สื่อต่างชาติแฉ อันธพาล และทหารรับจ้างอาชีพชาวเขมร คือตัวป่วนม็อบ ลุงกำนัน ทั้งที่กระทรวงการคลัง และราชดำเนิน รวมถึงหน้ารามคำแหง Global Research ตีแผ่ถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของ ทักษิณกับฮุนเซน อันเป็นที่มาของชายชุดดำ ในบทความชื่อ Thailand’s Thaksin Regime and The Cambodian Connection เขียนโดย Tony Cartalucci เมื่อ 6 ธันวา 56 ค่ำคืนหลังจากคนไทย ผ่านการเฉลิมฉลอง วันพ่อแห่งชาติ กลุ่มอันธพาลติดอาวุธ ได้โจมตีกลุ่มผู้ชุมนุม ประท้วงรัฐบาล ที่ยึดพื้นที่บริเวณ กระทรวงการคลัง กลุ่มอันธพาล ขี่มอเตอร์ไซค์ ยิงปืน และขว้างระเบิด เป็นผลให้มีผู้บาดเจ็บ หลายคน ผู้ชุมนุม คนหนึ่งสูญเสียแขน แกนนำผู้ชุมนุม เรียกร้องให้รัฐบาล สืบสวนเหตุการณ์นี้ แต่เรื่องก็เงียบไป ในคืนเดียวกัน ที่เวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นเวทีหลัก ในการต่อต้านรัฐบาล ได้จับกุมชายชาวกัมพูชา 5 คน เนื่องจากพยายามเผา ขณะที่รัฐบาลไม่สามารถ ใช้กำลังโดยตรงกับผู้ชุมนุมอย่างเปิดเผย เพราะเกรงว่า การใช้ความรุนแรง ที่มากเกินไป จะทำให้ทหารทำการปฏิวัติ โค่นล้มรัฐบาล ดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันรัฐบาลจึงสะดวกใจ ที่จะจ้าง กลุ่มอันธพาล และทหารรับจ้างมืออาชีพ ปฏิบัติการโจมตีสังหาร ภาพมือปืนของฝ่ายรัฐบาล ถูกบันทึกภาพไว้ในวิดีโอ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ของความรุนแรงครั้งแรกต่อผู้ชุมนุม การจับกุมชาวกัมพูชา 5 คน ขณะพยายามวางเพลิง เป็นการยืนยันว่า พวกนี้ถูกจ้างมา และยังเปิดโปงรัฐบาลว่า เป็นผู้ดำเนินการ ไปสู่ความรุนแรง รัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์ กับฮุน เซน จอมเผด็จการเพื่อนบ้านนี้ เป็นที่รู้กันดี ในประเทศไทย อย่างไรก็ตามยังมีคนรู้เรื่องนี้ กันเพียงน้อยนิด เนื่องจากสื่อตะวันตก ช่วยปิดบังเรื่องนี้ การก่อการจลาจล ที่ล้มเหลว เมื่อปี 2552 และ 2553 หลังจากฝ่ายทหาร โค่นล้มทักษิณ ปี 2549 นักการเมืองฝ่ายทักษิณจำนวนหนึ่ง ได้อพยพไปยังเขมร นอกจาก นี้ ฮุน เซน ได้แต่งตั้งทักษิณ เป็นที่ปรึกษา รัฐบาลทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้มีสถานะทางกฎหมาย ผู้ที่หลบหนีไปยังกัมพูชา หลังจากเหตุรุนแรง ช่วงปี 2553-2553 มี จักรภพ เพ็ญแข หนึ่ง ในแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ของทักษิณ เอเชีย ไทม์ ได้เขียนบทความ ในหัวข้อ Plots seen in Thaksin’s Cambodia gambit ว่า ก่อนที่จะหลบหนีออกไป จักรภพ ได้เล่า ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า “นปช.ได้เคลื่อนย้าย กำลังติดอาวุธขนาดเล็ก อย่างลับๆ จากกัมพูชาเข้ามา ยังภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ฝ่ายนี้เข้มแข็งที่สุด นปช.พร้อมที่จะใช้อาวุธ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ที่รวมถึง การโค่นล้มรัฐบาล และรื้อฟื้นอำนาจของทักษิณ” นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงาน ถึงภาพกว้างๆ ในการใช้กำลังทหาร เพื่อกำจัดศัตรู ของทักษิณด้วย ผู้สนับสนุนที่ติดอาวุธของทักษิณ ในประเทศไทยอาจมีน้อย จากจำนวนผู้สนับสนุนประมาณ 10,000-30,000 คน สามารถระดมเงิน และรถบริการ ในเวลาใดก็ได้ แต่มีคนประมาณ 1,000 คน อยู่ในวัยที่อาจจะใช้อาวุธ เพื่อช่วยกำจัดศัตรูของทักษิณ ทักษิณจึง ใช้กำลังทหารรับจ้าง มืออาชีพ จากกำลังกึ่งทหาร หน่วยชายแดน แถวภาคอีสาน แต่ก็มีไม่เกิน 300 คน จากกำลังทหารไทยใน ปี 2553 จากการที่ทักษิณยึดเอา กำลังตำรวจแห่งชาติไว้ได้ อย่างเหนียวแน่น ทำให้สามารถขยายที่มั่น ทางการเมืองในพื้นที่ ภาคเหนือ และอิสาน แต่เมื่อตำรวจเหล่านี้ ติดอาวุธ ตำรวจยังขาดการฝึกอบรม ทักษะการจัดองค์กร และการประสานงาน ในการรองรับภัย คุกคามของชาติได้ ดังจะพิสูจน์ได้ จากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ในการรับมือ กับผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ภัยคุกคามที่แท้จริงมาจาก การหลั่งไหลเข้ามา ของทหารรับจ้าง ชาวกัมพูชาที่ได้รับการฝึกอบรม ติดอาวุธ และการอำนวยการ จากกัมพูชา โดยตรง และส่งเข้ามาในประเทศไทยอย่างลับๆ เพื่อเข้ามาวางกำลัง และ ปฏิบัติการในจุดสำคัญ ในระหว่างที่ทักษิณ กำลังรวบรวมอำนาจ การดำเนินการดังกล่าว จะช่วยเสริมกำลังตำรวจ และกองกำลังขนาดเล็ก จากกลุ่มเสื้อแดง ของทักษิณ ซึ่งอาจจะปฏิบัติ โดยลำพังต่อกลุ่มต่อต้านทักษิณ ก็เป็นได้ นักวิเคราะห์ตะวันตกได้คาดการณ์ มานานแล้วว่าจะเกิด สงครามกลางเมือง ในไทย โดยอาจจะใช้รูปแบบของ ซีเรีย โดยใช้การรุกรานอย่างปิดลับ เชื่อมโยง กับประสานการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อ โดยสื่อตะวันตก แทนที่จะเป็นจอร์แดน เลบานอน ตุรกี และอิรักตอนเหนือ ส่งกองกำลังเข้าไปในในซีเรีย แต่สงครามใหม่นี้ จะเป็นการที่กัมพูชาส่งกองกำลัง และสิ่งอุปกรณ์เข้าไป ในภาคอิสาน ของไทย โดยหวังผลให้เกิดความขัดแย้ง ระหว่างที่มั่นทางการเมือง ของทักษิณ กับภาคอื่นๆของประเทศ รูปแบบที่ต่างชาติ หนุนหลังทักษิณ เป็นรูปแบบเดียวกันกับ ที่ใช้ในซีเรีย โดยกองกำลังได้เตรียมการไว้ ที่ชายแดนซีเรีย หลายปีก่อนที่ความรุนแรง จะปะทุขึ้นในปี 2554 ขณะที่สื่อตะวันตก กล่าวหาว่า ซีเรียเป็นผู้ก่อ สงครามกลางเมือง ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นเสมือนกับ การรุกรานจากต่างประเทศ โดยใช้ทหารรับจ้าง โดยนาโต และชาติต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบ กับซีเรีย ประเทศไทย มีการบังคับบัญชา ทางยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจและอื่นๆ ที่เหนือกว่ากัมพูชา กลไกในภูมิภาค มีไม่กี่กลไกที่จะป้องกัน การที่ไทยจะใช้ความรุนแรง กับกัมพูชาได้ ฮุน เซน จึงใช้วิธีการที่ซับซ้อนกว่าคือ การสนับสนุนทหารรับจ้าง และ/หรือสิ่งอุปกรณ์ เมื่อฮุน เซนต้องเผชิญกับการต่อต้าน อำนาจเผด็จการในประเทศ ก็ย่อมจะคอยระวัง แนวร่วมที่เปิดตัวในต่างประเทศ และที่สำคัญสุดทหารไทยรู้ทัน !! พรุ่งนี้มาดูกันต่อว่า ครั้งนี้ แนะให้ไทยใช้ Egyptian Model มาใช้