http://www.thaipost....ay/221213/83729
ปชป.เตือนแบงก์
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อำนาจในการอายัดบัญชีทรัพย์สินหรือเงินในบัญชีนั้นไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ปปง. ดังนั้นนายธาริตกำลังใช้อำนาจเกินขอบเขตและขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนขอเตือนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือ เรื่องนี้ตนทราบมาว่านายธาริต ดำเนินการโดยพลการ ไม่ได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของหน่วยงาน ตรงนี้เปรียบได้ว่าเป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ใช้อำนาจเกินขอบเขต รังแกประชาชน ตรงนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกรงว่าการชุมนุมในวันที่ 22 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเอาไม่อยู่
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า บัญชีธนาคารของตนมีอยู่บัญชีเดียวคือธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งนี้ตนขอเรียนว่าการดำเนินการของตนเป็นการดำเนินการตามสิทธิในฐานะประชาชนคนไทย ซึ่งมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ และตนก็ไม่ได้กระทำการใดๆ ที่มีส่วนให้เกิดการดำเนินการอะไรที่นอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า ส่วนตัวแม้จะเคยทำหน้าที่บนเวที แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การที่ไปขึ้นเวทีก็ไปในฐานะประชาชนคนไทยที่มีสิทธิจะกระทำได้ ดังนั้นดีเอสไอและธนาคารไม่มีสิทธิจะมาอายัดหรือดำเนินการใดๆ กับบัญชีของตน
"ขอตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง ถ้ามีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ผมคงต้องดำเนินการตามกฎหมายกับทางธนาคารและดีเอสไอต่อไป" นายองอาจกล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง กล่าวเช่นกันว่า นายธาริตควรหยุดเลิกใช้กฎหมายมาเป็นทาสรับใช้ หรือเป็นขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้มอบอำนาจให้อธิบดีดีเอสไอสามารถสั่งยึดหรืออายัดการทำธุรกรรมของเอกชนกับธนาคารได้ ยกเว้นนอกจากจะมีใช้อำนาจของ ปปง. ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานมาดำเนินการได้
"ขอเตือนไปยังธนาคารเจ้าของบัญชีว่า หากทางธนาคารหลงเชื่อคำขู่ หรือการรับใช้กระบวนการระบอบทักษิณ ธนาคารอาจจะมีความเดือดร้อนในฐานะที่ยับยั้งการทำธุรกรรมที่เป็นสัญญาทางแพ่งระหว่างธนาคารกับตนหรือเอกชนรายอื่น จึงอยากให้ธนาคารได้พิจารณาทางข้อกฎหมายอย่างถ่องแท้ รอบคอบ ส่วนนายธาริตก็ให้เตรียมรับทราบการถูกแจ้งความดำเนินคดีเพิ่ม ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขัดกฎหมายอาญามาตรา 157 และใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษตามกฎหมายอาญามาตรา 200" นายสาธิตกล่าว
"ธาริต" เดินหน้าขู่
อย่างไรก็ตาม นายธาริตยังคงใช้ตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอขัดขวางการชุมนุมต่อไป โดยเผยว่า จะต้องถอดเทปการปราศรัยของบุคคลที่ขึ้นเวทีปราศรัย กปปส.ทุกคน เพราะดีเอสไอต้องดูเจตนา จากนั้นก็จะไปดูข้อมูลย้อนหลังว่ามีความเชื่อมโยงกับ กปปส.มากน้อยแค่ไหน ถ้าเข้าข่ายก็อาจจะต้องดำเนินการ
เขากล่าวว่า การบริจาคเงินให้ กปปส. ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นรายๆ ไป กลุ่มทุนที่มีเจตนาดีเอสไอก็ต้องดูเป็นพิเศษ ถ้าเข้าข่ายเจตนาก็สามารถดำเนินการฐานกระทำผิดร่วมกันได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ดีเอสไอได้ตั้งกรอบหรือไม่ว่าการบริจาคเงินจำนวนเท่าไรถึงจะมีความผิด นายธาริต ตอบว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เราดูพวกที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงมากกว่า ถ้าไม่ถึงขนาดเป็นท่อน้ำเลี้ยง ดีเอสไอไม่สามารถดำเนินการได้