จับตา...การจัดตั้งกองทัพพิทักษ์รัฐบาล
ขออนุญาติเสนอบทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับเช้าวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 ได้รายงานข่าวกระทรวงกลาโหมเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งกองกำลังสำรอง แต่ในขณะเดียวกันกลับมีคำร่ำลือขึ้นในวงการทหารว่าจะมีการออกเป็นพระราชกำหนดแทนการออกเป็นพระราชบัญญัติ
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารของประเทศไทย ของกองทัพไทย และของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
โดยเฉพาะและสำคัญที่สุดคือ เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารของสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะเป็นสิ่งกำหนดอนาคตของสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าจะดำรงอยู่หรือดับสูญ
เพราะร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งกองกำลังสำรองนี้เป็นเรื่องพิลึกพิลั่น เป็นเรื่องที่มีวาระซ่อนเร้นเกี่ยวกับการยึดครองประเทศไทยของระบอบทักษิณโดยตรง
ก่อนอื่นก็จะต้องบอกกล่าวให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้ทั่วกันก่อนว่าร่างกฎหมายฉบับนี้มีเนื้อหาว่าอย่างไร
ประการแรก ให้มีการจัดตั้งกองกำลังสำรองที่อ้างว่าเพื่อป้องกันเอกราชอธิปไตย เพื่อคุ้มครองสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม
ประการที่สอง กองกำลังสำรองนี้จะเป็นกองกำลังที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม มีคณะบุคคลเป็นผู้บังคับบัญชา เรียกว่าคณะกรรมการกองกำลังสำรอง และตัวบุคคลคือนายกรัฐมนตรี พูดชัด ๆ ก็คือนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ประการที่สาม กองกำลังสำรองนี้มีอัตรากำลังตามที่คณะกรรมการคือที่ นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นผู้กำหนดว่าจะให้มีเท่าใด รวมทั้งให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อให้เป็นกำลังรบที่มีประสิทธิภาพ
รวมความก็คือกองกำลังสำรองนี้จะเป็นกองทัพใหม่ขึ้นมาอีกกองทัพหนึ่ง แต่ไม่ใช่กองทัพไทย และไม่ขึ้นสังกัดกับกองทัพไทย และไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นจอมทัพที่ว่านี้ แต่จะมีนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจอมทัพโดยไปแปะฝากไว้ที่กระทรวงกลาโหม
นี่คือแผนการและแนวความคิดที่กำลังจะออกเป็นกฎหมาย ซึ่งในไม่กี่วันข้างหน้านี้ก็คงจะมีความชัดเจนว่าจะออกเป็นพระราชกำหนดหรือว่าจะออกเป็นพระราชบัญญัติ
(จากบทความวันนั้นจนถึงวันนี้วันที่ 14 ธค. 2556 รัฐบาลต้องประกาศยุบสภาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นลองคิดดูเอาเองครับ)
ก็คงจะมองเห็นกันแล้วว่าถ้ากองทัพนี้จัดตั้งขึ้นสำเร็จ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเป็นอย่างไร และใครคือเจ้าของประเทศไทย จึงเป็นเรื่องที่คนไทยต้องให้ความสนใจและต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าเขาจะเอากันอย่างไร
แต่ทว่ากองทัพแบบนี้เห็นทีจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญนั้นบัญญัติให้กองทัพไทยเป็นกองทัพที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตย ความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์แห่งชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ และการคุ้มครองประชาชน รวมทั้งการพัฒนาประเทศ
กองทัพไทยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา และมีพระมหากษัตริย์ดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
กระทรวงกลาโหมมีอำนาจหน้าที่เฉพาะทางธุรการเท่านั้น ไม่ใช่จอมทัพไทย ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชาทหารทุกเหล่าทัพ และเป็นหน่วยงานที่มีนักการเมืองเป็นผู้บังคับบัญชา
ดังนั้นร่างกฎหมายฉบับนี้จึงไม่เพียงแต่ขัดรัฐธรรมนูญธรรมดาเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแห่งรัฐ ที่ให้จัดตั้งกองทัพขึ้นอีกกองทัพหนึ่งนอกเหนือจากกองทัพไทย และยังกำหนดให้นักการเมืองเป็นจอมทัพอีกด้วย
ประเทศไทยจะพินาศฉิบหายวายวอดถ้าหากประเทศเดียว แต่มีกองทัพถึงสองกองทัพ โดยที่กองทัพไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ แต่กองทัพที่เรียกว่ากองกำลังสำรองมีนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจอมทัพ
และถ้าหากมีการตั้งกองทัพเช่นว่านี้สำเร็จ ก็ลองนึกกันดูว่าระหว่างกองทัพไทยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ กับกองทัพที่นักการเมืองเป็นจอมทัพนั้น นักการเมืองมันจะสนับสนุนการพัฒนากองทัพไหนมากกว่ากัน?
ในที่สุดกองทัพไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพก็จะง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ได้ มีแต่เจ๊งอย่างเดียว เหมือนกับการตั้งสายการบินของนักการเมืองขึ้นมา แล้วทำให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เจ๊งฉิบหายวายวอดอยู่ในขณะนี้นั่นเอง!
แหล่งอ้างอิง:
นสพ. แนวหน้า: จับตา...การจัดตั้งกองทัพพิทักษ์รัฐบาล