่าโกงอีกฝ่ายก็ไม่รับว่าโกงได้
เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเค้าจะปฏิรูปกันแบบใหน แต่เห็น อดีต สส.ปชป หลายคนไปเลือกตั้งล่วงหน้า
วันนี้คนนึงออกมายอมรับในช่วงบลูสกายหล่อๆหน่อยผมจำชื่อไม่ได้ แต่ผมว่านะ เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลยต่อกำนัน
เหมือนพวก ปชป กำลังจะออกตัวกันยังไงไม่รู้ หรือเขารู้ว่า ทหารจะไม่ออก
หลังจากวันที่ 2 กพ ผมว่า ทุกอย่างคงจะชัดขึ้นอีกหน่อย รอดีกว่า
แล้วถ้าเค้าปฏิรูปกันจริงๆ ไม่ว่าฝ่ายใหนจะทำ ผมว่าประเทศไทยคงดีขึ้นไม่มากก็น้อย เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
หลังจากนั้นไอ้พวกนักการเมือง มันก็จะหาช่องว่างเจอ แล้วเราก็จะออกมาปฏิรูปกันอีก
ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง หลังปฏิรูปเสร็จ เขาก็ไม่มีสิทธิ์มัครเป็น สส.ครับ มันเป็นอาชีพเขา
คุณน่าจะเข้าใจโดยไม่ยากนะ
แต่ไปรณรงค์ห้ามประชาชน ไม่แปลกหรอครับ
คิดต่าง ไม่ใช้ว่าจะเป็นแดงทุกคน
#30
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 07:55
นอนตายตาหลับแล้วครับพี่น้อง
ปชป.แต่ละคนที่พวกมันใช้เวลาแทบตายขุดคุ้ยประวัติมา
ไม่มีใครทำผิดเลยสักคนเดียว เลยต้องเลี่ยงไปเอาพ่อแม่พี่น้องเขามาประจานซะงั้น
แปลว่า ขนาดเดินทางเสาะหาชนิดข้ามภูเขาหิมาลัยสามลูกมาสามชาติเศษแล้ว
ก็ยังหาความผิดมาป้ายสีปชป.ไม่ได้เลยนะนั่น
เอิ๊กๆๆๆๆ
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 07:56.
#31
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:30
ดีนะไม่ขุดไปถึงสมัยเด็กให้เพื่อนลอกการบ้าน สนับสนุนให้เพื่อนโกง 555
#32
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:31
นั้งอ่านกระทู้นี้ ประมวลผลแล้ว
พรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรครวมกัน.......ยังโกงไม่เท่าไอ่แม้วโกงคนเดียวเลย
#33
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:37
ไม่แปลกนี่ครับ เพราะครั้งต่อไปเขาต้องส่งลงเลือกตั้งไม่งั้นพรรคโดนยุบแต่ไปรณรงค์ห้ามประชาชน ไม่แปลกหรอครับผมโดนมาแล้วประเด็นที่ถูกหยิบยกมาตีความคิอ..
-น้อยมากก็คือโกง
-น้อยมากก็ผลประโยชน์ทับซ้อน
-ว่าคนอื่นโกงตัวเองก็โกง
-ถ้าฝ่ายตนไม่รับว่าโกงอีกฝ่ายก็ไม่รับว่าโกงได้
เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเค้าจะปฏิรูปกันแบบใหน แต่เห็น อดีต สส.ปชป หลายคนไปเลือกตั้งล่วงหน้า
วันนี้คนนึงออกมายอมรับในช่วงบลูสกายหล่อๆหน่อยผมจำชื่อไม่ได้ แต่ผมว่านะ เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลยต่อกำนัน
เหมือนพวก ปชป กำลังจะออกตัวกันยังไงไม่รู้ หรือเขารู้ว่า ทหารจะไม่ออก
หลังจากวันที่ 2 กพ ผมว่า ทุกอย่างคงจะชัดขึ้นอีกหน่อย รอดีกว่า
แล้วถ้าเค้าปฏิรูปกันจริงๆ ไม่ว่าฝ่ายใหนจะทำ ผมว่าประเทศไทยคงดีขึ้นไม่มากก็น้อย เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
หลังจากนั้นไอ้พวกนักการเมือง มันก็จะหาช่องว่างเจอ แล้วเราก็จะออกมาปฏิรูปกันอีก
ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง หลังปฏิรูปเสร็จ เขาก็ไม่มีสิทธิ์มัครเป็น สส.ครับ มันเป็นอาชีพเขา
คุณน่าจะเข้าใจโดยไม่ยากนะ
- MuuSang likes this
#34
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:41
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี
1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ
1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง
1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ
1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;
คำถามเดียวครับ
มีชื่อเจ้าตัวแบบตรงๆไหม ที่มีคดีทุจริตอยู่ในศาล
(เช่น นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีคดี ..........)
ที่ยกมานี่ ชื่อญาติทั้งนั้นเลยนะครับ
แต่ของทักษิณนี่ คดีเป็นของเจ้าตัวเลยนะครับ มันแตกต่างกันมากๆ
- Bookmarks likes this
#35
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:02
ไม่โยงไปที่ สุรนันท์ เวชชาชีวะ ด้วยว่ะ
มีลูกพี่ลูกน้องชื่อสุรนันทน์ เวชชาชีวะ
เป็นลิ่วล้อนักโทษขายชาติ ช่วยเจ้านายหนีโทษจำคุก 2 ปีในคดีที่ศาลฎีกาตัดสินแล้ว
เลวฝุดๆเลยนะครัชอภิสิทธิ์เนี่ย
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and Bookmarks like this
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#36
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:07
อ่านดูเห็นมีแต่บอกว่า "ญาติ" หรือ "ลูก" โกง
ไม่เห็นมีข้อไหนบอกว่า "เขา" โกง
ปล. แล้วความเลวของพร่องพวกเมิงนี่ ไม่เคยเห็นเลยนะ 5555+
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#37
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:44
ที่รู้ๆ ฝ่ายเสื้อแดง แก้กฎหมายเพื่อโกงอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งมีแต่ผู้นำทราราช ที่เป็นเผด็จการแท้จริง ที่จะทำได้
#38
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:47
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี
1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ
1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง
1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ
1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;
เยอะม๊วกๆๆๆ
ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน