ในความคิดเห็นผมกลับมองตรงข้าม เพราะคนเสื้อแดงแท้ๆ มีไม่มากแล้ว
ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงที่อยู่ในเขตเมืองส่วนใหญ่ก็อยู่ในเขตชุมชนแออัด คนพวกนี้จึงอยู่ในสังคมแคบๆ เป็นคนตกขอบ โดดเดี่ยว เพราะไม่เคยฟังเหตุผลอะไรนอกจากความเชื่อ เหมือนคนคลั่งลัทธินอกศาสนา ถือทักษิณเป็นพ่อ คนกลุ่มนี้ก็พอมีบทบาทอยู่บ้าง แต่จำนวนก็มีไม่มากอย่างที่คิด ก็คงยอมรับว่าคนกลุ่มนี้ยังมีบทบาทสูงในกลุ่มคนเสื้อแดง ที่พร้อมจะลุยได้ทุกเมื่อหากมีใครไปปั่นหัวเข้า แต่ด้วยศักยภาพของคนกลุ่มนี้มีจำกัด ถ้าให้ไปปาระเบิด เผารถเมล์ คงทำได้ ถ้าสูงกว่านั้นลำบาก อย่างเช่นลาก m 79 ออกมายิงทำไม่ได้แน่
ส่วนคนที่อยู่นอกเขตเมืองก็ไม่ค่อยจะมีได้เห็นกันแล้ว จำนวนคนขึ้นอยู่ที่พวกของนักการเมืองท้องถิ่น ที่เขาพูดอะไรก็เชื่อ เอาอะไรมาให้ก็เอา คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยมีความคิดเห็นอะไรมาก ทำงานทั้งวัน ไม่มีเวลาสนใจเรื่องการบ้านการเมือง แล้วถ้าไม่มีเรื่องเดือดร้อนถึงตัว อย่างเช่น จำนำข้าวไม่ได้เงิน เขาไม่ออกมาวุ่นวายกับสังคมภายนอก เพราะเขาต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นคนของนักการเมืองท้องถิ่นที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงสีเสื้อได้ตามนักการเมืองหยิบยื่นให้ ทั้งหมดจึงว่าไปประเมินคนเสื้อแดงแท้ๆ สูงเกินไป
วันนี้ทักษิณจึงไม่แน่ใจในกำลังเสื้อแดงว่าแท้จริงแล้วมีเท่าไร หากก่อสงคราม ถ้าไม่อย่างงั่นทักษิณทำสงครามไปนานแล้ว ไม่รอถึงวันนี้
ส่วนแกนนำเสื้อแดง ก็หลงว่าตัวเองมีมวลชนอยู่ในมือ แต่แท้จริงมีจำนวนไม่มาก กองกำลังที่เรียกใช้ได้ลดน้อยไปมาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไร อาจเป็นเพราะคนเหล่านี้คาดหวังมากกับแกนนำ จึงแห่กันไปขอความช่วยเหลือแบบล้นหลาม แต่แทบทุกคนผิดหวัง แกนนำปล่อยทิ้งแบบไม่เหลียวแล
จึงอยากบอกว่าอย่าไปประเมินคนเสื้อแดงสูงเกินไป เพราะตอนนี้กองกำลังเสื้อแดงปั่นป่วนไปหมดทั้งระบบ เพราะนักการเมืองยังไงมันก็หวังประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก หากมีปัญหาหรือความรุนแรงเกิดขึ้น คนพวกนี้เลือกที่จะยืนดูเฉยๆ จนมั่นใจว่าฝ่ายใดจะชนะ ถึงจะเข้าร่วมตอนท้าย
แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น คือแกนนำหลักอยู่หลังฉากแล้วทำให้ปี 53 สร้างความปั่นป่วนให้กับ อภิสิทธิ์กับสุเทพ ได้ ตอนนี้ก็ค่อยๆ ตีจาก ทักษิณ และพร้อมอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณเสียด้วยซ้ำ อย่างเช่น ชัจ กุลดิรก
มันจึงว่า ถ้าวันนี้ลองคนออกมาเยอะดูสิ รับรองนักการเมืองส่วนหนึ่งจะหันกลับ 360 องศา เข้าข้างประชาชน พร้อมปล่อยทักษิณอยู่ตามลำพัง
ขออย่าหาว่าดูถูกเลยนะ (ถ้าแกนนำเสื้อแดงได้อ่าน) เพราะตอนนี้แกนนำทั้งหลายทำได้อย่างเดียวคือ หาที่หลบภัยและขนทรัพย์สินออกได้อย่างไรเท่านั้น ส่วนที่ว่าจะคิดทำสงครามกลางเมืองนั้นรับรองไม่มี แต่ถ้าต้องการยืนยันให้ชัดว่าแกนนำเสื้อแดงเป็นอย่างไร ให้สังเกตุ นายวีระกานต์ เป็นหลัก คนนี้จะออกมาร่วมเสมอหากเสื้อแดงเป็นฝ่ายได้เปลี่ยน เพราะวีระกานต์ มาจากนักการเมืองที่จะรอดูสถานการณ์ตลอดว่า ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่ พักนี้ถ้าสังเกตุให้ดีๆ นายวีระกานต์ หายไปไหน คิดเอา
แต่นี้หมายถึงสถานการณ์วันนี้เป็นแบบนี้นะ ถ้าวันไหนลุงสุเทพอ่อนกำลัง แล้วมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.นี้ รับรอง สงครามเกิดขึ้นแน่ เพราะทักษิณเหมือนเป็นพยักฆ์ติดปีก ที่จะได้นักการเมืองเข้ามาเป็นกองหน้าทันที แล้วขบวนการเสื้อแดงก็จะออกไล่ล่า คนที่คิดต่างไปทีละคน
ทั้งหมดนี้ถ้าไม่เชื่อ ลองเอาตัวเองเป็นตัวตั้งดูแล้วกันว่า ถ้าคุณมีพ่อเป็นตำรวจใหญ่ คุณกลัวกฎหมายไหม ในทางตรงกันข้ามถ้าวันหนึ่ง พ่อที่เป็นนายตำรวจใหญ่คนเดียวกันนั่นแหละ โดนสอบสวนเรื่องทุจริตและกำลังจะถูกไล่ออกอีกไม่กี่วัน คุณจะคิดเรื่องกฎหมายเหมือนเดิมไหม
ดังนั้นคนที่บอกว่า ถ้า กปปส.ทำสำเร็จจะเกิดสงคราม ผมรับรอง ไม่มีทางเกิด เพราะเมื่อถึงวันนั้น ทักษิณก็คงหาแกนนำเสื้อแดงไม่เจอแล้ว
วันนี้จึงเป็นโจทย์ใหญ่ให้คนไทยได้คิดแล้วว่า จะปกป้องประเทศนี้ไม่ให้เกิดสงครามการเมืองได้อย่างไร คำตอบมันง่ายนิดเดียวคือ เพียงแค่พวกคุณก้าวเดินก้าวขาออกมาเดินบนถนน คุณก็ถือว่าช่วยป้องกันสงครามกันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นถ้าลุงกำนันทำไม่สำเร็จละก็ ผมนึกไม่ออกว่า ทุกตารางนิ้วในประเทศนี้จะมีที่ยืนให้คนดีอยู่ไหม วันนี้จึงไม่ใช่เรื่องขอคนใส่เสื้อสีอะไรแล้ว แต่เราจะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากสงครามกลางเมืองได้อย่างไรมากกว่า
อีกนิด บ้านเมืองนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกคุณเชื่อหรือไม่ วันนี้ทักษิณเริ่มคิดแล้วว่า ที่กลับบ้านไม่ได้ เป็นเพราะแกนนำเสื้อแดง ที่ออกมาโวยวายเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม จนเกิดกระแสลามไปทั่วประเทศ ทักษิณคิดว่าแกนนำไปเสื้อแดงไฟเขียวให้คนออกมาปฏิเสธ พรบ.นี้ได้แบบเสรี (ถ้าคิดให้ดีกระแสต่อต้านมีขึ้นหลังจากแกนนำเสื้อแดงออกมาโวยวาย แม้ตอนหลังหยุดแกนนำได้ แต่ก็สายไปแล้ว ดังนั้นต้นเหตุไม่ใช่ใคร นอกจากแกนนำเสื้อแดงล้วนๆ) อันนี้คนเสื้อแดงก็คงต้องตอบทักษิณเอาเอง แต่ก็คิดว่าจะไปห้ามไม่ให้ทักษิณคิดคงไม่ได้ เพราะเรื่องมันเป็นแบบนี้จริงๆ
ก็เลยอยากถามทักษิณไปว่า ลองคิดให้ดีสิว่า การมีเสื้อแดง มีประโยชน์กับตัวเองและครอบครัวไหม ถ้าปี 53 ไม่มีเสื้อแดง วันนี้ยิ่งลักษณ์ก็ได้เป็นนายกฯ อยู่ดี ต่างกันตรงที่ทักษิณไม่เป็นหนี้บุญคุณใคร ทักษิณไม่ต้องเสียเงินเสียทอง คน กทม.คงไม่เกลียดทักษิณมากขนาดนี้ แล้วทักษิณส่งพงษพัศก็คงเป็นผู้ว่า กทม. ไปแล้ว แล้วเมื่อได้ผู้ว่าฯ แล้ว ม็อบก็ไม่มีทางเกิดขึ้นใน กทม. แน่ๆ
ถามต่อว่า ที่วันนี้แกนนำเสื้อแดงได้ปูนบำเหน็จนะ จะต้องปูนกันต่อไปอีกนานแค่ไหนถึงจะพอกับพวกเขา วันนี้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าจะให้ตำแหน่งไปมากแค่ไหน ก็มีปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน พูดก็พูดต่อให้ยกตำแหน่ง รมต.ให้แกนนำเสื้อแดงทั้งหมด ก็คงไม่น่า สุดท้ายก็มีปัญหาอยู่ดี ก็ยังดีที่วันนี้ทักษิณพอคิดได้บ้าง แต่กว่าจะคิดได้ก็ดูเหมือนจะสายเกินเสียแล้ว ทางที่ดีคือคงต้องคิดใหม่แล้วว่า จะทำอะไรหลังจากนี้ จะสู้แบบนี้ต่อไปเพื่อให้ปัญหาใหญ่ไปเรื่อยๆ หรือจะหยุดคิดสักนิด แล้วจะเข้าใจเองว่า ควรทำอะไรต่อไป ถ้าไม่ใช่ การไปหาความสุขในบันปลายชีวิตอย่างสงบ